ความคิดเห็นที่ 1 แล้ว... จากคุณ : แมวเหมียวปากมอม เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 02:34:50

ความคิดเห็นที่ 2 ขอทราบวิธี Process ด้วยครับ  และรูปประมาณนี้ต้องใช้ขาแบบตามดาวด้วยไหมครับ หรือว่าเอามาเรียงกันในคอมทีหลังได้ จากคุณ : ekawatchaow เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 03:57:07

ความคิดเห็นที่ 3 ถ่าย stack หรือครับ จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 07:02:41

ความคิดเห็นที่ 4 ทำไงอ่ะครับน้าเหมียว สอนมั่งจิ เมื่อคืน อุตส่่าห์ อดตาหลับ ขับตานอน   เพื่อได้รูป noise ตรูดบาน  กับเส้นๆบนฟ้าสองเส้น  เหอๆ จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 07:31:57

ความคิดเห็นที่ 5 สุดยอดเลยคร้าบบน้าแมว มาเข้าคิวรอให้สอนด้วยคนครับ เผื่อมีโอกาสอยากลองถ่ายบ้าง แต่อยู่แต่ในเมืองจะถ่ายยังไงหว๋า อิอิอิ จากคุณ : tump เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:03:59

ความคิดเห็นที่ 6 น้าโอ๋ .. ตอนเนี้ย ผมอิจฉาพวกอยู่ ตจว เป็นที่สุดเลยครับ ฟ้าใสสนิท ออกนอกเมืองไปแค่ไม่กี่โล ก็มืดตื๋อ -------------------- น้า ekawatchaow, raksapondet .. ตอนนี้ ผมได้ข้อสรุป การถ่ายภาพดาว สำหรับตากล้องมือสมัครเล่นที่อยู่ต่างจังหวัด แบบง่ายๆ ให้ความเพลิดเพลินไม่น้อยกว่าถ่ายสาว ถ่ายมาโคร อุปกรณ์ที่ต้องการ 1. กล้องที่ noise ต่ำๆหน่อย, มีโหมด manual 2. เลนส์คิตส์ได้ สบายมาก แต่ให้ดี ขอเลนส์สว่างๆหน่อย เลนส์ถ่ายสาวพวก 50/1.8 ก็ได้ แต่ถ้าต้องการมุมกว้างๆ .. samyang fisheye ก็ไม่เลว 3. ขาตั้งกล้องปกติ ไม่ต้องหนัก *** ไม่ต้องเป็นขาตั้งตามดาว *** 4. software .. มีสองอย่างคือ 4.1 ที่ทำ star trail .. คือดาวเป็นเส้นๆ  เช่น registax (นิยมกันมาก แต่ใช้ยากหน่อย), combineZP (นิยมมากเช่นกัน) 4.2 ที่ทำ star dot .. ดาวเป็นดวงๆ อย่างที่แสดงให้ดู เช่นพวก Deep Sky Stacker (DSS, ตัวนี้เยี่ยมมาก เหมาะกับทางช้างเผือก, กลุ่มดาว, ดาวหาง, ดาวตก แต่ใช้กับดาวเคราะห์ไม่ได้), Rot'n'Stack (ใช้ง่าย เหมาะกับการ stack จำนวนไม่มาก เพราะถ้ามาก .. ภาพออกมาค่อนข้างเละ) --------------------------------- สมัยก่อน ต้องใช้ขาตั้งตามดาว + ธูป 21 ดอก เพราะต้องเปิดหน้ากล้องนานเป็นชั่วโมงๆ ระหว่างการเปิดรับแสงดาว .. ไฟฉายแว่บเดียว หรือ แสงไฟจากเครื่องบินที่บินมาทางกล้อง จะทำลายความพยายามนับชั่วโมงๆนั้นทันที แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 08:21:57 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 08:14:06 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:13:34

ความคิดเห็นที่ 7 ยินดีครับน้า tump ผมค้นทั้งเน็ต .. เจอแต่คำแนะนำคร่าวๆ ของคุณศุภฤกษ์ แต่ไม่เจอวิธีเป็นขั้นตอนแบบง่ายๆ ได้แต่ตั้งสมมุติฐาน ทฤษฎี ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพิ่งมีโอกาสได้ทดสอบ วิเคราะห์ และสรุป เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง อยู่ในเมือง .. ขับรถออกไปนอกเมืองไม่เกิน 30 กม แล้วจอดรถในที่มืดๆ ซักชั่วโมงเดียว ก็ได้ภาพงามๆแล้วครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:16:39

ความคิดเห็นที่ 8 กลับมาเข้าเรื่องต่อ สิ่งสำคัญ หลังจากถ่ายภาพแล้วคือ คอมพิวเตอร์ต้องแรงพอ ซอฟต์แวร์บางตัว .. CPU 4 cores + RAM 8 GB + swap space 20 GB + temp space 40 GB .. มันกวาดเรียบ ก่อน crash เพราะเราต้องโปรเซสไฟล์จำนวนมหาศาล .. นับร้อยๆไฟล์ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:19:23

ความคิดเห็นที่ 9 การถ่ายภาพดาว แยกเป็นสองอย่าง คือ 1. ถ่ายดาวเป็นเส้น (trail) 2. ถ่ายดาวเป็นจุด (dot) สองอย่างนี้ ต่างกันพอสมควร แต่มีจุดร่วมคือ ถ่ายภาพจำนวนมาก เพื่อเอามาซ้อนกัน (stacking) จำนวนเท่าไหร่ดี?? ตามสบายเลยครับ ถ้าเป็น star dot .. 150-200 ภาพ, เลนส์สว่างๆ ดีที่สุด เพราะเราต้องการ f/2.8 - f/4 ที่ 10-15 วินาที, ISO 800-1600 ถ้าเป็น star trail .. 3-4 ชั่วโมง, เลนส์คิตส์พอไหว เพราะเราใช้ f/4-f/5.6 ที่ 30-60 วินาที, ISO 800-1600 ได้ ^ ^ ตรงนี้ แปลว่า กล้องคอมแพ็ค ก็ถ่ายได้ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:27:34

ความคิดเห็นที่ 10 น้าแมวเหมียวนี่มีอะไรเล่นดีๆนะเนี้ย เห็นดาวชัดเลย จากคุณ : CHAT SIGNAL เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:34:13

ความคิดเห็นที่ 11 การถ่ายดาว ต่างจากการถ่ายน้องดาว หรือ ทิวทัศน์ f/stop ที่กว้างๆ ไม่ได้ทำให้ดาวสว่างขึ้น เพราะแสงดาวที่จะหล่นบนเซนเซอร์ เราแทบจะนับเป็นจำนวนโฟตอน(อนุภาคแสง)เลย กล้องดูดาว .. f/11 - f/25 ยังให้ภาพดาวที่ "ชัดกว่า" เลนส์ f/2.8 ของกล้องถ่ายภาพซะอีก เพราะกล้องดูดาว .. หน้ากล้องใหญ่มาก .. จนเก็บโฟตอน(อนุภาคแสง)ที่อาจหล่นข้างๆมาได้ การเปิดหน้ากล้องนานๆ .. เพิ่ม "โอกาส" ที่แสงดาวนั้น จะหล่นมาเจอเลนส์เรา ทะลุไปโดนเซนเซอร์ ------------------------------------- จุดแตกต่างของ trail กับ dot ก็คือตรงนี้ trail ใช้เลนส์คิตส์หน้าแคบๆก็ได้ เพราะความคมชัด ไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่ dot ขอเลนส์สว่างๆ เลนส์สว่างๆ .. หน้ามันกว้างงงงงงงงงงงง และเราต้องการ "ความคมชัด" พอสมควร เปิด f/stop กว้างสุด .. ภาพจะไม่คม โดยเฉพาะ "ภาพตรงขอบ" ต้องหรี่ลงมา 1-2 stop เพื่อให้ได้จุดที่ "คมชัดสุด" ถ้าเป็นเลนส์คิตส์ f/4 หรี่ลงไป 2 stop .. หรือ f/8 แสงที่ชนหน้าเลนส์ โดนม่านรูรับแสงบล็อคหมดอะดิ แต่ถ้าเป็นเลนส์ f/1.8 หรี่ลง 2 stop .. ได้ f/4 .. ก็ยังกว้างพอให้โฟตอนลอดผ่านได้อยู่ดี แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 08:36:07 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:35:46

