ความคิดเห็นที่ 1 ภาพที่มองย้อนกลับลงมายังหมู่บ้าน Dinbuche ที่อยู่เบื้องล่างในยามเช้าครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:29:48

ความคิดเห็นที่ 2 รุ่งเช้าวันนี้อากาศแจ่มใสดังเดิม ทำให้เราเบิกบานกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว พวกเราเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เวลาเจ็ดโมงเช้าโดยใช้เส้นทางด้านหลังที่พักที่จะนำเราไต่ความสูงของไหลเขาไปเรื่อยๆ จนถึงที่ราบสันเขา ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งจะสามารถรับชมวิวโดยรอบได้อย่างงดงามเลยครับ ตรงจุดนั้นยังมีการสร้างสถูปตามแบบธิเบตไว้ เป็นจุด Landmark อีกด้วย จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:30:54

ความคิดเห็นที่ 3 ตรงบริเวณนั้นเราสามารถชื่นชมวิวไว้อย่างไม่รู้เบื่อ ทั้ง Ama Dablem ที่อยู่ด้านหลัง และเทือกเขาน้อยใหญ่ทาง หมู่บ้านชูกรุงที่อยู่ไกลออกไปที่เมื่อวานนั้นผมได้ไปเยือนมา เราใช้เวลาพักชมวิวและถ่ายภาพกันสักครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่จะเดินทางต่อ ไปบนเนินที่ราบกว้างใหญ่เบื้องหน้า จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:31:48

ความคิดเห็นที่ 4 เส้นทางจากหมู่บ้าน Dingbuche ไปยังหมู่บ้าน Lobuche ที่อยู่ในระดับความสูง 4930 เมตร นั้นเป็นเส้นทางคู่ขนาน กับอีกเส้นทางหนึ่งที่ มาจากหมู่บ้าน Pheriche เบื้องล่างที่เราจะสามารถมองเห็นได้เกือบตลอดเวลาที่เดิน ที่ราบระหว่างหุบเขาเบื้องล่างนี้เองก็เป็นเส้นทางที่สวยงามมากอีกเส้นที่หนึ่งเราจะใช้ในตอนเดินกลับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:32:54

ความคิดเห็นที่ 5 เส้นทางการเดินในช่วงแรกนี้เรียกได้ว่าไม่ยากเลย จนทำให้พวกเรารู้สึกตายใจว่าวันนี้คงจะเป็นอีกวันที่ได้เดินอย่างสบายๆ เราใช้เวลาไม่นานนักก็ถึงหมู่บ้าน Dongla ที่ซึ่งเราจะได้แวะพักทานอาหารกัน แต่ก่อนที่เราจะไปถึง เราได้สังเกตุเห็นทะเลสาปน้อยๆ อีกแห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่หลังขุนเขาอันกว้างใหญ่ และไกด์ยังบอกว่า ตรงบริเวณนั้นเองเป็นเส้นทางที่จะข้ามช่องเขา Chola pass ไปยังทะเลสาป Gokyo ที่สวยงามมากอีกจุดหนึ่งในบริเวณนี้ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:34:16

ความคิดเห็นที่ 6 ด้านขวามือของพวกเราตอนนี้จะเป็นเินินเขา สูงพอสมควรแต่ไม่ถึงกับปกคลุมไปด้วยหิมะ กับด้านซ้ายมือจะเ็ป็นที่ราบ ระหว่างหุบเขา มีลำธร แตกเป็นสาย เล็กๆ สลับคดเคี้ยวไปมาอยู่ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:37:03

ความคิดเห็นที่ 7 เราเดืนอยู่้บนไหล่เขา จะเป็นลักษณะเนิน ลูก เตี้ยๆ ขึ้นๆ ลงๆ สลับไปมาแบบนี้ครับ และยอดที่สูงที่สุด ในภาพ น่าจะเป็นยอด Lobuche ที่เป็นชื่อที่ตั้งของหมู่บ้านที่เราจะไปพักแรมคืนนั้นด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 22:41:12 จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:39:09

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อมองหันย้อนกลับไปทางที่เราเดินมาก็เห็น บรรดาเหล่านักท่องเที่ยวที่เดิน ตา่มๆ กันมา แ้ล้วครับ โดยต่างก็มีจุดหมายเดียวกันคือหมู่บ้าน Lobuche ในคืนนี้ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:42:26

ความคิดเห็นที่ 9 ทางเดืนแถวนี้ มีวิว แนวกำแพงภูเขาแบบนี้อยู่เป็นเพื่อน ไปตลอดทางจนสุด ทางเลยครับ ก่อนที่จะต้อง ปีนขึ้นเนินใหญ่ ที่ ผมขอโหวตให้ยากที่สุดรองจาก การปีนขึ้นไปหมู่บ้านนัมเชที่ผ่านมาครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:45:14

ความคิดเห็นที่ 10 บนเนินราบๆ ที่เราเดินอยู่นั้น บางช่วงก็มี ร่องน้ำเล็กๆ ไหลผ่าน ที่ยังเห็นน้ำแข็งยังไม่ละลายเลยครัล จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:46:38

ความคิดเห็นที่ 11 หันหลังกลับและลองมองลงไปเบื้องล่าง ก็จะเห็นหมู่้บ้าน Pheriche ที่มี พื้นที่เกษตรกรรมใหญ่ กินบริเวณ กว้างจนมองได้ชัดจากระยะไกลแบบนี้เลยครับ แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 22:49:01 จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:48:23

