ความคิดเห็นที่ 1 ยอดเขา กวางเดย์ ที่โอบล้อมหมู่บ้านอยู่ เผยโฉมให้พวกเราชื่นชมอย่างไม่เอียงอาย เลยครับวันนี้ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 19:49:44

ความคิดเห็นที่ 2 เส้นทางที่จะออกไปทาง Tangbuche นั้นจะต้องเดินขึ้นเนินจากหมู่บ้านไป จนถึงระดับสันเขา Choi Gang ที่จะสามารถเห็นวิวมุมสูงทั่วบริเวณหมู่บ้านนัมเชได้ดีมากที่สุดอีกจุดหนึ่ง และในบริเวณข้างเคียงกันนั้นยังเป็นที่ตั้งของ ทีทำการอุทยาน และพิพิธภันฑ์ ดังที่ผมเคยกล่าวไว้ใน นับเป็นเส้นทางเดินสั้นๆ รอบๆ หมู่บ้านสำหรับคนที่ไม่อยากเดินออกไปไกล ได้เดินออกกำลังและปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับระดับความสูง ได้อย่างสะดวกสบายอีกเส้นทางหนึ่ง ในภาพเป็นวิวที่เรามองย้อนกลับไปยังหมู่้บ้านนัมเช เบื้องล่่างในยามที่แสงแดดค่อยๆ สาดส่องให้ความสว่างและอบอุ่นเหมือนเช่นเคยในทุกๆ เช้าครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 19:55:38

ความคิดเห็นที่ 3 สวยจริงๆค่ะ ^_^ จากคุณ : ใสบัว เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 19:58:07

ความคิดเห็นที่ 4 ผ่านเินินหินที่แกะสลักบทสวดมนต์ ดูน่าเกรงขามอีกแล้วครับ สำหรับที่นัมเช นี้ยิ่งทำใหญ่โตมากๆ เพราะเป็นหมู่บ้านใหญ่ครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 19:58:14

ความคิดเห็นที่ 5 ปาดครับ สวยมาก จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 19:58:29

ความคิดเห็นที่ 6 ไปชมที่สวยๆต่อครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 19:59:00

ความคิดเห็นที่ 7 ตอนนั้นเป็นเวลา 8 โมงกว่าๆ ได้มั้งครับ แต่แสงแดด ก็สาดส่องมากมายเหลือเกิน ราวกับว่าเราอยู่ใกล้ด้วงอาทิตย์ กว่าที่ๆ อื่นๆ ในโลกก็ไม่ปาน จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 19:59:59

ความคิดเห็นที่ 8 เดินเลยจาก บริเวณนั้นไป พร้อมกับ การจากลาของขุนเขา ทัมเซกุ และ กวางเด ที่ล้อมรอบนัมเช เราก็ได้ พบกับภาพอันตื่นตา และทำเอาพวกเราตื้นเต้น เป็นการใหญ่ นั่นก็คือ ภาพ ยอดเขา Everest และ Nuptse ท่าสูงเสียดฟ้าตระหง่าน เด่นอยู่แต่ไกล ในตอนนั้นพวกผมไม่รู้มาก่อน ไม่ได้มีข้อมูลเลยว่าในวันนี้เราจะได้ มีโอกาสแรกที่จะเห็นยอดเขา Everest ได้ อย่างถนัดๆ เช่นนี้ ผมและเพื่อนก็เลยตื่นเต้น เก็บอาการไว้ไม่อยู่กันใหญ่ พร้อมกับ เก็บภาพคู่ของพวกเรากับยอดเขา Everest นี่ในระยะไกล เสียมากมาย ราวกับว่า เราจะไม่ได้เดินเข้าไปต่อ ไปดูให้เห็นชัดๆ ใกล้ๆ กว่านี่ (ก็ตื่นเต้นอะเนอะ) Everest คือ ยอดที่อยู่ตรงกลางภาพเลยครับ ที่คล้ายๆ สามเหลื่ยม พีรามิด จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:01:34

ความคิดเห็นที่ 9 ผมยังคุยกับเพื่อนอีกว่าถึงเราอาจจะไปไม่ถึง base camp ในทริปนี้แต่ได้เห็นยอดเขา เอเวอร์เรส ในวันนี้ก็ รู้สึกคุ้มค่าสำหรับการเดินทางในครั้งนี้แล้ว ถือว่าเราโชคดีอีกวันหนึ่งที่ วันนี้อากาศเรียกได้ว่าดีมากๆ กล่าวคือ ท้องฟ้าไม่มีเมฆหมอก หรือ ฝุ่น ลม ให้กวนตากวนใจ จึงทำให้เราสามารถมองเห็นยอดเขาเอเวอร์เรส ได้อย่างชัดเจนถนัดตา ถึงแม้จะอยู่ห่างออกไปไกลมาก ซึ่งตามปกติ ยอดเขา สูงๆ ส่วนใหญ่มันจะถูกเมฆเข้าปกคลุมอย่างรวดเร็วในช่วงสายๆ ของวันในฤดู ปกติ ที่ไม่ใช่ ช่วงเดือน ตุลาคม สถูปสีขาวๆ ที่อยู่มุมซ้ายของภาพเป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างเพื่อ สองนักปีนเขาผู้พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสได้เป็นครั้งแรกครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:03:52

ความคิดเห็นที่ 10 จุดชมวิวตรงนี้ เรียกได้ว่าเห็นเอเวอร์เรสได้ถนัดตามากที่สุด แห่งหนึ่ง เลยทีเดียวครับ และในวันที่อากาศดีๆ เช่นนี้ สามารถมองชัดไปได้ไกลมากๆ แทบว่าถ้ามีกล้องส่องทางไกลดีๆ ผมเชื่อว่าจะเห็นถึงยอดแบบชัดๆ จะๆ เลยครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:05:24

ความคิดเห็นที่ 11 หลังจากที่ใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ๆ ตรงหัวโค้งแรกที่เราได้เห็นวิว ยอดเขาเอเวอร์เรส เราก็ออกเดินต่อไปยัง สถูปเจดีย์ ที่เห็นอยู่ ไม่ไกล ที่ซึ่ง เราคาดว่าจะเห็นวิว ยอดเขาเอเวอร์เรสได้ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก ซึ่งก็เป็นจริงเช่นนั้นครับ เพราะว่า เจดีย์ที่ว่านั้นถูกสร้างเพื่อนเป็นอนุสรณ์ให้กับ สองนักปีนเขา ที่พิชิตยอดเขา เอเวอร์เรสได้เป็นครั้งแรก เป็นการฉลองครบรอบว่าระการพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสในรอบ 50 ปี ตรงจุดนี้นักท่องเที่ยวส่วนมากก็จะหยุดพัก และชื่นชมกับชุดชมวิวที่งดงามที่สุด อีกจุดหนึ่งของย่าน Khumbu นี้เลยครับ เราก็เช่นเดียวกัน ไม่พลาดโอกาสที่จะ ถ่ายรูป คู่กับยอดเขาที่เราบากบั่นมาเพื่อชื่นชมวิว นี้ จะว่าไปเส้นทางบริเวณนี้ก็ยังไม่ยากเย็นทำให้บรรยากาศการเดินสบายๆ ผ่อนคลาย ประกอบกับมีวิวยอดเขาสูงลิบลิ่วในระยะไกลให้ได้ มองเป็นกำลังใจ เลยทำให้พวกผมเกือบตายใจว่าวันนี้คงจะสบายๆ ชิวๆ ดั่งเช่นวันแรกกระมัง จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:06:29