ความคิดเห็นที่ 12 เคยได้ยินเทคนิค stack มาผ่านๆ แต่ไม่เคยดูละเอียดๆ ซักที ถ้าหน้าหนาวนี้ได้ไปเที่ยวทางเหนือ หรืออีสาน ก็น่าจะเอาไปเล่นนะเนี่ย จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:38:53

ความคิดเห็นที่ 13 ดวงดาวตระการตาจริงๆ.. จากคุณ : naryak เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:39:29

ความคิดเห็นที่ 14 ซอฟต์แวร์สมัยนี้ .. สุดยอดไปเลย เมื่อเราถ่ายมานับสิบๆร้อยๆภาพ พอเรามาร์คตำแหน่งดาว ใน 2-3 ภาพแรก โปรแกรมจะใช้ตำแหน่งดาวนั้น เป็นจุดอ้างอิง แล้วจัดการ "ขยับ" ภาพที่เหลือ ให้ตำแหน่งดาวอ้างอิงนั้น หยุดอยู่กับที่ สิ่งสำคัญในเรื่องนี้คือ .. ระยะห่างระหว่างดาวนั้น คงที่เสมอ แม้เวลาจะผ่านไปนับสิบปี ฉะนั้น แม้โลกมีการหมุน ที่ทำให้ตำแหน่งดาวเมื่อเทียบกับขอบฟ้า เปลี่ยนแปลงไป แต่ระยะระหว่างดาวต่อดาว ไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อมีตำแหน่งดาวอ้างอิง การนำเอาภาพมาซ้อนกัน ส่วนที่เป็นดาว จะมีความชัดเจนเพิ่้มขึ้น เพราะแสงมาจากตำแหน่งเดียวกันเสมอ ในขณะที่ส่วนที่ไม่ใช่ดาว .. noise จะสว่างบ้าง ไม่สว่างบ้าง เมื่อเอามารวมกัน .. มันจะระบุความเพี้ยนนี้ชัดเจน โปรแกรมก้อจะสามารถ "ลบ" noise ออกไปได้ ภาพจะชัดเจนขึ้นมาก จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:42:15

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณที่เข้ามาปาดครับ ไม่งั้น เหมือนบ่นอยู่คนเดียว --------------------------------------------- น้าอะธีลาสครับ กรรมวิธีที่ผมว่าไปทั้งหมด ทำให้เราไม่ต้องพึ่งพา "ขาตั้งตามดาว", ไม่ต้องกลัวแสงไฟสาดส่องระหว่างเปิดรับภาพ (เพราะเราสามารถทิ้งเฟรมนั้นไปได้) ขาตั้งไม่ต้องเสถียรระดับขาตั้งตามดาว (ซึ่งแพงมากๆๆ และหนักมากๆๆๆๆๆๆ) ก็สามารถเก็บภาพได้สบายๆ ภาพที่นำมาแสดง ใช้ slik tabletop tripod วางบนโต๊ะกินข้าวเท่านั้นเอง!!! ถ้าเมื่อ 4-5 ปีก่อน ต้องบอกว่า .. IT'S TOTALLY IMPOSSIBLE แต่ตอนนี้ .. สบายๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:46:35

ความคิดเห็นที่ 16 จะเห็นว่า การถ่าย dot .. ใช้เวลา 10-15 วินาทีเท่านั้น แต่การถ่าย trail ใช้เวลา 30-60 (หรือมากกว่านั้น) ได้ เพราะโลกมีการหมุน ถ้าเปิดนานเกิน 15 วินาที .. จุดดาว จะเคลื่อนตัวกลายเป็นเส้น .. ภาพที่ได้จากการซ้อน คุณภาพจะไม่ค่อยดีนัก ถ้าต่ำกว่า 5 วินาที จะมีโอกาสน้อยมาก ที่โฟตอนจากดาวริบหรี่ๆ จะหล่นมาชนเลนส์เรา แต่ถ้าเปิน trail .. เปิดไปเหอะ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:50:55

ความคิดเห็นที่ 17 อ้าว นึกว่ารูปจากกล้องมือถือ ...แว๊บ >< จากคุณ : D-tear-pak เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:50:56

ความคิดเห็นที่ 18 สุดยอดมากครับ อยากทราบตัวซอฟแวร์กับวิธีการทำครับ ขอบคุณครับ พอดีขับรถอยู่ ยังไม่ได้อ่านเต็มๆ stacking ใช้โปรแกรมอะไรครับ แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 09:07:20 จากคุณ : Comet's Tail เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:53:26

ความคิดเห็นที่ 19 เอาไว้จะกลับมาอ่านเต็มๆนะครับ.....งานยุ่งมว๊ากกกกก...วันศุกร์แห่งชาติ  - -" จะเอาไปทดสอบช่วงหยุดยาวที่ ตจว.ซะหน่อย.....อิอิ จากคุณ : Skycool เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:53:33

ความคิดเห็นที่ 20 ในคำแนะนำถ่ายภาพดาวทั่วๆไป จะแนะนำให้เปิดหน้ากล้องนานๆ และ เปิดระบบลดน้อยส์ ครึ่งแรก .. ถูก แต่ครึ่งหลัง .. ไม่ใช่ ------------- คั่นรายการ ภาพนี้ เหมาะกับบางคนจริงๆ แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 08:55:24 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:54:40

ความคิดเห็นที่ 21 การถ่ายภาพแบบ stack นี้ .. ลดความยุ่งยาก (และต้นทุน) ด้าน hardware ลงไป โดยไปเพิ่มความวุ่นวายด้าน software แทน ต่อจาก คห.20 คห. 2-3 คห ถัดไป คือ ภาคทฤษฎี ที่สำคัญมากๆๆๆ และต้องเข้าใจ .. ไม่ว่าจะมีขาตั้งตามดาว หรือไม่, ไม่ว่าจะถ่าย dot หรือ trail ------------------------------------------ ในการถ่ายภาพใดๆก็ตาม (หรือกระทู้แบ่งปันความรู้) มันมีสัญญาณกวน (noise) เสมอ โดยทั่วๆไป noise ที่เราต้องกำจัด คือ noise ที่เกิดจากการจ่ายไฟให้เซนเซอร์นานๆ noise พวกนี้ ขึ้นกับระยะเวลาที่ไฟเข้าเลี้ยงเซนเซอร์, ISO และ อุณหภูมิ ภาพที่ได้ ภาษาเทคนิคแบบชาวบ้านๆ เขาเรียกว่า light frame (เฟรมภาพที่ได้รับแสง) light frame = สัญญาณภาพ + noise ที่เกิดจากการรับภาพ --------------------------------------------------- การกำจัด noise พวกนี้ .. ทำโดยการ "เปิดรับภาพ" เป็นเวลานานเท่ากับการเปิดรับภาพหลัก .. แต่ปิดหน้าเลนส์ไม่ให้แสงเข้า เขาเรียกว่า dark frame สัญญาณภาพที่เกิดขึ้น จะเป็น noise ล้วนๆ เทียบตำแหน่งพิกเซลต่อพิกเซลได้เลย ฉะนั้น ถ้าเอาสัญญาณภาพจาก dark frame (= noise) ไปลบออกจากสัญญาณภาพปกติของ light frame (= ภาพ + noise) เราก็จะได้ ภาพ + noise - noise = ภาพ แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 09:18:17 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 09:05:24

ความคิดเห็นที่ 22 ปาดนิดนึงถามเผื่อไว้ก่อน  ไปเคลียร์งานเดี๋ยวมาอ่านต่อ กรณีนี้ เซ็นเซอร์ CCD น่าจะเหมาะกว่า CMOS ไหมครับ จากคุณ : MagicWrap เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 09:13:47

ความคิดเห็นที่ 23 น้า chat, น้า naryak,  comet (ชื่อเจ๋งมาก!), น้า skycool ค่อยๆอ่านทีละนิดครับ ผมอ่านมาเป็นปี ก่อนพยายามสรุปเหลือสั้นๆ เน้นภาคปฏิบัติ แต่ต้องปนทฤษฎี "บ้าง" .. ไม่งั้น "ไม่ได้ภาพ" มีข้อสงสัยอะไรก็ถามแทรกมาได้ครับ ------------------------------------------ 2. noise ใน dark frame นั้น ภาษานักเทคนิคเขาเรียกว่า "thermal noise" หรือ สัญญาณกวนที่เกิดจากความร้อน แต่จริงๆแล้ว ใน dark frame ยังมี noise อีกประเภทหนึ่งปะปน นั่นคือ noise ที่เกิดจากการอ่านสัญญาณภาพ หรือ reading noise หรือ bias noise หรือ offset noise thermal noise จะมีลักษณะสุ่ม (random) ขึ้นกับ ISO, ระยะเวลารับพลังงาน, อุณหภูมิภายนอก ฯลฯ แต่ reading noise เกิดจากการจ่ายไฟเข้าไปอ่านสัญญาณ มีลักษณะคงที่ (fix) .. เราต้องการภาพที่มีแต่ reading noise เพื่อไป "ลบ" noise ใน master light frame เหมือนกับภาพที่มี dark noise .. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 09:17:42

ความคิดเห็นที่ 24 น้า magic ครับ CCD หนะ เหมาะกว่า แต่ยุคนี้ เราหากล้องที่ใช้ CCD แบบ low noise ไม่ได้เลย ยกเว้นกล้องที่ทำมา เพื่อถ่ายภาพดาวโดยเฉพาะ กล้องพวกนั้น .. 2-3 ล้านพิกเซลเท่านั้น แต่ราคา ร้องจ๊ากได้เลยครับ .. หลายหมื่น ------------------------- (ต่อเรื่อง bias frame) bias frame ได้มาง่ายๆครับ ปิดหน้ากล้องเหมือนถ่าย dark frame แต่ใช้สปีดสูงสุด -------------------------- ถึงตอนนี้ เรามีไฟล์ภาพสามประเภทคือ 1. light frame = ภาพ + dark noise + reading noise 2. dark frame = dark noise + reading noise 3. bias frame = reading noise ฉะนั้น เมื่อเอามารวมกัน 1 - 2 -3 = ภาพ + dark noise + reading noise - (dark noise + reading noise) - (reading noise) มันก็เหลือแต่ภาพล้วนๆ .. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 09:24:44

ความคิดเห็นที่ 25 ปาดด้วยคำถามครับ ถ้าใช้เลนส์มุมกว้างหรือ fisheye ถ่าย เวลาดาวเลื่อนไปอยู่ตำแหน่งต่างๆของภาพที่มันมีความบวมไม่เท่ากัน (ซึ่งควรจะทำให้ระยะระหว่างดาวเปลี่ยนไป) โปรแกรมมันรู้ไหมครับ จากคุณ : ekawatchaow เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 09:28:25

ความคิดเห็นที่ 26 มีผู้ทดลองทำการรวมภาพแล้ว พบว่า ภาพที่ได้จากการถ่ายภาพนานๆ(100 นาที) 1 ภาพ แพ้ภาพที่เกิดจากภาพที่ถ่ายสั้นๆ (1 นาที) 100 ภาพ (ให้ได้เวลาเท่ากัน) แล้วนำมารวมกัน (stack) ภาพที่ stack 100 ภาพ แพ้ภาพที่ได้จาก stack 100 ภาพ + dark frame 20 ภาพ ภาพที่ stack 100 ภาพ + dark frame 20 ภาพ แพ้ภาพที่ได้จาก stack 100 ภาพ + dark frame 20 ภาพ + bias frame 20 ภาพ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 09:29:10

ความคิดเห็นที่ 27 น้า ekawatchaow ถามคำถามได้เจ็บปวดมาก และตรงกับสิ่งที่จะพิมพ์ต่อไปพอดี (หยั่งกะนัดแหนะ) ------------------------------------------------ ถ้าใช้เลนส์มุมกว้างหรือ fisheye ถ่าย เวลาดาวเลื่อนไปอยู่ตำแหน่งต่างๆของภาพที่มันมีความบวมไม่เท่ากัน (ซึ่งควรจะทำให้ระยะระหว่างดาวเปลี่ยนไป) โปรแกรมมันรู้ไหมครับ นั่นคือ ภาพประเภทสุดท้ายที่เราต้องการ flat/correction frame เลนส์ ไม่ว่ามุมกว้างหรือมุมแคบ มันมีปัญหาที่หนัก คือ "ขอบมืด", สีแตก (CA)  และ ความเพี้ยนไม่เป็นเส้นตรง (ความบวม เป้นหนึ่งในความเพี้ยนไม่เป็นเส้นตรง) ถ้าเรามี flat frame เข้าไปด้วย โปรแกรมจะทำการแก้ไขความเพี้ยนเหล่านี้ .. flat frame ทำ(เกือบ)ง่ายๆ เปิดกล้องและหน้าเลนส์เหมือนเดิม  แต่เปลี่ยนโหมดเป็น Aperature Priority (Av)   โดยที่กล้องและเลนส์ **โดยเฉพาะแหวนโฟกัส** ต้องไม่ขยับ, เปิด flash หรือ ส่องไฟฉายไปที่ผ้าขาว (หรือกล่องโฟม หรือ ฯลฯ อะไรก็ได้ที่มัน "flat") แล้วให้กล้องทำการบันทึกภาพเอง ---------- โปรแกรมจะทำการคำนวนหาความเพี้ยนโดยเฉลี่ย ของเลนส์ที่ใช้ถ่ายภาพนี้ เพื่อเอาไปแก้ไขภาพที่ได้ มันก็เหมือนกับทำ lens profile ใน photoshop หละครับ แต่ต้องทำทุกหนที่ถ่ายภาพดาว .. เพราะมันเพี้ยนได้เสมอตามการซูม คนที่ใช้เลนส์ฟิกส์ .. เท่ห์กว่าตรงนี้ เพราะทำหนเดียว แทบจะใช้ได้ตลอด แต่ flat file .. มันขึ้นกับ ISO นิดๆ ฉะนั้น ทำตอนนั้นดีกว่า จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 09:42:00

ความคิดเห็นที่ 28 สรุป การถ่ายภาพดาว เราต้องการ อุปกรณ์ 1. ขาตั้ง (ดีๆซักนิด) 2. กล้อง (ที่น้อยส์ต่ำแถวๆ ISO 800-1600) 3. เลนส์ (สว่างได้ก็ได้, คิตส์ก็ใช้ได้), มุมกว้างก็ได้ แคบก็ได้, ซูมก็ได้ (ฟิกส์ก็ดี) ขอหน้าเลนส์กว้างๆ, อย่าลืมถอดฟิลเตอร์ออก, ถ้ามีฮูดก็ใส่ซะ 4. สายลั่นชัตเตอร์ 5. tablet และ internet connection (อย่าบอกนะว่าไม่มี และจะนั่งเฝ้ารอ รอ รอ รอ รอ ............................ ) การถ่ายภาพ 1. light frame ตามเวลาที่ต้องการ, ปกติ 1-2 ชม ก็ง่วงตาจะปิดแล้ว  1.1  เปิดหน้ากล้อง 10-15 วิ' ถ้าต้องการถ่ายจุดดาว, 30-60 วินาที ถ้าต้องการถ่ายเส้นดาว  1.2 ISO 800-1600 (แล้วแต่กล้อง), รูรับแสง f/2.8-f/4 (เลนส์ดีๆ) หรือ f/5.6 (เลนส์คิตตี้)  1.2  ไม่ต้องใช้ระบบลด noise  1.3  ถ่ายเป็น raw ดีที่สุด (เดี๋ยวว่ากันทีหลัง) 2. Dark frame .. 20-30 ภาพก็พอแล้ว ถ่ายตอนเริ่ม, ตอนท้ายสุด ตอนระหว่างกลาง ก็เอาฝาปิดหน้าเลนส์เป็นระยะๆ ก็จะได้ dark frame เอง ใช้เวลาต่อช็อต เท่ากับเวลาที่ใช้ถ่าย Light frame 3. Bias frame .. 20-30 ภาพเช่นกัน ตอนไหนก็ได้  แค่ปรับ speed เป็น 1/4000 หรือ เร็วสุด แล้วก็กดชัตเตอร์ ใช้เวลาต่อช็อต ไม่ถึง 15 วินาที 4. Flat frame .. 20-30 ภาพกำลังเหมาะ ตอนไหนก็ได้  แค่ปรับโหมดถ่ายภาพเป็น Av, เอากล่องโฟมครอบหน้าเลนส์, สาดแฟลชเข้าไป ใช้เวลาต่อช็อต ไม่ถึง 15 วินาที จากนั้น โยนเข้าโปรแกรม เข้านอน เช้าได้ภาพ จบภาคแรก จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 09:53:33