ความคิดเห็นที่ 12 งาม... จากคุณ : Oboe Concerto in C Major เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:07:13

ความคิดเห็นที่ 13 ภาพยอดเขา เอเวอร์เรสแบบ เต็มๆ ตา่อีกภาพหนึ่งครับ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:07:46

ความคิดเห็นที่ 14 ด้วยเสน่ห์และมนต์ตราแ่ห่งหิมาลัยนี่เองที่ ผมเชื่อว่าดึงดูดใจนักเดืนทางจากทั่วโลกให้เขามายังที่แห่งนี้ครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:09:09

ความคิดเห็นที่ 15 เหล่าบรรดาผู้มีพระคุณอีกกลุ่มหนึ่งที่ช่วยทำให้นักเดืนทางทั้งหลายได้ขึ้นไปชื่นชมความงามของหิมาลัยครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:10:25

ความคิดเห็นที่ 16 เดินต่อจากจุด สถูปอนุสรณ์นั้นไปสักพักใหญ่ๆ ก็จะถึงจุดชมวิวที่น่าทึ่งอีกจุดบนเส้นทาง คือ จุดที่ เราไปสุดทางและเห็นวิว ยอดเขาสูง ตั้งแสดงอยู่เบื้องหน้า แต่ถึงจุดนี้ ส่วนของเทือกเขาเอเวอร์เรสจะถูกบดบังด้วยเทือกเขาที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเราไปบ้างแล้วก็ตามแต่ ยอดเขา Everest และ Nuptse และ Ama Dablam ก็ยังโดดเด่งเป็นสัญลักษณ์อยู่อย่างชัดเจน แต่สิ่งที่พิเศษสำหรับจุดนี้ก็คือวิวหมู่บ้าน ลำธาร และ ภูเขาที่มีพืชพรรณเขียวขจี ที่ช่วยแต่งเติมบรรยากาศให้ น่ารื่นรมณ์ อย่างยิ่ง และก็อีกเช่นเคย ผมและเพื่อนก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพคู่พร้อมทั้งนั่งพัก สูดลมหายใจยาวๆ ให้เต็มปอด เพราะวิวตรงบริเวณนั้น สวยงามจนทำให้เราลืมเวลาไปเลยทีเดียว จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:11:07

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพสวยค่ะ ตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ จากคุณ : snas89Pink เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:11:40

ความคิดเห็นที่ 18 อีกภาพจากบริเวณใกล้เคียงกันครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:11:55

ความคิดเห็นที่ 19 สักพักเมื่อแดดเริ่มแรงแก่กล้าขึ้น เราก็รู้สึกตัวว่าได้เวลาที่จะต้องเดินทางต่อแล้ว เพราะหนทางข้างหน้าวันนี้ยังอีกยาวไกล นี่เรามาได้ยังไม่ถึงหนึ่งในสามของเส้นทางเลย และได้เวลาเกือบ จะสิบโมงแล้ว ผ่านจุดชมวิวที่ว่าไปไม่ไกลนัก ก็จะถึงทางแยกใหญ่ ที่คนที่มีจุดหมายเป็นทะเลสาป โกเกียวจะเดินแยกไปได้ทางนั้น หรือ ถ้าจะมุ่งไปสู่ เส้นทาง Everest base camp ก็ เดินแยกจากกันตรงนี้ เปรียบดั่ง ตัวอักษร Y ที่เดินร่วมกันมาแล้วก็มาแยกจากกันตรงจุดนี้ แต่สำหรับผู้ที่อยากชื่นชมความงามของทั้งทะเลสาปโกเกียว และ Everest base camp พร้อมกันในทริปเดียวก็สามารถเลือกเดิน เชื่อระกว่าง ทะเลสาปโกเกียวไปยังฝั่ง EBC ได้โดยผ่านเส้นทางที่เรียกว่า Chola Pass ซึ่งผมจะกล่าวให้ฟังในตอนต่อๆ ไป จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:12:49

ความคิดเห็นที่ 20 ถึงจุดนี้ ผมสังเกตุเห็นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินไปทาง EBCมากกว่าทาง ทะเลสาปโกเกียว เป็นจำนวนไม่น้อยที่เดียว ผ่านจุดทางแยกไปเราก็จะ เขาสู่ทางเดินลงเขา เป็นระทางไม่น้อยทีเดียว ทำให้ การเดินเป็นไปอย่างง่ายรวดเร็ว แต่ผมก็แอบคิดในใจตอนนั้นว่าเดินลงเยอะๆ แบบนี้ไม่ดีแน่ เพราะนั่นหมายถึงว่าเราจะต้องเดินขึ้นอีกในระยะทางเท่าๆ กันเป็นอย่างน้อย และก็เป็นความจริงที่ว่า จากจุดที่เราเดินลงไปสักพักใหญ่ๆ เราก็หยุดแวะพักทานอาหารกลางวัน ซึ่งก็เป็นเวลา สิบเอ็ดโมงเศษๆ พอดีที่น้ำย่อยเริ่มเอิ่อท่วมออกมาในกระเพราะ เราหยุดแวะทานที่หมู่บ้านเล็กๆ ก่อนที่จะถึงหมู่บ้านใหญ่ที่ซึ่งไกด์อธิบายว่าจะมีนักท่องเที่ยวส่วนมากแวะทานอาหารกันและทำให้ต้องรออาหารเป็นเวลานาน จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:14:07

ความคิดเห็นที่ 21 และเราก็เริ่มเห็นยอดเขา Ama Dablam อย่างชัดเจนขึ้นเรื่องๆ จาก จุดนี้ไป ครับ และ  Ama Dablam จะเป็นยอดเขาที่อยู่เป็นเพื่อนผมตลอดการเดินทางทั้งทริปเลยก็ว่าได้คับ เพราะไม่ว่าวันไหนผมก็เห็น  Ama Dablam เสมอๆ ในมุมมองที่ สวย งามแตกต่างกันออกไปตาม องศาพื้นที่ๆ ได้ไปสัมผัส Ama Dablam จึงเป็นยอดเขาที่ผมชอบมากที่สุดอีกยอดจากทริปนี้ครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:16:38

ความคิดเห็นที่ 23 เมนูมื้อเที่ยงวันนี้ ช่างเรียบง่ายแต่ให้รสชาติที่วิเศษไม่น้อยนั้นคือ ข้าวไข่เจียว โรยด้วยหมูฝอยจากเมืองไทย กับซุปกระเทียม ที่ซึ่งใครต่อใครต่างบอกว่ากินแล้ว จะช่วยลดหรือบรรเทาอาการ แพ้ความสูงได้ แต่ผมว่าไม่ค่อยมีผลนะ เป็นผลทางใจมากกว่า ซึ่งตลอดทั้งทริปผมจึงไม่ได้กินบ่อยนัก เสียดายที่ ซ้อสแม็กกี้ที่ผมเตรียมมาด้วยอยู่ในกระเป๋าใหญ่กับลูกหาบ ไม่งั้นคงได้รสชาดแบบสุดๆ เลย จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:18:57

ความคิดเห็นที่ 24 เด็กน้อยเชอร์ปาอีกแล้วครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:20:30

ความคิดเห็นที่ 25 ตามชมอยู่นะครับ จากคุณ : สมหมาย09 เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:20:31