ความคิดเห็นที่ 29 .....ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Khunbob เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 09:57:15

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณในความรู้ครับน้าแมวเหมียวพุงป่อง เดี๋ยวไปทดลองทำดูบ้างครับ จากคุณ : อีกาตัวดำๆ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 10:01:17

ความคิดเห็นที่ 31 ว่าแล้วว่ามันต้องเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ ความรู้ล้วนๆเลย ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ekawatchaow เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 10:06:02

ความคิดเห็นที่ 32 กลับมาติดตามอีกรอบและโหวตเก็บไว้ในคลังกระทู้แต่ตอนนี้คงออกไปถ่ายไม่ได้แน่ๆพอสี่โมงเย็นก็เริ่มหนาวพอสี่ทุ่มถ้าขืนออกไปก็เป็นน้ำแข็งทั้งคนและกล้องแน่ๆคงต้องไว้ทดลองภาคปฏิบัติในฤดูใบไ้ม้ผลิ ขอบคุณที่นำมาแนะนำครับ จากคุณ : KY_2003 เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 10:07:50

ความคิดเห็นที่ 33 น้าเคน!!! ตอนนี้แหละ เหมาะสุดที่จะถ่ายภาพ อากาศหนาวจัด จนไม่มีความชื้นในอากาศ(ข้างบน) ฟ้ามืด ใส ดาวสว่าง .. น้าไปหาซื้อ electric blanket มา ผืนเล็กๆก้อพอ เอาแบบที่ใช้กับแบตรถยนต์ได้ ยิ่งดีครับ (แต่ถ้าใกล้ๆบ้าน ก็ลากสายไฟไป ) ถ้าตามร้านอุปกรณ์ถ่ายภาพดาว จะมีแบบมีเทอร์โมสแตตปรับอุณหภูมิได้ (แพงหน่อย ราวๆ $100 .. แต่ถูกกว่า B+W filter แล้วกันน่า! คริ คริ) จับมันห่อกล้อง(และเลนส์) แล้วเอาถุงปลาสติก หรือ camera rain cover ครอบ (กันหยดน้ำ) แค่นั้นก็ถ่ายได้จนแบตหมด .. (ถ้ากล้องไม่หายเสียก่อน) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 10:13:53

ความคิดเห็นที่ 34 แจ่มมั่กๆ ครับน้าแมวฯ เข้าใจเลยว่า "ความมันส์" ที่ได้ มันไม่ได้มาจาก ความสวยของรูป แต่ว่ามันเกิดจากการที่ได้เห็นผลลัพธ์... เอ่อ... รูปนั่นแหละ ออกมาตามทฤษฎีที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว . . อ่านแล้วอยากลองทำมั่งเสียแต่ว่าตอนนี้โดนสมการนี้ถ่วงหัวอยู่ครับ ความขึ้เกียจ > ความอยากมันส์ ไว้หาตัวหารมาใส่ในสมการฝั่งซ้ายได้เมื่อไหร่ แล้วจะออกไปลองมั่งครับ   จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 10:25:36

ความคิดเห็นที่ 35 แจ่มครับเห็นวงแหวนลางๆ ต้องไปบานดอร์มาใช้บ้างแล้วแบบนี้ จากคุณ : snoom เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 10:36:03

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมากๆครับน้าแมวเหมียว อ่านไปสอง-สามรอบ ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง Dark frame -  Bias frame - Flat frame เท่าไหร่ครับ แต่จากที่น้าแมวบอกถึงวิธีการทำมา สงสัยอยากรู้คือ 1. ถ่าย light frame ถ่ายตามวิธีที่น้าบอก หมายถึง ถ่ายต่อเนื่องกันให้ได้ซัก 100 ภาพ ใช่ไหมครับ 2. เราจะรู้ได้ยังไง คำนวนจากอะไรครับ ว่าควรใช้ก็ภาพ (อัตราส่วน) ของในแต่ละประเภท ( light frame - Dark frame -  Bias frame - Flat frame ) 3. ถ้ายึดเอาสัดส่วน light frame = 100 ภาพ Dark frame -  Bias frame - Flat frame = อย่างละ 20 ภาพ จำนวนภาพมากน้อย มีผลกับการทำ stack รึเปล่าครับ ผลลัพท์-คุณภาพที่ออกมาจะดีขึ้นด้วยรึไม่ ปล.ถ้ากระทู้นี้ลงอาทิตย์ก่อน คงได้ลองของกันละ >.< อาทิตย์ก่อนผมเพิ่งไปดอยอินทนนท์มา ตั้งกล้องลองถ่ายตามมีตามเกิด แสงกวนก็เยอะ ดาวไม่ค่อยเยอะเท่าน้าโอ๋เพราะถ่ายหัวค่ำ กับไม่ได้ออกนอกเขตชุมชนบ้านพัก ได้มาแค่แสงจุดๆบนฉากดำๆ + น๊อยส์บานตะเกียง จากคุณ : 35 Single Period เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 11:01:36

ความคิดเห็นที่ 37 ตั้งชื่อกระทู้ไม่เข้ากับเนื้อหาครับ.. น่าจะตั้งว่า "DIY ถ่ายหมู่ดาวง่ายๆ สไตล์น้าแมว" เวลา Search ในคลังฯ จะได้หาง่ายๆ หน่อย อืมมม..แต่ "สไตล์น้าแมว" นี่มันสองแง่สองง่ามนะ เดี๋ยวชาวบ้านเค้านึกว่าเป็น "ดาวบิกินี่" อิอิ จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 11:40:54

ความคิดเห็นที่ 38 มหากาพย์ แห่งการ ถ่ายรูปจริงๆครับ   process กันข้ามคืนเลยทีเดียว จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 11:42:41

ความคิดเห็นที่ 39 ถามต่อจากคำอธิบายอีกทีครับ ทำไม flat file มันถึงขึ้นกับ ISO หน่อยๆด้วยล่ะครับ จากคุณ : ekawatchaow เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 11:58:29

ความคิดเห็นที่ 40 โอ้ว...ความรู้เพียบ ทฤษฎีเจ๋ง ภาพก็แจ่ม เป็นบุญตาจริงๆ ที่ได้เห็นภาพจากกล้องราคาหลายหมื่น จากเลนส์ระดับท็อปครับ แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 12:16:01 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 12:04:06 จากคุณ : แมวเหมียวปากมอม เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 12:01:12

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณน้าแมวครับ จากคุณ : dji_2000 เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 12:21:52

ความคิดเห็นที่ 42 สุดยอดเลยครับรีบเข้ามาเก็บความรู้โดยพลันไว้มีโอกาสไปในที่ฟ้าใสโปร่งๆไม่มีแสงไฟมากมีแต่ดาวแล้วจะนำมาทำแบบนี้บ้างครับ จากคุณ : tump เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 12:29:53

ความคิดเห็นที่ 43 ชอบมาก ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : อมยิ้มนิดนิด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 14:05:40