ความคิดเห็นที่ 26 หลังจากจัดการอาหารเที่ยงเสร็จเรียบร้อย ก็ไม่รีรอที่จะออกเดินทางกันต่อ เพราะเรายังต้องไปลุ้นเรื่องการหาที่พักข้างหน้ากันอีกในวันนี้ เดินเลยหมู่บ้านนั้นไปก็จะถึงหมู่บ้านใหญ่อีกแห่งที่ซึ่ง คนส่วนมากจะเลือกแวะทานกันซึ่งก็เป็นจริงตามที่ไกด์คาดเดา คือเมื่อเราไปถึง ก็เห็นนักท่องเที่ยว กลุ่มใหญ่ๆ หลายๆ กลุ่มกำลังนั่งพัก และรออาหารกลางวันของพวกเขาอยู่ จากตรงนี้ เราต้องเดินกลับขึ้นเนินไป นิดหน่อยและก็เดินลง เนินอีกรอบ เพื่อที่จะไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ และที่ตรงแถวๆ สะพานนั่นเองที่เราได้เห็นป้ายคำแนะนำว่า หมู่บ้าน Tangbuche อยู่ห่างจากตรงนั้นไปอีกสองชั่วโมงในเส้นทางเดินขึ้นเนินตลอด เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ให้นักท่องเที่ยวที่ยังไม่ทานข้าวหรือ พักทานน้ำใดๆ ให้แวะหยุดพักเติมเสบียงและพลังกันให้เสียเสร็จสิ้นตรงบริเวณนั้นก่อน พวกเราไม่รีรอที่จะเดินหน้าต่อไป เมื่อข้ามสะพานไปแล้วก็เป็นทางเดินขึ้นเนินจริงๆ อย่างที่ทั้งไกด์และป้ายนั้นบอกไว้ เป็นทางขึ้นเนินคล้ายๆ กับเมื่อตอนที่เราพยายามเดินขึ้นไปที่หมู่บ้านนัมเช เป็นทางลักษณะ ซิกแซก ไต่ระดับความสูงของภูเขาขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างที่ผมนึกไว้ตอนเดินลงเนินก่อนหน้านี้มาเลยว่า มันจะลำบากไอ้ตอนเดินขึ้นนี่ละ ตรงนี้ถึงกับทำให้ผม ท้อใจเข่าอ่อน ไปเลยเหมือนกัน ด้วยสภาพอากาศที่ แดดจัด แต่ไม่ร้อน ลมแรง เพราะไม่มี ต้นไม้ กำลังให้ เลยทำให้ผมอ่อนเพลีย และต้องนั่งพัก ถี่ ๆ ตลอดระยะการเดินขึ้นเนิน ซึ่งมองขึ้นไปก็ไม่เห็นสุดทางเสียที เห็นแต่ ท้องฟ้าที่ อยู่ตัดขอบกับ สันภูเขาเท่านั้น เดินไปสักราว สองชั่วโมงกว่าๆ จนเรียกได้ว่าเกือบจะถอดใจ เราก็ถึง ทางเกือบจะราบอีกครั้งหนึ่ง และก็เห็นป้ายสีเหลืองๆ ที่บอกเป็นสัญลักษณ์ว่า เราได้เข้าสู่เขตของหมู่บ้าน Tengbuche แล้ว ตอนนั้นผมก็แทบจะเป็นลมหมดแรง คาป้ายแต่ก็ พยายามตะเกียดตะกาย เอาตัวขึ้นไปบน ที่ราบกว้างขวางของหมู่บ้าน Tengbuche ให้ได้ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:22:06

ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อผ่านพ้นประตู Kaani gate ไป ก็จะเห็น Tengbuche monastery ใหญ่ พร้อมสถูปเจดีย์น้อยใหญ่ที่ต้องเรียงรายอย่างสวยงาม ผมทิ้งตัวลงนั่งพัก อย่างไม่สนใจสิ่งใดโดยรอบทั้งสิ้น กะจะเรียกคืนเอาเรี่ยวแรงกลับมาบ้างเพื่อให้เราเดินต่อไปยังที่พัก คืนนี้ให้จงได้ วิวทิวทัศน์บน เนินเขาที่ราบหมู่บ้าน Tengbuche นี้ก็ช่างงดงาม เพราะสามารถแลเห็นยอดเขา Everest และ Nuptse และ Ama Dablam และอื่นๆ ที่อยู่ในเส้นทางเบื้องหน้าออกไปได้อย่างสวยงาม  หมู่บ้านนี้ยังเป็นหมู่บ้านใหญ่ ที่มีที่พักดีๆ ร้านอาหาร หรือแม้แต่ Bakery ที่ หอบขนขึ้นมาจาก หมู่บ้านนัมเช มาวางขาย เมื่อพักได้ครู่ใหญ่ ผมก็พอจะมีเรี่ยวแรงเดินสำรวจรอบๆ หมู่บ้านได้ ในระหว่างที่รอไกด์เรา ออกหาที่พักให้กับพวกเราในค่ำคืนนี้ วัดที่ หมู่บ้าน Tengbuche ถือว่าเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในบริเวณ เขต Khumbu นี้เลยก็ได้ อาคารของวัดจึงประกอบไปด้วย อาคารน้อยใหญ่ และยังมีเจดีย์ เรียงราย อีก ไม่น้อย นอกเหนือจากตัววัดแล้ว ก็เป็นที่ตั้งของ บรรดาโรงแรมที่พัก ที่ต่างเลือกจับจองทำเลทองบนเนิน Tengbuche นี้ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้พักชมวิวสวยๆ แต่เหมือนวันนี้เราจะโชคไม่ดีเรื่องที่พัก เพราะไกด์กลับมาแจ้งพวกเราว่า ที่พักบน หมู่บ้าน Tengbuche คืนนี้ เต็มหมดแล้ว พวกเราจึงต้องเดินต่อไปอีก ราว 30 นาที เพื่อไปพักที่หมู่บ้านถัดไป ชื่อว่า Debuche ที่ จะต้องเดินลงเนินไป จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:23:31

ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อได้ทราบตามนั้น พวกเราก็ไม่รีรอที่จะ มุ่งหน้าต่อไปยังที่พัก เพราะ เกรงว่าหากที่พักยังเต็มอยู่อีก เราอาจะต้องเดินเลยไปจนถึงหมู่บ้านถัดไป ซึ่งจะเป็นระยะทางอีกไม่น้อย แม้จะทันก่อนค่ำแน่นอน แต่ด้วยสภาพตอนนั้นเรา เราไม่อยากเดินต่อไปแม้แต่อีกก้าวเดียวเลยจริงๆ !!! จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:24:56

ความคิดเห็นที่ 29 ดีที่เป็นทางลงเนิน ผมคิดในใจ แต่จะว่าไปเนินตรงบริเวณนี้ถ้าหากเรามาถูก ฤดูกาลก็จะได้มีโอกาสได้ชม หมู่มวลดอกกุหลาบพันปีที่ ขึ้นอยู่เรียงรายสองข้างทาง อย่างหนาแน่น ซึ่งมักจะออกดอกในช่วงเดือนเมษายน สักพักไม่เกิน 30 นาทีอย่างที่ไกด์ว่าเราก็มาถึงที่พักจนได้ คราวนี้เราหาห้องได้ แต่ไม่สู้จะดีนัก เรียกได้ว่าเป็นที่พักที่แย่ที่สุดในตลอดการเดินทางครั้งนี้เลยก็ว่าได้ กล่าวคือเป็น ห้องไม้ แคบๆ ที่เมื่อผมและเพื่อน เข้าไปแล้ว ก็แทบจะวางกระเป๋าไม่ได้ และเนื่องจากเป็นห้องที่กั้นด้วยไม้อัดบ้าง เสียงและลมจึงเดินทางผ่านได้โดยสะดวก แต่จะทำอย่างไรได้ ที่นี่เป็นที่เดียวที่ว่างให้เราพักได้ในคืนนี้ และก็เต็มทุกห้องเสียด้วย จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:25:53