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบน้า 35 Single Period ครับ >> 1. ถ่าย light frame ถ่ายตามวิธีที่น้าบอก หมายถึง ถ่ายต่อเนื่องกันให้ได้ซัก 100 ภาพ ใช่ไหมครับ light frame คือ เฟรมที่มีภาพที่เราต้องการ ถ่ายเท่าไหร่ก็ได้ครับ มีศัพท์ครอบจักรวาลอยู่คำหนึ่ง ที่น่ารู้ คือ S/N ratio (SNR) คือ อัตราส่วน สัญญาณที่เราต้องการ (signal) ต่อ สัญญาณรบกวน (noise) SNR เป็นดัชนีชี้วัด คุณภาพ ตัวหนึ่ง SNR ใช้ได้กับเรื่องเทคนิคเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น คุณภาพสัญญาณวิทยุ, คุณภาพสัญญาณ UBC, คุณภาพของภาพ, หรือ คุณภาพของกระทู้ เราต้องการสัญญาณ (signal) ที่แจ่มชัด แต่ noise จะเกิดขึ้นเสมอๆ ตามธรรมชาติ .. ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ สิ่งที่สำคัญของ SNR คือ signal มีรูปแบบ (pattern) ที่แน่นอน ในขณะที่ noise จะเกิดทั้งแบบแน่นอน และ เกิดแบบสุ่ม (random) โดยทั่วๆไปแล้ว ถ้าเรามีจำนวนตัวอย่าง (sample) ของสัญญาณที่ มากพอ แล้วนำมารวมกัน noise มันมีสิทธิที่จะ "ตีกันเอง" และหักล้างกันออกไป ในขณะที่ signal จะเสริมกัน โดยทั่วไปแล้วเช่นกัน .. S/N จะแปรผันตาม รูทสองของจำนวนตัวอย่าง ในทางการถ่ายรูป แปลว่า ถ้าเราถ่ายภาพเดียวกันมาซ้ำๆกัน 4 ภาพ แล้วเอามาซ้อนกัน ภาพที่ได้ จะมี S/N = squareroot(4) หรือ 2 เท่าของภาพเดียว หรือ noise หายไป 50% เหลือ 50% ถ้าเราถ่ายภาพเดียวกันมาซ้ำๆกัน  100 ภาพ แล้วเอามาซ้อนกัน ภาพที่ได้ จะมี S/N = squareroot(100) หรือ 10 เท่าของภาพเดียว หรือ noise หายไป 91% เหลือ 9% (1/10) (มีต่อ) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 14:08:14

ความคิดเห็นที่ 45 2. เราจะรู้ได้ยังไง คำนวนจากอะไรครับ ว่าควรใช้ก็ภาพ (อัตราส่วน) ของในแต่ละประเภท ( light frame - Dark frame -  Bias frame - Flat frame ) 3. ถ้ายึดเอาสัดส่วน light frame = 100 ภาพ Dark frame -  Bias frame - Flat frame = อย่างละ 20 ภาพ จำนวนภาพมากน้อย มีผลกับการทำ stack รึเปล่าครับ ผลลัพท์-คุณภาพที่ออกมาจะดีขึ้นด้วยรึไม่ จากที่ว่ามาใน คห ข้างบน มันเป็นหลักการทั่วๆไป แต่ทางดาราศาสตร์ .. สัญญาณมันต่ำมาก & noise ก็สูงมาก ถ่ายมา 100 ภาพ .. ได้ SNR เพิ่มขึ้น 10 เท่าเท่านั้น แต่ถ้าเรามี dark frame .. มันจะเน้นจำนวน noise ขึ้นให้เห็นๆ ยิ่งมากยิ่งดี แต่ก็เป็นตามกฏ squareroot (รากที่สอง) อีกเช่นกัน ถ่าย dark frame มา 4 เฟรม ให้ noise (ที่จะนำไปลบ) ได้ดีขึ้นคือ squareroot (4) หรือ 2 เท่า ถ่าย dark frame มา 25 เฟรม ให้ noise (ที่จะนำไปลบ) ได้ดีขึ้นคือ squareroot (25) หรือ 5 เท่า ถ่าย dark frame มา 100 เฟรม ให้ noise (ที่จะนำไปลบ) ได้ดีขึ้นคือ squareroot (100) หรือ 10 เท่า จากข้อมูลที่ผมรวมๆมา พบว่า มีคน(ฝรั่ง)ทดลองเก็บข้อมูล .. จำนวน correcting frames (dark, bias, flat) ชนิดละ 20-30 เฟรม ต่อ light 100-1,000 เฟรมนี่ .. เกินพอ แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 15:11:33 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 14:19:48

ความคิดเห็นที่ 46 น้าหน้าม้าฯ ครับ ตั้งกระทู้ตอนตีสองครึ่งเนี่ย .. เกือบสลบแล้วครับ สำหรับคนใช้ oly .. นี่เป็นครั้งแรก ที่เล่น ISO 800 แล้ว .. noise ไม่ท่วมท้นจนโพรเซสไม่ไหว แต่ก่อน ตอนใช้พวก E-3, E-PM1 ฯลฯ ขนาดใช้ 800 & ยิงพวก correting frame ร่วมๆ 50% ของ signal (light frame) .. ภาพออกมายัง "ดูไม่ได้"เลย ----------- น้า theorm ครับ ผลตามมาของการทดลองคราวนี้ก็คือ .. ถ้าหน้าบ้านมืดพอ ก็ไม่จำเป็นต้องออกนอกบ้านไปไหน แทนที่จะเก็บกล้องลงกล่อง ซุกๆๆๆ ไว้ รอวันพริตตี้แห่งชาติ หรือ รอทริปอย่างใจจดใจจ่อ เอากล้องขึ้นขาตั้ง เลนส์ถ่ายคน สว่างๆ ที่เก็บบูชาไว้  ก็เอามาเสียบได้ เปิดตั้งถ่าย 10-30 วินาที, พัก 2-3 วินาที ก่อนถ่ายภาพต่อไป (เลนส์มุมกว้าง เปิดนานๆได้ ดาวยังไม่ทันขยับมาก, เลนส์มุมแคบเปิด 10 วินาทีก็เป็นเส้นแล้ว) เล็งมันไปที่ท้องฟ้าที่เราสนใจ ซัก 3-4 ชั่วโมง ค่อยปิดกล้อง (หรือแบตหมดก็ชั่งมัน ) แค่นี้ก็ได้ภาพมามากมาย มาเล่นให้สนุกสนาน ----------- น้าโอ๋ครับ เปิดกล้องสองทุ่ม,ดูเรยา เอ๊ย มุนินทร์ เอ๊ย .. ไม่มีให้ดูแล้ว??? //ขึ้แง ห้าทุ่ม หนังจบ เดินไปปิดกล้อง, โหลดภาพเข้าคอมพ์ เรียกโปรแกรมมาโพรเซสภาพ ตื่นเช้ามา ก็ได้ภาพแล้ว .. ง่ายดีไหมหละครับ ภาพออกมาไม่สวย .. ชั่งมัน คืนวันรุ่งขึ้น ฟ้าปิด .. ชั่งมัน โหลดภาพใหม่อีกที, ใช้ parameter ใหม่อีกหน ระหว่างรอมันโพรเซส .. ก็เล่นเน็ตไปเรื่อยๆ .. มีอะไรทำแก้เหงาดีจะตายไป ------------------ สำหรับคนที่เที่ยว ตจว ตอนช่วงหน้าหนาวนี้ ตอนกลางวันเที่ยวให้สนุก ถ่ายภาพให้มันส์ ตอนกลางคืน นอนรีสอร์ตมืดตึ๊ดตื๋อ ..  ใช่ว่าจะไม่มีอะไรทำ นั่งดูดาว จิบเบียร์กับเพื่อน .. มันก็สนุกดี แต่ถ้าจะให้ดี .. เอากล้องขึ้นขาหยั่ง ให้มันถ่ายภาพไปเรื่อยๆ .. เบียร์หมดลัง ค่อยเก็บกล้อง ภาพที่ได้ .. กลับมาโพรเซสเป็นอาทิตย์ๆได้สบายๆ ดีกว่าเอากล้องเก็บลงกล่องกันชื้น ..... หง่าววววววววววววววววววววววววววว ไปอีกสองเดือน แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 15:10:51 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 14:33:59 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 14:31:22

ความคิดเห็นที่ 47 ความรู้เยี่ยม กล้องเลิศ เลนส์แพง ผลงาน... แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 14:45:38 จากคุณ : แมวเหมียวปากมอม เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 14:42:15