ความคิดเห็นที่ 30 ตอนนั้นเป็นเวลา เกือบๆ สี่โมงเย็นแล้ว เมฆหมอก เริ่มก่อตัวหนามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความหนาวเหน็บเข้ามาเยือนอย่างรวกเร็ว ผมรีบออกไป ที่ลำธารเล็กๆ ใกล้ๆ ที่มีท่อปะปาต่อไว้ เพื่อล้างหน้าล้างตา เพราะยังไงคืนนี้คงจะไม่ได้อาบน้ำเป็นแน่แท้ และก็กลับเข้าห้องไปต้มน้ำไว้ดื่มในวันรุ่งขึ้น ตอนนี้เองที่เพื่อนผมเริ่มมีอาการปวดหัว ถึงไม่มากแต่ก็ อดเป็นกังวลไม่ได้ จึงรีบให้เขากินยาพาราและ นอนพักสักครู่ก่อนเวลาอาหารเย็น และเมื่อใกล้เวลาอาหารเย็น เราจึงได้ออกไปเดินชมวิว ที่จริงๆ แล้วหนาวเหน็บมากแต่ด้วยวิวที่ สวยดึงดูดตา จึงทำให้ผมและเพื่อนอดทนกับความหนาว ออกไปยืนชม เมฆที่กำลังลอยปิดยอดเขารอบๆ ทีละส่วน ทีละส่วน จน สนิด และเราก็กลับเข้าที่พักอีกครั้งด้วยความเหนื่อยแต่ แปลกที่ผมไม่ค่อยรู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย สงสัยความสูงจะเริ่มทำเอากระเพาะผมปั่นป่วนเสียแล้ว แต่ก็ต้องสั่งอาหารกินเพราะเป็นกฎของที่พักทุกที่ โดยมื้อค่ำวันนั้นผมเลือกทานผัดผักจานเดียวไม่มีข้าว ส่วนเพื่อนขอลองเปลี่ยนรสชาดเป็นพิซซ่าหน้าทูน่า เผื่อจะช่วยทำให้อยากอาหารขึ้นมาบ้าง ซึ่งก็คิดถูกจริงๆ รสชาติถูกปากไม่น้อย และทำให้ที่นี่แม้ห้องพักจะแย่ แต่เรื่องอาหารก็พอมากู้หน้าได้ มื้อเย็นในที่ รร พักเล็กๆ แบบนี้ แขกทุกห้องจะมานั่งล้อมกินข้าวกันในห้องอาหารสไตล์ธิเบตที่ ทุกคนนั่งหันหน้าเข้าตรงกลางห้อง และทำให้มองเห็นว่าใครเป็นใครทำอะไรกันได้ถนัดตาที่สุด ผมและเพื่อนดูเหมือนจะเป็นนักท่องเที่ยว หัวดำจากเอเชียเพียงสองคนในโรงแรมนั้น คืนนั้น โรงแรมเล็กๆ โทรมๆ แบบนี้ บริษัททัวที่จัด กรุ๊ปไม่เลือกมาพักแน่ๆ แขกในนั้นจึงมีแต่นักเดินทางที่มากันเองทั้งนั้น ซึ่งต่างก็มาเป็นคู่หรือสองคนขึ้นไปทั้งนั้น ผมและเพื่อนเมื่อทานมื้อเย็นเสร็จก็นั่งผิงเตาไฟในห้องอาหารสร้างความอบอุ่น จนกระทั่งหาว และรู้สึกเพรียเหมือนตาจะปิด จึงได้เดินขึ้นห้องพักไปนอน ซึ่งเมื่อเข้าถึงห้องพักเราก็ นอนเลยทันที จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกทีตอนสัก ห้าทุ่มตอนที่มี เสียงเหมือนคนจำนวนหนึ่งกำลังสวดมนต์กระทำพิธีอะไรสักอย่างอยู่นอก โรงแรม ซึ่งผมก็ไม่ได้ ลุกขึ้นมาดู พยายามข่มตาให้นอนต่อ ไป และด้วยความเหนื่อล้าอ่อนเพลียมาทั้งวัน ก็ทำให้ผมนอนต่อได้ท่วมกลางเสียง เหล่านั้นจนถึงรุ่งเช้าวันใหม่ วันที่แสนยาวนานอีกวัน ก็หมดสิ้นลง พร้อมกับภาพของยอดเขา เอเวอร์เรสที่ ลอยอยู่เบื้องหน้าทั้งในยามตื่นและหลับวันนี้เรียกได้ว่าเรามา เกือบถึงครึ่งทาง ของทริปแล้ว หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่กำลังใจก็ยังเต็มเปี่ยมอยู่ยิ่งได้เห็นยอด เอเวอร์เรสจากไกลๆ ในวันนี้ยิ่งทำให้ มีแรงกระตุ้นจะเดินไปให้ถึงได้ในเร็ววัน จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:26:58

ความคิดเห็นที่ 31 สวยงามครับ จากคุณ : น้ำเชี่ยวตะวัน เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:27:34

ความคิดเห็นที่ 32 งามขนาดค่ะ จากคุณ : cant smile without u เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:36:35

ความคิดเห็นที่ 33 วันรุ่งขึ้น หลังจากที่หยุดพักยังไม่ทันหายเหนื่อยพวกเราก็ออกเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านต่อไป ซึ่งมีอยู่สองเส้นทางหลักที่เราจะสามารถเลือกใช้ได้ หนึ่งคือการเดินไปพักที่หมู่บ้าน Pheriche หรือ อีกทางคือไปยังหมู่บ้าน Dingboche ซึ่งผมเลือกไปพักที่หมู่บ้าน Dingboche ที่อยู่ในระดับความสูง 4360 m ในระยะทางห่างออกไป ราว 8.5 km. เพราะเหตุผลที่ว่า เราจะต้องมีการหยุดพักเป็นเวลา สองคืนเพื่อทำการ Acclimatization ในระยะ 4000 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเพื่อป้องกันอาการ AMS ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งที่หมู่บ้าน Dingboche นั้นเราสามารถที่จะเดินต่อไปยังหมู่บ้าน Chukrung ได้เพื่อชื่นชม วิว ของเทือกเขาหิมาลัยด้าน ตะวันออกได้อย่างสวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเส้นทางนี้ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:40:14

ความคิดเห็นที่ 34 ตามอ่านมาจนถึงตอนที่2 สิ่งที่แวบเข้ามาในหัวของเราตลอดคือ หากในวันข้่างหน้าเราได้มีโอกาส เดินทางอย่าง จขทก. บ้าง เราจะโชคดีเจอฟ้าอากาศที่เป็นใจให้อย่างนี้หรือเปล่าน้อ เพราะโอกาสที่จะได้เดินทางไปจุดนี้คิดว่าอาจหาได้ยากแล้ว แต่โอกาสที่จะเดินทางไปถึงจุดนี้ในวันที่ฟ้าเป็นใจอย่าง จขกท. เราว่ายิ่งหาได้ยากกว่าอีกค่ะ จากคุณ : au-utcc เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:41:02