ความคิดเห็นที่ 48 >> 1. ถ่าย light frame ถ่ายตามวิธีที่น้าบอก หมายถึง ถ่ายต่อเนื่องกันให้ได้ซัก 100 ภาพ ใช่ไหมครับ กลับมาน้า 35 อีกรอบ ถ้าใหม่ๆเนี่ย ก็เป็นอย่างนั้นครับ แต่เท่าที่ผมศึกษามา .. ถ้าถ่ายแบบ dot ก็ไม่จำเป็น เพราะดาววันนี้ กับดาวอีกสิบวันข้างหน้า .. มันอยู่ตำแหน่งเดิมเสมอ เราสามารถเอาภาพจากข้ามวันข้ามคืนข้ามเดือน มาโพรเซสได้ แต่การทำอย่างนั้น .. ต้องการการค้นคว้า ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง image processing เพิ่มขึ้นอีกหน่อย มันเกิน "สนุก" สำหรับคนที่ไม่ใช่นักดาราศาสตร์อย่างพวกเราแล้วครับ แต่ถ้าถ่ายแบบ trail .. คงต้องต่อเนื่อง เพราะเราต้องการเส้นแสงดาวที่ต่อเนื่อง การทำ stack .. แก้ไขปัญหาร้ายกาจของการถ่าย trail ได้แบบเบ็ดเสร็จ การถ่าย trail แบบ single shot .. ถ้าโดนแสงไฟภายนอกแว่บเดียว .. ภาพเสียทันที แต่ถ้าแบบ stack .. ภาพไหน "โดน" เราก็ตัดเฟรมนั้นทิ้งไปได้ ตัว trail ที่"ขาด" ไปนิดนึง สามารถใช้ PS แก้ได้ง่ายๆ ----------- การถ่าย trail สิ่งสำคัญคือ ทิวทัศน์ที่เป็นฉากหน้า มัน "ยาก" ที่จะให้แสงเส้นดาวพอดี กับ ฉากหน้า แต่ถ้าถ่ายแบบ stack เรามีซัก 1 เฟรม ที่เปิดให้แสงทิวทัศน์ที่เป็นฉากหน้าพอดี ลบส่วนที่เป็นท้องฟ้าทิ้งไป แล้วเอาภาพ stack มาซ้อนใน PS โดยลบส่วนที่เป็นพื้นดินฉากหน้าทิ้งไป เราก็จะได้ภาพ night landscape ที่มี star trail สวยๆ .. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 14:44:27

ความคิดเห็นที่ 49 อ้อ .. สุดท้าย noise .. ภาษาชาวบ้านเขาเรียก "ขยะสังคม" จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 14:46:58

ความคิดเห็นที่ 50 สุดยอดมากครับ จากคุณ : รักนะโลโม่ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 14:48:12

ความคิดเห็นที่ 51 อยู่บ้านนอก วันนี้ไปภูเรือ มึดตึ๊บ ที่หน้าต่างบ้าน แต่ไม่รู้ถ่ายมาจะได้ภาพมาโชวรึเปล่า ^^" อ่านไปปาดเหงื่อไป ข้อมูลเยอะมากๆ จากคุณ : biosteam (biosteam) เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 14:48:57

ความคิดเห็นที่ 52 พึ่งไปถ่ายมาที่ดอยอินทนนท์เมื่อวันเสาร์ครับ.....(โดนยามไล่ด้วย..หง่ะ..แงๆๆๆ..) D7000+ 11-16 Tokina S 15s F 2.8 ISO 2000 จากคุณ : Night Claw เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 15:06:46

ความคิดเห็นที่ 53 >> วันนี้ไปภูเรือ มึดตึ๊บ ที่หน้าต่างบ้าน แต่ไม่รู้ถ่ายมาจะได้ภาพมาโชวรึเปล่า น้า biosteam ครับ รับประกันว่า ได้ภาพ 100% ครับ ยิ่งมืดมาก โอกาสยิ่งได้ภาพดีๆ สูงมากครับ ยิ่งเป็นในบ้านชั้นบน  เราสามารถเปิดไฟเพื่อตรวจสอบค่าต่างๆได้ง่าย และการถ่าย correcting frames จะกลายเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก เพราะแค่เปิดไฟ, ปรับโหมดไป M, ปรับความเร็วไปสูงสุด (1/4000s), ปิดฝาเลนส์, กด 1 แช๊ะ ก็จะได้ 1 bias frame จากนั้นปิดหน้ากล้อง เอาหมอนขาวๆ วางหน้าเลนส์ เปิดไฟให้สว่างจ้า, ปรับโหมด Av, กดอีก 1 แช๊ะ ก็จะได้ 1 flat frame อยู่ในเต้นท์ หรือ ลานกลางแจ้ง .. มันไม่สะดวกขนาดนี้นะครับ ได้ dark,bias,flat เฟรม แล้วก็ลงข้างล่าง ไปดูหนังต่ออีก 1 ตอน พอจบตอนก็ขึ้นมาทำ ยิงภาพต่อได้เลย .. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 15:12:50

ความคิดเห็นที่ 54 กระทู้ความรู้อย่างนี้ก็ยังมี Noise นะ ผมพอจะเดาชนิดของ Noise ว่าน่าจะเป็น. " Bias Noise " จากคุณ : Hanataro เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 15:27:02

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณครับ จากคุณ : pakame เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 16:19:31

ความคิดเห็นที่ 56 เอาแค่ถึงข้อ คห.24 นะน้าแมวฯ.... ผมเข้าใจว่าเอาภาพ 3 แบบมารวมกัน...คือ Light frame+Dark frame+Bias frame มารวมกันในโปรแกรม เพื่อกำจัด Noise จะทำให้ได้ภาพแบบประมาณ คห.เปิดใช่มั๊ย?เอาแค่นี้ก่อน..ผมใช้มือถือ...มันอ่านลำบากหน่อย ^__^ จากคุณ : Skycool เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 18:10:56

ความคิดเห็นที่ 57 เอ๊ยยยยย.....แก้ไขเป็น 4 แบบ ผมอ่านข้าม Flat frame ขออภัย.... จากคุณ : Skycool เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 18:18:44

ความคิดเห็นที่ 58 น้า skycool .. ใช่แล้วครับ dark กับ  bias เพื่อลด noise ในขณะที่ flat ใช้ปรับความเพี้ยนของเลนส์ ตอบน้า ekawatchaow คห 39 ปกติ flat file มันไม่ขึ้นกับ ISO ครับ แต่ .. เราต้องการภาพที่ความเพี้ยนน้อยสุดเท่าที่เป็นไปได้ ถ้าวิศวกรสามารถพัฒนา full frame transfer + global shutter .. คือ ส่งข้อมูลจาก sensor (ซึ่งเป็น analog) ไปให้ตัวแปลง (analog to digital, A2D, convertor) ได้แบบรวดเดียว เรื่องพวกนี้ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นหนะสิครับ 1. เซนเซอร์มีการวางพิกเซลแบบ แถวนอน x ตอนดิ่ง สัญญาณที่ออกจาก sensor มันส่งทีละแถวๆ กว่าแถวบนจะถึงคิวส่ง มันก็สะสม noise เพิ่มขึ้นอีก 2. สัญญาณที่ออกจาก sensor มีค่าต่ำสุด->สูงสุดได้ระดับหนึ่ง ออกมาแล้ว ก่อนเข้า A2D ก็จะต้องมีการ "ขยายความแรง" การเพิ่ม ISO ไม่ใช่อัดไฟเข้าไปที่ sensor เพื่อให้มัน "ไวแสงขึ้น" แต่เป็นการ "ปรับอัตราขยาย" การปรับอัตราขยายนี่แหละ .. มันไม่เป็นเชิงเส้น และไม่คงที่ .. นิดหน่อย กล้องบางยี่ห้อ (nikon) จะมีภาคขยายสัญญาณ 2 ภาค ถ้าสัญญาณที่ออกมา ค่อนข้างอยู่ไปทางระดับแรงๆ ก็ใช้ภาคขยายกำลังต่ำ แต่ถ้าสัญญาณเบาๆ ก็ใช้ภาคขยายกำลังแรงๆ Dynamic range มันถึงเพี้ยน เมื่อรวมกับการส่งสัญญาณที่ค่อยๆทยอยออกมา + ภาพตรงขอบตรงมุมที่สัญญาณเบา อัตราการขยายสัญญาณจะไม่คงที่ได้ กล้องดีๆ รุ่นใหญ่ๆ เทพๆ .. ปัญหานี้จะน้อยลง (แหง๋หละ แพงซะขนาดนั้น) แต่ถ้าเป็นกล้องระดับทั่วๆไป .. หนักครับ เรื่องนี้ มีผลถึงการใช้ถ่ายภาพตามปกติในสภาพแสงน้อยๆด้วย .. ภาพเพี้ยน .. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 19:24:46