ความคิดเห็นที่ 35 เหมือนเช่นทุกวันเราออกเดินทางตั้งแต่ 7 โมงเช้า และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ท้องฟ้าแจ่มใส อย่างยิ่งจึงทำให้เราเห็นวิว ของ ยอดเขา Everest และ เทือกเขาข้างเคียงได้อย่างชัดเจนตลอดเส้นทาง เดินในวันนี้เลยก็ว่าได้ ระยะทางเดินในช่วงแรกนั้นเป็นทางเดิน ราบๆ เลาะเรียบไปตามสายน้ำ ราว 30 นาทีจะกระทั่งถึงสะพาน โครงเหล็กที่เราต้องเดินขึ้นเนินไป เพื่อข้ามไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งจะเห็นวิวของ ยอดเขา Ama Dablam ได้อย่างสวยงามชัดเจน ทีเดียว สองข้างทางบริเวณนี้ยังเต็มไปด้วย พืชพรรณสีสันสวยงาม มากๆ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:41:21

ความคิดเห็นที่ 36 เดินขึ้นเนินจากสะพานไปไม่นานนัก ก็จะเจอสถูปเจดีย์เล็กๆสอง แห่ง ที่ผมว่าเลือกชัยภูมิ ฮวงจุ้ยได้เหมาะมากๆ เพราะเป็นเส้นที่ตรงไปสู่ ยอดเขาเอเวอร์เรสและ ยัง เชื่อม ตรงไปยัง วัดที่หมู่บ้าน Tangbuche ได้อย่างชัดเจน อาจจะเป็นความเชื่อเรื่องการส่งพลังอะไรทำนองนั้นก็ว่าได้ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:42:21

ความคิดเห็นที่ 37 ภาพนี้เป็นวิวเมื่อมองย้อนกลับไปทางที่เราเดินมาครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:43:24

ความคิดเห็นที่ 38 ภาพวิวทิวเขาน้อยใหญ่สองข้างทาง ที่เราเดินครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:44:37

ความคิดเห็นที่ 39 เห็นไหมครับ มองย้อนกลับไป จะเห็นหมู่บ้าน Tangbuche ตั้งอยู่บนสันเขาลูกหนึ่ง ทำเลดีๆ แบบนึ้ จึงทำให้หมู่บ้านนี้มีวิวที่สวยงามมากๆ อีกที่หนึ่งบนเส้นทา่งเลยครับ แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 20:47:30 จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:46:38

ความคิดเห็นที่ 40 เห็นไหมครับ มองย้อนกลับไป จะเห็นหมู่บ้าน Tangbuche ตั้งอยู่บนสันเขาลูกหนึ่ง ทำเลดีๆ แบบนึ้ จึงทำให้หมู่บ้านนี้มีวิวที่สวยงามมากๆ อีกที่หนึ่งบนเส้นทา่งเลยครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:47:49

ความคิดเห็นที่ 41 เลยจาก สถูปนั้นไปไม่นานก็จะเข้าสู่เขตหมู่บ้าน Pangbuche ที่มี ประตู Kaani Gate เป็นสัญลักษณ์อย่างชัดเจนอีกเช่นเคย หมู่บ้าน Pangbuche นี้เรียกได้ว่าเป็นจุดพักค้างแรงที่นิยม มากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เพราะ นักเดินทางที่ไม่เร่งรีบบางคนจะเลือกมา พักระหว่างทางที่หมู่บ้าน Pangbuche นี้ อีกคืน ก่อนที่จะเดินต่อไป ที่ หมู่บ้าน Dingbuche เพื่อป้องกันอาการแพ้ความสูงและ อีกอย่างก็คือ วิว ที่หมู่บ้าน Pangbuche นี้ก็สวยงาม มากๆ ไม่แพ้ Tangbuche เลย ก็ว่าได้ สามารถมองเห็นยอดเขาสูง ได้โดยรอบ และมีบรรยากาศที่ร่มรื่นมากทีเดียว ในภาพจะเป็น Ama Dablam เป็นฉากหลังของหมู่บ้า่นเลยครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:49:11

ความคิดเห็นที่ 42 ทางที่เราเดินผ่ายจะเป็นส่วนของ หมู่บ้าน Pangbuche ตอนล่าง และหากต้องการเดินขึ้นไปชมวิวหรือพัก แรม ที่ หมู่บ้าน Pangbuche ตอนบนก็สามารถทำได้ แต่โดยมากนักท่องเที่ยวมันจะเลือกเดินทาง Lower Pangbuche ในขาไป และเลือกแวะชม Upper Pangbuche ในขากลับจาก EBC (จะได้ไม่ต้องปีนขึ้นๆ ลงๆ ให้เสียเรง ) หมู้บ้าน Upper Pangbuche ยังเป็นที่ตั้งของวัด ธิเบตที่เก่าแก่ที่สุดในเขต Khumbu นี้ ที่ซึ่งกล่าวกันว่าลามะรูปแรกได้นำศาสนาพุทธ วัชรยานเข้ามาเผยแพร่ในเนปาลนี้เป็นครั้งแรก เป็นผู้ก่อตั้งวัดขึ้น และวิวที่วัดนี้ ยังสามรถมองเห็นยอดเขาสูงโดยรอบได้สวยงามยิ่งนัก จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:50:22

ความคิดเห็นที่ 43 เราไม่ได้แวะพักที่หมู่บ้าน Pangbuche นี้และมุ่งตรงต่อไป โดยมีจุดหมายต่อไปเป็น หมู่บ้าน Shomare ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และสามารถเห็นได้จากทางเดิน ตลอดทาง ทางเดินช่วงนี้จะเป็นทางราบเอียง 30 องศา ขึ้นเนินไปเรื่อยๆ โดยมี แม่น้ำสายเดิมอยู่เคียงข้างด้านขวามือตลอดทาง แถวนี้ ก็เป็นจุดพักแรม ที่นิยมมาก สุดๆ อีกที่เลยครับ เพราะว่าวิว Everest ตั้งเด่อยู่ด้านหลังของหมู่บ้านกันเลยทีเดียวครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:53:54

ความคิดเห็นที่ 44 เรารีบจ้ำกับอย่างไม่หยุดพัก เพราะอันที่จริงแล้ว ในใจของผมที่วางไว้คือ ต้องการจะเดินไปให้ถึงหมู่บ้าน Chukrung เลยในวันนั้นเพื่อที่จะได้ มีโอกาสได้ชื่นชม วิวยอดเขา กับท้องฟ้าใสๆ ได้ถนัดตาในวันรุ่งขึ้นก่อนที่จะเดินลงมาพักที่ Dingcuche ต่อไป ไม่นานนัก เราก็ถึง หมู่บ้าน Shomare ที่ซึ่งเราหยุดพักทานอาหารเที่ยง ซึ่งในมื้อนี้ผมขอเปลี่ยนรสชาติ เป็นสปาเก็ตตี้พัดทูน่า บ้าง หลังจากที่ ได้กินแต่ข้าวสวยกับบรรดา เสบียงสารพันที่เตรียมไป จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:54:51

ความคิดเห็นที่ 45 นั่นไงครับหมู่บ้านที่เราจะได้แวะพักกันแล้ว เพื่อเติมพลัง จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:57:04

ความคิดเห็นที่ 46 กินลมชมวิวกันก่อนจะไปกินข้าวกันจริงๆ ครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:58:50

ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อเหลียวมองย้อยกลับไป เบื้องหลังที่เราผ่านมาครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 20:59:50

ความคิดเห็นที่ 48 ผมไม่แน่ใจว่า เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีัด้วยหรือเปล่าหรือพืิช ลักษณะนี้จะมีสีแบบนี้อยู่แล้ว แต่ก็สวยงามดีครับ เห็นว่าผลของต้นนำมาคั้นเอาน้ำไว้ดื่มเป็น น้ำผลไม้ได้ครับ มีวิตมินสูง จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:02:22

ความคิดเห็นที่ 49 รอติดตามต่อนะครับ จากคุณ : firetailed_sunbird เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:02:45

ความคิดเห็นที่ 50 ถึงแล้วครับที่พักทานอาหารเที่ยง ว่าไป ที่ๆ เราแวะพักกินข้าวเที่ยงก็วิวสวยไม่แพ้ ที่ใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ฟ้าเป็นใจเช่นนี้ บรรยากาศอาหารมื้อนี้ จึงเต็มไปด้วย รสชาดของทั้งอาหารและวิวทิวทัศน์รอบข้าง โชคดีที่ตอนเราไปถึงที่ร้าน ยังไม่มีคณะของนักเดินทางอื่นๆ เข้ามา เราเลยได้อาหารอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นก็ดูเหมือน ครัวจะ busy ตลอด เนื่องจากเป็นเวลาที่นักท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ทยอยตามขึ้นมาแล้ว แต่แดดจัดมากๆ ครับ พวกผมเลยขอหลบทานอยู่ในบ้าน แต่พวกฝรั่งนี่ ชอบแสงแดดเหลือเกิน นั่งกินข้าวกันตากแดดกันไปเลย 555 จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:04:30

ความคิดเห็นที่ 51 หลังจากทานอาการเรียบร้อยแล้ว เราออกเดินทางต่อโดยไม่รีรอ และค่อยๆ เดินไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ของหมู่บ้าน Shomare จนถึงทางเนินบนไหล่เขา ที่อีกเพียงไม่นานก็จะนำเราไปถึงทางแยก ที่จะแยกไป หมู่บ้าน Pheriche ทางซ้าย และหมู่บ้าน Dingcuche ในเส้นทางขวา จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:06:36

ความคิดเห็นที่ 52 ฝูงสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน ที่ปล่อยให้หาอาหารกินกันเองตามธรรมชาติครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:08:00

ความคิดเห็นที่ 53 ผมไม่แน่ใจว่า ตัวนี้เขาเรียกว่า Yak หรือ เป็นแค่วัว ธรรมดาครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:09:02

ความคิดเห็นที่ 54 วิวสองข้างทางยังคงเป็นเทือกสูงเบื้องหน้าและ ยอดเขา Ama Dablem ทางด้านขวามือ อย่างชัดเจน สิ่งที่ผมประทับใจอีกอย่างในเส้นทางช่วงนี้คือ เหล่าบรรดา พืชพรรณหลากสีสันที่ ขึ้นเป็นพุ่มเตี้ยๆ ริมทางตลอดทางเดินแต่งแต้มสีสันและบรรยากาศให้ไม่น่าเบื่อเลยทีเดียว เราเดินไปจนถึง ทางแยกไปหมู่บ้าน Dingcuche อย่างรวดเร็ว และตรงจุดนี้เองที่เราต้องเดินลงเนินไปอีกครั้งเพื่อไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำไปอีกฝาก เพื่อเดินเข้าสู่หมู่บ้าน Dingcuche ต่อไป ในใจผมคิดอีกแล้วว่า ทำไมไม่มีใครสร้างสะพาน จากบนไหล่เขาไปฝากตรงข้ามเลยนะ เราจะได้ไม่ต้องเดินขึ้นๆ ลงๆ ให้เหนื่อยเช่นนี้ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:11:03

ความคิดเห็นที่ 55 ตรงจุดเดินขึ้นเนินหลังจากข้ามสะพานนี้เอง ที่ผมเริ่มเหนื่อยล้า เข้าแล้ว และดูจะมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ก้าวที่ต้องเดินต่อไป ถึงแม้เส้นทางจะไม่ชันมากมาย แต่คงเป็นเพราะความสูงที่เพิ่มากขึ้นเรื่อยๆ น่าจะถึง 4000 เมตรได้แล้วในตอนนั้น จึงทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยมากกว่าวันก่อนๆ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:13:24

ความคิดเห็นที่ 56 และในใจผมก็เริ่มคิดต่อไปว่า ถ้าเดินต่อไปจนถึงหมู่บ้าน Chukrung เลยทีเดียวในวันนี้ เห็นทีจะมีปัญหาแน่ๆ เพราะ ความสูงของหมู่บ้าน Chukrung นั้นอยู่ที่ระดับ 4600 ม เลยทีเดียว นั้นเท่ากับว่า เรา กำลังจะเดินเปลี่ยนระดับความสูงเกือบ 760 ม ในวันเดียวซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ ทีเดียวและไม่ค่อยมีใครทำกัน (ปกติไม่ควรเปลี่ยนระดับความสูง เกินกว่า 400 ม ในแต่ละวัน โดยไม่มีการพักปรับสภาพความสูง) ซึ่งหลังจากที่ร่างกายเริ่มส่ออาการเหนื่อยล้าและอาจจะปวดหัวต่อมาได้อย่างนั้นแล้ว ผมก็เลยเปลี่ยนแผน เป็นการพักที่หมู่บ้าน Dingcuche สองคืนแทน และวันพรุ่งนี้ ค่อยเดินไปเที่ยวที่หมู่บ้าน Chukrung แบบไปเช้าเย็นกลับ เพราะดูจากอากาศในช่วงนี้แล้ว สายๆ หรือแม้แต่ บ่ายๆ โอกาสที่ฟ้ายังเปิดอยู่ไม่มีเมฆมาบดบังนั้นมีสูงมาก เมื่อสรุปแผนใหม่ได้เช่นนั้นเรา ผมก็เดินช้าลง เพื่อพักเอาแรง และซึมซับบรรยากาศวิวโดยรอบซึ่งสวยงามไม่แพ้วันก่อนๆ ที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ ถ้าได้ขี่ม้าแบบนี้ไปตลอดทางคงดีไม่น้อยเลยครับ อิอิ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:15:14

ความคิดเห็นที่ 57 ไม่ช้าไม่นาน นักเราก็พาตัวเองมาถึง ทางเข้าหมู่บ้าน Dingcuche จนได้ ซึ่งอันที่จริงสามารถมองเห็นที่ราบ ที่ตั้งหมู่บ้านได้ตั้งแต่ระหว่างทางที่เราเดินมาแล้ว  หมู่บ้าน Dingcuche นี้ได้รับการขนานนามในเรื่องความหนาวเย็น ซึ่งในบ้างครั้งอุณหภูมิอาจลดต่ำลงกว่า 0 องศา ได้ในยามค่ำคืน แม้เป็นฤดูร้อนก็ตามที แต่ด้วยวิวทิวทัศน์ที่แวดล้อมไปด้วยยอดเขาสูงสวยงามทั้งหลาย ที่นี่จึงได้รับความนิยม ในการเป็นจัดพักแรมระหว่างทางไม่น้อยไปกว่า หมู่บ้าน Pheriche ที่อยู่ต่ำกว่าและมี เทือกเขาล้อมเป็นกำบังความหนาวเย็น จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:16:31