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณมากครับ  การถ่ายภาพดาว เป็นงานที่ต้องเป็นงานจริงๆครับ เคยพยายามครั้งนึง ก็ล้มเหลวไม่เป็นถ้า  ทฤฎีต้องแน่นและปฏิบัตรจริงต้องพยายามมากเลยครับ จากคุณ : ต้านชิง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 19:27:29

ความคิดเห็นที่ 60 ถามน้าแมวครับ ถ้าเป็นน้องเป็ดของ OMD  ผมใช้ซูมไวด์สุด แล้วเก็บเป็นโปรไฟล์ได้รึป่าวครับ จริง ๆก็อยากใช้ 14 2.5 แต่ต้องเอากล้องไปตากน้ำค้างเลยคิดว่า ใช้น้องเป็ดจะดีกว่ารึป่าว จากคุณ : Hanataro เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 20:28:02

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณครับน้าแมวเหมียวพุงป่อง จะขอศึกษาละเอียดอีกซักหลายๆรอบ เมื่อคืนเปิดหน้าต่างนั่งดูดาวตก ชั่วโมงนึงนับได้ประมาณ20กว่าลูก ลองตั้งกล้องถ่ายได้แต่ดาวหมุนๆครับ ไม่ได้ดาวตกซักดวง55 จากคุณ : เด็กขายพวงมาลัย เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 21:13:55

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณครับน้าแมวฯ...ผมขอถามสรุปอีก สักหน่อย.... 1.Light frame คือ ถ่ายภาพไปตามปกติ เปิดหน้ากล้องไว้ซัก 10-15 วินาที(จุดดาว)...เก็บไว้ในเมมฯ.... 2.Dark frame คือ ถ่ายภาพโดยปิดหน้ากล้องไม่ให้แสงเข้า ส่วนระยะเวลาอ้างอิงจากการถ่าย Light frame...เก็บไว้ในเมมฯ.... 3.Bias frame คือ ถ่ายภาพโดยการปิดหน้ากล้องและใช้สปีดชัตเตอร์สูงๆ 4000+...เก็บไว้ในเมมฯ.... ข้อ 4.ไม่ขอพูดถึงละกันครับ...มันเรื่อง Distrotion... แล้วเอาทั้งหมดทั้งมวลมาโยนลงไปให้โปรแกรม DSS(สมมติ) มันจัดการให้...อาจ Process นานหน่อยไม่ต้องตกใจ...ตื่นมาค่อยมาชมภาพอีกที ผมเข้าใจถูกมั๊ยครับ???...เพื่อความไม่คลาดเคลื่อนเลยขอตั้งคำถามตามความเข้าใจของผม...ซ้ำซากไม่ว่ากันเนาะ...^__^ จากคุณ : Skycool เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 21:15:58

ความคิดเห็นที่ 63 ทฤษฎีแน่นปึ้กเลยนะครับ แต่ภาพห่วยแตกเหมือนเดิม จากคุณ : IamYenta เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 22:30:23

ความคิดเห็นที่ 64 Hot เพียบเลย จากคุณ : mangwan เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 22:35:57

ความคิดเห็นที่ 65 น้าต้านชิง : ขอบคุณครับ แต่ที่ผมพยายามเล่าๆมา  .. ถ่ายได้ทุกที่ ใช้ของเท่าที่มีอยู่ และดูสนุกนักหนา ไม่ต้องหาขาตั้งตามดาว (ถ้ามีได้ก็ดี) ไม่ต้องรอวันฟ้าแจ่มเต็มที่ (เฟรมไหนมีเมฆ เราก็ลบทิ้งซะ) ไม่ต้องรอแดดสวยๆ ----------------------- น้าเด็กขายพวงมาลัยครับ หาสายชัตเตอร์แบบล้อกได้, เปิด wide, เก็บภาพ 30 วินาที (ไม่ต้องเปิด dark frame noise reduction, พัก 2-3 วินาที มันต้องมีเฟรมนึงหละน่า! ที่จะได้ดาวตก .. และเมื่อซ้อนเฟรม เราจะได้ทั้งดาวตก และ ดาวหมุนๆ ตอบน้า hanataro : ผมว่าได้ทั้งนั้นครับ เราถ่ายเล่นสนุกๆ ใช้เลนส์อะไรก็ได้ ไม่เสียหายที่จะ "สนุก" กับของที่เรามีอยู่ ถ้าซูม 12mm มันก็เก็บภาพ (เกือบ) เต็มฟ้า แต่ถ้าเป็น 50mm มันจะเริ่มเก็บเทหวัตถุบางส่วน มันสนุกที่ได้ "ลอง" ----------------------- น้า skycool .. ตามนั้นเป๊ะเลยครับ สายชัตเตอร์ แบบมี time lapsed เป็นของสำคัญมาก  (เส้นนึงไม่กี่ตังค์ ถูกกว่าฟิลเตอร์ B+W อีกมั้ง) E-M5 (และตระกูล pen) ใช้สายธรรมดาๆได้ เพราะพอตั้ง "ลดการสั่นจากม่านชัตเตอร์" แล้วพอเราลั่นชัตเตอร์ มันจะดีเลย์ตามเวลาที่ตั้ง แล้วค่อยเปิดม่าน ถ้าตั้งเป็นถ่ายต่อเนื่อง และล้อคชัตเตอร์ มันก็จะเปิดม่านถ่ายเท่าเวลาที่เราตั้งสปีด (10-30 วิ), ปิดม่าน, ดีเลย์ตามเวลาลดการสั่น, เปิดม่านถ่ายใหม่ .. จนกว่าแบตหมด หรือ ปุ่มชัตเตอร์ถูกยก ระหว่างที่มันเก็บภาพ .. cycle ไหนก็ได้ ถ้าเราเอากล่องดำ ปิดหน้าเลนส์ .. เราก็จะได้ dark frame มา 1 เฟรม พอได้ เราก็ยกปุ่มชัตเตอร์ หมุน speed ไปที่ 4000, กดถ่ายอีก 1 ครั้ง ก็จะได้ bias frame 1 เฟรม ได้ทุกอย่าง ก็โยนเข้า DSS ได้เลย .. จะออกมาเป็นภาพดาวพราวฟ้า พอได้ภาพแล้ว อย่าหวังอะไรจากการโพสท์ขั้นพันทิป เพราะภาพดาวเนี่ย .. ย่อปุ๊บ รายละเอียดหายปั๊บ ภาพนี้ ถ่ายจากในห้องนอน .. ตั้งถ่ายไว้ตั้งแต่สองทุ่มนิดๆ พอสี่ทุ่มก็ปิดกล้อง หลบมุมสุดความสามารถแล้ว .. เลนส์ fisheye มันยังกวาดทุกอย่างเข้ามาจริงๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:08:11

ความคิดเห็นที่ 66 ไปถ่ายมาแล้วครับน้าแมว แต่ไม่ได้ทำ Dark Fram + Bias Frame + Flat Frame โอกาสหน้าจะลองใหม่ครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆฮะ จากคุณ : Abolys (Abolys) เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:11:41

ความคิดเห็นที่ 67 >> ทฤษฎีแน่นปึ้กเลยนะครับ แต่ภาพห่วยแตกเหมือนเดิม ไม่ได้ต่างจากพันทิปหรอกครับ สังคมดีๆ กระทู้ดีๆ มีคุณภาพ แบ่งปันความรู้เพียบ แน่นปึ้ก ทุกห้อง เป็นเว็บอันดับหนึ่งของประเทศไทย แต่ กาก,เกรียน,กร่าง,ปลวก ก็เยอะเหมือนเดิม จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:12:19