ความคิดเห็นที่ 58 บริเวณทางเข้าหมู่บ้านนั้น ยังมีสถูปเล็กสองแห่งที่สร้างอยู่บนเนินเขา สามารถเห็นได้อย่างโดดเด่ดสะดุดตาและ ตรงเส้นทาง หลังสถูกนั้นไปเองที่เราจะใช้ เดินทางต่อไปยังหมู่บ้าน Lobuche ในวันถัดๆ ไป เมื่อมาถึงที่พัก ที่เป็นอาคารชั้นเดียว มีห้องนอน อยู่สองฝั่งของอาคาร ซึ่งผมก็เลือกห้องฝั่ง ด้านที่สามารถชมวิวยอดเขา Ama Dablam ได้อย่างชัดเจน จากห้องนอนเราเลย ตอนนั้นเป็นเวลา บ่ายสองโมงกว่าเอง แต่ผมกับเพื่อนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากมายเหลือเกินจากการเดินในวันนี้ และด้วยความสูงที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้น จึงทำให้ผมรู้สึกปวดหัว อ่อนๆ และต้องพึ่งยาพารา ก่อนที่จะนั่งงีบ เล็กๆ ในห้องนอนที่เงียบสงบ มีวิวของยอดเขา Ama Dablam เป็นเพื่อนเท่านั้น วันนี้ถือเป็นอีกวันที่ผม เริ่มรู้สึกเหนื่อยมากๆ จนไม่อยากทำอะไรเลยแม้แต่จะกินอาหาร เมื่อถึงเวลาอาหารเย็กผมก็สั่งอาหารเล็กน้อยไม่ให้ผิดกฎของที่พักและทานเสร็จก็รีบเข้าไป ต้มน้ำดื่มและเข้านอนอย่างรวดเร็ว เพื่อพักฟื้นคืนพลังไว้สำหรับ พรุ่งนี้ต่อไป ที่เริ่มจะเข้มข้นขึ้นทุกขณะ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:18:10

ความคิดเห็นที่ 59 รุ่งเ้ช้าวันถัดไป เราเดินทางเข้าไปใกล้จุดหมายเข้าไปทุกทีแล้วครับ แต่ถึงอยากจะไปให้เห็นแทบใจจะขาดเพียงใด แต่วันนี้เราต้องหยุดพักเพื่อปรับสภาพร่างกาย ให้เข้ากับความสูงที่ อยู่ในระดับ 4 พันกว่าเมตรแล้ว โดยโปรแกรมในวันนี้ของผมจึงเลือกเดินไปยังหมู่บ้าน ชูกรุง ที่อยู่เลยลึกเข้าไปบนเส้นทางสายนี้ ที่ซึ่งเราตั้งใจเดินมาเส้นหมู่บ้านนี้เลยโดยเฉพาะ เพราะได้ยินกิติศัพท์ ความสวยงามของ ชูกรุงนี้จากปากคำของนักเดินทาง ทั้งหลาย ดังนั้นวันนี้ผมจึงตื่นเต้นและตั้งหน้าตั้งตาคอยเพื่อไปชม หมู่บ้านชูกรุง จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:22:13

ความคิดเห็นที่ 60 วิวรอบๆ หมู่บ้าน Dingbuche ครับ แถวนี้พุ่้มไม้สีๆ สด ๆ เยอะมากครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:25:05

ความคิดเห็นที่ 61 โดยวันนี้เราจะเดินสูงขึ้นไปอีกที่ระดับความสูง 4730 เมตร บนทางลาดขึ้นเนินไป และเดินกลับลงมาทางเดิม ในวันเดียวกัน ซึ่งหมู่บ้านชูกรุงนี้หากท่านใดมีเวลา ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ได้พักค้างแรม เพราะความเงียบสงบและธรรมชาติที่แวดล้อมไปด้วยเทือกเขาสูง มากมาย จึงทำให้ชูกรุงนี้เป็น จุดแวะพักในเส้นทาง EBC ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:26:55

ความคิดเห็นที่ 62 หรือว่าปีหน้าเปลี่ยนใจไป EBC ดี ^_^ จากคุณ : izogzag เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:28:08

ความคิดเห็นที่ 63 หมู่บ้านนี้เนื่องจากไม่ใช่ทางผ่านบนเส้นทางหลัก ผู้คนจึงดูน้อยบางตากว่า ที่ผ่านๆ มาครับ มีเพียงนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะไป พักแรม หรือ เดินไปเ้ช้าเย็นกลับแบบพวกเราเท่านั้น บรรยากาศจึง เงียบสงัด กว่าวันก่อนๆ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:29:36

ความคิดเห็นที่ 64 เส้นทางวันนี้ เหมาะกับการเดิน แบบ เบาๆ เล่นๆ ครับ เป็นทางลาด ไม่ชัน เดินช้าๆ ไปเรื่อยๆ ได้ตลอดทางเลยครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:32:25

ความคิดเห็นที่ 65 ตัวนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ไม่ใช่ Yak แน่ๆ น่าจะวัว นะครับ หน้าตาแบบนี้ อิิิอิ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:36:20

ความคิดเห็นที่ 66 พระเอกแถวๆ หมุ่บ้านชูกรุงมีค่อนข้างมาก เลยครับ แต่ ที่เด่ดๆ จริงๆ เห็นจะเป็น Island Peak ยอดเขาเหนือระดับ 6000 เมตร ที่ คน ธรรมดาๆ จะสามารถ เดินขึ้นไปได้ครับ หรือที่เรียกว่า Trekking Peak จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:45:40

ความคิดเห็นที่ 67 แถวนี้ก็มียอดเขาสูงห้อมล้อม รอบหมู่บ้าน เลยครับ สองยอดนี้ผมไม่แน่ใจว่า จะใช่ Lhotse หรือเปล่า ขออภัยถ้าแจ้งผิดนะครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:48:50

ความคิดเห็นที่ 68 ทางเดินจะคู่ขนานไปกับลำธารเล็กๆ ที่ไหลลงมาจากภูเขาน้ำแข็งเบื้องบน ครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:51:09

ความคิดเห็นที่ 69 นี่ไงครับหน้าตา Ama Dablam อีกแบบ ที่มองจากบริเวณหมู่้บ้านชูกรุงนี้ ด้วยความที่ยอดเขา Ama Dablam นี้ มีหลากหลายโฉมมากๆ เมื่อมองจากมุมที่ต่างๆ กัน ผมเลยชื่นชอบ ยอดเขานี้มากเป็นพิเศษเลยครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:53:39

ความคิดเห็นที่ 70 ตามมาชมวิวแบบสวยสุดยอดต่อครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:54:54

ความคิดเห็นที่ 71 อันที่จริงภูเขาสูงแถวนี้ มีระดับความสูง เกินกว่า 6000 เมตร ทั้งนั้นเลย ซึ่งก็จะมีชื่อเรียก ของยอดเขา แต่ละยอดไม่ซ้ำกันเลย เรียกได้ว่ามากมายจนจำกันได้ไม่หมดเลยครับ บางชื่อ ก็เป็น คล้ายๆ รหัสลับ คับ อิอิ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:58:09

ความคิดเห็นที่ 72 ผมนับถือพี่ๆ ลูกหาบ ชาวเชอร์ปา จริงๆ ครับ แข็งแรง มากๆ เดินกันขยันขันแข็งตลอดทาง จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:00:37

ความคิดเห็นที่ 73 น้ำหนักกระเป๋าที่แบบแถวๆ นี้ จะไม่เกิน 30 กิโล แล้วครับเพราะเป็นพื้นที่สูงแล้วครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:03:34

ความคิดเห็นที่ 74 ราวๆ สิบเอ็ดโมงผมก็เดินมาถึงหมู่บ้านชูกรุงจนได้ครับ และหมู่บ้านนี้เอง ที่เป็นหมู่บ้านสุดท้ายปลายทางที่เหล่าบรรดานักปีนเขา ในบริเวณนี้ มาพักอาศัยทำการฝึกทักษะการปีน ก่อนที่จะไป ปีนยอดเขาสูงๆ อาธิ Island Peak และอื่นๆ อีกมากมายในบริเวณ Khumbu นี้ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:05:46