ความคิดเห็นที่ 68 แหม....น้าแมวฯนี่ดึงดูดพวกวันๆไม่สร้างสรรค์อะไรๆ...เอาแต่จ้องทำลายได้ดีจริงๆเนาะ....^__^ ครูที่สอนนักเรียนจนได้ดิบได้ดีในหลายๆอย่าง....ก็ไม่จำเป็นที่เค้าจะต้องเก่งทุกๆอย่างนี่ครับ.... เฮ้อ....เพลีย....ว่าจะไม่แล้วนะกลัวรกกระทู้แต่ก็ขอหน่อยเถอะ....- -* จากคุณ : Skycool เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:30:45

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณสำหรับคำตอบแล้วก็กิจกรรมใหม่ๆที่หามาให้ลองเล่นแก้เซ็งนะครับน้าแมวฯ...^__^ แต่คงจะลองตอนออก ตจว.แหล่ะ...จะได้ลดตัวแปรที่มันจะสร้างผลกระทบกับภาพให้เหลือน้อยที่สุด... จากคุณ : Skycool เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:36:30

ความคิดเห็นที่ 70 การถ่ายแบบ stack ถ้าใช้ระยะเวลาในการถ่ายรวมนานพอ (จำนวนภาพ light frame มาก) เราสามารถสร้างได้ทั้งแบบจุดดาว โดยพื้นดินจะเบลอ .. เพราะดาวคงที่ แต่พื้นดินขยับเมื่อเทียบกับดาว และสามารถสร้างแบบเส้นทางดาว .. พื้นดินคงที่ ดาวมีการเคลื่อนที่ โป้งเดียว นกร่วงสองตัว จากภาพชุดเดิม ที่นำไปสร้างทางช้างเผือกใน คห. 65 เราสามารถนำมาทำ star trail ได้ .. ถ้าเป็นการถ่ายปกติ .. ทำไม่ได้เลย จะเอาอย่างใด ก็ต้องเอาอย่างนั้น จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 01:38:04

ความคิดเห็นที่ 71 จะเห็นว่า ภาพใน คห.65 ต่างจากของน้อง abolys อยู่สองสามอย่างคือ 1. trail ในภาพ 65 .. มีการ "ขาด" ของเส้น trail เพราะต้องมีการเช็ดน้ำค้าง, เช็คภาพที่ถ่าย, ฯลฯ หลายนาทีเหมือนกัน ถ้าถ่ายแบบ single shot .. 1-2 ชม รวด เราจะไม่สามารถ 'หยุด' เพื่อดูแลกล้องได้ 2. มีคนฉายไฟส่องมาดูว่า กำลังทำอะไรอยู่!!! เลยต้องลบเฟรมเหล่านั้นออกไป ยังได้ภาพเหมือนเดิม 3. ที่มุมขวาบน .. แสงไฟจากเครื่องบินที่บินผ่านมา .. ไม่ต่างจากดาวตก .. การถ่ายแบบนี้ มีโอกาสสูง ที่ทำให้ได้ภาพดาวตก ขอให้สนุกกับการไม่ได้นอน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 01:47:15

ความคิดเห็นที่ 72 เนื้อหามีสาระเหมาะแก่ผู้ไฝ่รู้การถ่ายภาพดาวทุกท่านจริงๆครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ จากคุณ : b l u e d o g 071 เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 08:20:36

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณมาก ๆครับ จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 08:55:09

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ครับน้าแมว จากคุณ : ไอ้คุณแหลม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:51:27

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณสำหรับสาระ ความรู้ และการได้ทดลองลงมือทำแล้ว นำผลจากการทดลองมาบอกกล่าวกันครับ จากคุณ : มะแหง่วน้อยลอยลม (Dbass) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 13:45:47

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณครับน้าแมวฯ อ่านยังไม่จบ ก็เริ่มเบลอ bookmark ไว้แล้ว เดี๋ยวค่อยๆ กลับมาอ่าน จากคุณ : มอมแมมจัง ณ บางปู เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 16:26:02

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณครับ ... จากคุณ : SuperY เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 17:40:32

ความคิดเห็นที่ 78 น้ามอมแมม กระทู้นี้ เหมาะกับคนที่อยากจะออกไปถ่ายดาวครับ ผมลองหาๆ และถามอากู๋ ไม่มีใครพูดถึง เลยพิมพ์ไว้ เมื่อมันเข้าไปอยู่ในคลังกระทู้ คราวหน้า มีใครอยากถ่ายดาว จะได้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง เมืองไทยเรา ข้อมูลเกี่ยวกับการถ่ายภาพดาว มีน้อยจัง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 18:42:27

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ จากคุณ : Mc k เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:22:15

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณครับผม จากคุณ : ปอป้อง เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 10:49:01

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณความรู้ดี ๆ เรื่องถ่ายรูปดาว จากน้าแมวครับ กล้องของผม E-P1, E-P2  คงจะหวังรูปดี ๆ ยากเพราะnoise เยอะ จากคุณ : toytrip เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 12:38:47

ความคิดเห็นที่ 82 ^ โทษแต่อุปกรณ์อย่างนี้ก็อย่าหวังจะได้ภาพดีๆ ต่อไปครับ จากคุณ : แมวเหมียวปากมอม เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 12:57:46

ความคิดเห็นที่ 83 น้า toytip ครับ พอทำไหวครับ จะเห็นว่า รูปแรกผมใช้ ISO 800 เท่านั้น โดยไม่ได้ใช้ dark frame เพื่อลบ noise แต่ประการใด พวก DSS นี่ ถ้าไม่มี dark frame มันจะใช้เวลา process ภาพเพิ่มขึ้นอีกหน่อย โดยควานหาส่วนที่เป็นจุดมืดๆ ไม่ได้รับแสง มาสร้างเป็นข้อมูลอ้างอิง ภาพใดที่ถูกใช้ ก็จะไม่ใช้เป็น light frame ต่อ หมายความว่า เราต้องถ่ายเพิ่มมากขึ้นอีกหน่อยเท่านั้นเองครับ ส่วน bias frame และ flat frame นี่ มันเป็นพื้นฐานของทุกกล้องอยู่แล้ว ถึงคุณภาพไม่ดีเท่า เพราะ noise บางจุด อาจจะทำตัวหลอกว่าเป็นดาว .. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 13:10:27

ความคิดเห็นที่ 84 เดี๋ยวจะลองไปทำดูครับ น้าแมว.. จากคุณ : โก้กก้าก เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 14:19:04

ความคิดเห็นที่ 85 น้าแมวเป็นมนุษย์ที่อ่านเยอะจริงๆครับ สุดยอดจริงๆ^^ จากคุณ : เป็ดสวรรค์ เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 22:36:51

ความคิดเห็นที่ 86 **** เกือบลืมข้อมูลสำคัญมากๆ***** ท้องฟ้าขนาดไหน ที่เรียกว่า "มืดพอ" เท่าที่ลองมาก็คือ ใช้ ISO 1600, mode M (manual), วัดแสงแบบ "เฉลี่ย" ตามปกติ ที่ f/5.6, speed 1 วินาที .. แล้วมิเตอร์ยังตีไปทางบวก .. สว่างเกิน .. ถ่ายมา เราแทบจะไม่เห็นดาว เห็นแต่แสงสะท้อนของท้องฟ้า ---------------------------------- ท้องฟ้ากรุงเทพ ขนาดอยู่นอกเมือง และหันไปทางที่มืดสุด วัดแสงได้ 1/4 วินาที, f/5.6 @ ISO 1600 ต้องบอกว่า .. หมดหวัง เพราะขนาดถ่ายดาวที่สว่างมากๆ ฝุ่นละอองในอากาศ, เมฆหมอก .. มันทำให้ เหมือนคุณถ่ายสาวๆ ผ่านกระจกฝ้า .. ที่หนาคืบนึง --------------------- ฉนั้น ถ้าไป ตจว แล้วเกิดนึกครึ้ม อยากถ่ายดาว ก็ลองยกกล้องวัดแสงท้องฟ้าดูก่อน ถ้าได้ 10 วินาที @ f/5.6, ISO 1600 .. ค่อยน่าเล่นหน่อย แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 55 23:25:15 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 23:24:04

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณที่เปิดโลกทัศน์ ผมยังนึกว่าถ่ายดาวต้องใช้ขาตั้งติดตามดาวอยู่เลย เพราะไม่ได้ค่อยได้ตามเทคโนโลยี จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 55 12:24:11