ความคิดเห็นที่ 75 หลังพักทานอาหารเที่ยงที่หมู่บ้านชูกรุง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ จึงเดินทางกลับ เพราะเริ่มจะมีอาการ เวียนหัวและเหมือนจะอาเจียรบ้างแล้ว ในใจผมตอนนั้นคิดว่า น่าจะเป็นอาการ AMS ที่เริ่มมาทักทายผมเข้าแล้ว เลยต้องกลับไปพักผ่อนให้ได้มากที่สุดเพราะ ช่วงเวลาสำคัญกำลังจะมาถึงในวันสองวันข้างหน้านี้แล้ว จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:10:55

ความคิดเห็นที่ 76 หลังพักทานอาหารเที่ยงที่หมู่บ้านชูกรุง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ จึงเดินทางกลับ เพราะเริ่มจะมีอาการ เวียนหัวและเหมือนจะอาเจียรบ้างแล้ว ในใจผมตอนนั้นคิดว่า น่าจะเป็นอาการ AMS ที่เริ่มมาทักทายผมเข้าแล้ว เลยต้องกลับไปพักผ่อนให้ได้มากที่สุดเพราะ ช่วงเวลาสำคัญกำลังจะมาถึงในวันสองวันข้างหน้านี้แล้ว จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:12:14

ความคิดเห็นที่ 77 ต้นไม้แบบนี้เลยครับ ที่มีผล ไว้คั้นเอาน้ำไปดื่มได้ เป็น Otop ของ แถวนี้ที่ขึ้นชื่อเลยครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:14:27

ความคิดเห็นที่ 78 ถึงแม้จะเป็นเวลา่เที่ยงวัน แต่น้ำแข็งในลำธารก็ยังไม่ละลายครับ เครื่องยืนยันความหนาวเห็นได้เป็นอย่างดีครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:17:04

ความคิดเห็นที่ 79 ผมเดินย้อนกลับทางเดืน ครับ อาการปวดหัวเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ผมก็เลยลืมตัว ยิ่งเดินเร็วขึ้นเนื่องจากเป็นทางราบลงเนิน จนกลับมาถึงที่พักได้ก็เหมือนหน้ามืดคล้ายจะเ็ป็นลม ต้องนอนเอนตัวพิงกำแพงแบบหมดสภาพ และจากนั้นจึงรีบกินยาพารา เพื่อลดอาการปวดหัวและนอนพักชั่วครู่ พอตื่นมาก็เริ่มดีขึ้นครับ และหลังจากอาบน้ำอุ่นๆ ให้สดชื่น แล้วก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ผมจึงรีบเข้านอนแต่หัววันเพื่อพักเอาแรงให้มากที่สุด เพราะพรุ่งนี้จะยิ่ง ต้องเดินไกลและสูงชันมากขึ้นกว่าวันนี้อีกครับ ขอจบการเดินทางในช่วงที่สอง ที่วันนี้นะครับ และ ขอเชืิญติดตามเที่ยวต่อ ในช่วงที่สามนะครับ ขอบคุณพี่ๆ ป้าๆ น้าๆ อาๆ ใน Blue Planet ทุกท่านที่แวะมาทักทายและติดตามไปเที่ยวกับผมผ่านรีวิวนี้ครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:24:19

ความคิดเห็นที่ 80 ตามอ่านอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่กระทู้ที่แล้ว ไม่รู้ชาตตินี้จะมีโอกาสได้ตามรอยแบบนี้รึเปล่า ขอบคุณสำหรับรีวิวจริงๆครับ จากคุณ : the Sixth Floor เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:28:26

ความคิดเห็นที่ 81 รอติดตามตอนต่อไป ครับ จากคุณ : Cc เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:30:16 A:58.11.6.56 X: TicketID:068903

ความคิดเห็นที่ 82 รูปอลังการมากครับ จากคุณ : Title_boy เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:31:45

ความคิดเห็นที่ 83 โอ  สุดยอดเลยครับ..... จากคุณ : ส่วนหนึ่งของประเทศไทย เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:53:19

ความคิดเห็นที่ 84 ภาพสวยมากกกกกกกกกกกกเลยครับ จากคุณ : กาแฟเย็นใส่นมเยอะๆ เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 23:05:46

ความคิดเห็นที่ 85 สุดยอดเลยครับ รอชมครับ ขอบคุณรูปสวยๆ คำบรรยายที่ทำให้น่าติดตามครับ ชอบมากครับบบบ จากคุณ : Super GShip เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 23:26:33

ความคิดเห็นที่ 86 ตามมาชมกระทู้รีวิวดี ๆ สวยสุดยอดครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 23:52:38

ความคิดเห็นที่ 87 สวยและยิ่งใหญ่มาให้ได้ชื่นชมอีกแล้ววว จากคุณ : ลอร่า อิงกัลส์ ~* เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 00:55:19

ความคิดเห็นที่ 88 ตามมาเที่ยวหิมาลัยต่อค่ะ  สวยมากๆ  เห็นรูปแล้วต้องขอกดหน้าจอค้างไว้ ดูแล้วดูอีก   จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 05:47:25

ความคิดเห็นที่ 89 ... สวยมากๆค่ะ อยากไปเยือนแต่สภาพร่างกายคงไม่ไหว ขอเที่ยวกับ คุณ  letseetheworld ดีกว่า ^_^ จากคุณ : kungtalay เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 07:35:34

ความคิดเห็นที่ 90 สุดยอดทริปเลยค่ะ รูปก็สวยมากมาย ตามเที่ยวแบบเกาะจอด้วยคนค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:04:24

ความคิดเห็นที่ 91 สวยมากค่ะ ^^ จากคุณ : ottelia เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:44:50

ความคิดเห็นที่ 92 อีกทริปในฝันเลยครับ แต่จากภาค 2 นี่ ผมประเมินสถานการณ์ร่างกายตัวเองดูใหม่แล้ว ถ้ามีโอกาสไป คงได้แค่โต๋ๆเต๋ๆอยู่แถวนัมเชในภาคแรกแหละครับ รอคุณ letseetheworld พาเที่ยวต่อนะครับ จากคุณ : LIFE AFTER DEATH เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:46:13

ความคิดเห็นที่ 93 แวะมาชมต่อครับ ภาพสวยมากและเป็นทริปที่สุดยอดจริงๆครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : กัปตันลูกชุบ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:20:55

ความคิดเห็นที่ 94 K.letseetheworld สุดยอดดดมากๆๆ อยากทำได้แบบนี้บ้าง แต่คงไม่ไหวแน่ๆๆ อิอิ จากคุณ : เด็กชายสติชชี่ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 10:16:59

ความคิดเห็นที่ 95 ตามมาอ่านต่อครับ และรอตอน 3 เลยครับ นาสนุกดี จากคุณ : 3ho8 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 10:53:08

ความคิดเห็นที่ 96 สุดยอดค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆนะคะ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^ จากคุณ : เรื่อยๆ-เหนื่อยก็พัก เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 13:46:19

ความคิดเห็นที่ 97 มาชมตอน2ต่อค่ะ^^ ดูไปก็ลุ้นไป.. ยิ่งสูงก็ยิ่งสวย แต่ก็ยิ่งลำบากเป็นเงาตามตัวเลยนะคะ นับถือความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงจุดหมายจริงๆค่ะ^^ จากคุณ : แม่หญิงพิมาลา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 14:09:11

ความคิดเห็นที่ 98 แวะเข้ามาขอบคุณ และเป็นกำลังใจใ้ห้คุณ letseetheworld ค่ะ สุดยอดมากๆ ^.^ จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ จากคุณ : white cream เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 15:32:00