ความคิดเห็นที่ 12 อีกภาพจะเป็น เหล่าบรรดา เืทือกเขาูสูงใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลังที่ช่วยเติมความสวยงามให้กับหมู่บ้าน Pheriche แห่งนี้ให้เืิพิ่มมากขึ้นเป็นหวีครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:50:26

ความคิดเห็นที่ 13 และตรงจุดที่เราเห็นทะเลสาป chola สีเขียวเล็กๆ นั้นแทรกตัวอยู่ ก็จะเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางบนเนิน เพื่อเข้าสู่หมู่บ้าน  Dongla ซึ่งเราจะต้องข้ามสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกราดลงมาจากเทือกเขาหิมะทั้งหลายรอบๆ บริเวณนั้น ด้วยสะพานเหล็ก ซึ่งจุดบริเวณนี้ป็นจุดเชื่อมต่อที่เส้นทางเดินด้านล่างจาก หมู่บ้าน Pheriche จะมารวมบรรจบ ณ บริเวณนี้เอง จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:53:23

ความคิดเห็นที่ 14 นี่ยังไงครับ สะพานเหล็กข้ามลำธาร ที่น้ำไหลแรงและเย็นมากๆ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:55:59

ความคิดเห็นที่ 15 ต้องขอใช้เวลารวบรวมสมาธิและพละกำลังสักครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่จะเดินลงเนินไปข้ามสะพานและเดินกลับขึ้นเนินฝั่งตรงกันข้ามขึ้นมาเพื่อไปยังที่พักทานอาหารกลางวันครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:57:21

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อข้ามสะพานกันไปได้แล้ว ก็ต้องเดินขั้นเนิน เปนทางแคบๆ กลับขึ้นไป อีก ในภาพจะเห็นว่านักท่องเที่ยวเริ่มมากขึ้นเรื่องๆ แล้วในเส้นทางนี้เพราะ เป็นทางที่บรรจบของเส้นทางหลายๆ เส้นทา่งที่จะเข้าสู่ Everest base camp ครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:59:29

ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อมองย้อนกลับไป ทางที่เราเดินมา จะเป็น เส้นทางเท้าเล็กๆ ในภาพ เปนหลายๆ เส้น เส้นบน จะเป็นเส้นที่เราเดินมาจากหมู่บ้าน Dingbuche ส่วนเส้นล่างจะเป็นเส้นที่มาจากหมู้บ้่า่น Pheriche เบื้องล่างครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:01:27

ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อเราเดินข้ามผ่านสายน้ำนั้นไป ก็ได้พักทานอาหารเช้าบวกกลางวัน ที่ จุดที่ผมคิดว่าเป็นร้านอาหารที่วิวดีที่สุดแห่งหนึ่งที่ผมได้เคยไปมาในชีวิตเลย เราใช้เวลาไม่นานนักในการแวะพักทานอาหาร เพราะ ยังมีเส้นทางอีกยาวไกลเบื้องหน้าที่เราต้องเดินไปต่อ จากจุดแวะพักนี้เราต้องเดินขึ้นเนินสูงชันไปอีกราวชั่วโมงอย่างยากลำบาก เพราะเป็นเนินที่สูงชันมาก และเป็นระยะทางที่ไกลพอดู กอรปกับระดับความสูงที่เพิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ผมแทบหมดเรี่ยวแรงเลย แต่มาถึงจุดนี้แล้วคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะไปไปต่อให้ถึง จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:02:16

ความคิดเห็นที่ 19 ตรงจุดแถวนี้เอง ที่ต้องหยุดนั่งพักระหว่างทาง บ่อย มากๆ แทบจะเรียกได้ว่้าเดินสิบก้าว นั่งพีกทีนึงเลยทีเดียว ในภาพเป็นวิวที่มองย้อนกลับทางเดืมที่เราเดินขึ้นมาครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:09:42

ความคิดเห็นที่ 20 ผ่านพ้นจากเนิน ที่ผมเรียกส่วนตัวว่า Hilary Step (ชื่อของเนินสุดท้ายก่อนที่นักพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสจะขึ้นไปบน submit ได้) นั้นไปได้ก็จะเป็นที่ราบอีกระดับหนึ่งที่มี สถูปน้อยใหญ่ที่สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ผู้เสียชีวิตที่พยายามจะพิชิตเทือกเขาสูงทั้งหลายในบริเวณนี้ และสถูปที่เป็นที่โด่งดังที่สุดก็คือของสองนักปีนเขาผู้พิชิตยอดเขา Everest ได้เป็นครั้งแรก  คือ เซอร์ เอดมันด์ ฮิลลารี (อังกฤษ: Edmund Hillary) นักสำรวจและนักปีนเขาชาวนิวซีแลนด์ และ อีกคนหนึ่งคือ เทียนซิง นอร์เก ชาวเชอร์ปา ซึ่งเป็นคู่ปีนสองคนแรกของโลกที่สามารถขึ้นถึงยอดของยอดเขาเอเวอเรสต์ได้  เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2496 ประมาณเวลา 11:30 น. ณ เวลาท้องถิ่น และชื่อของเซอร์เอดมันด์ ฮิลลารี ถูกนำมาตั้งชื่อหน้าผาสูง 40 ฟุต ที่ระดับความสูง 28,840 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ทางสันเขาด้านตะวันออกเฉียงใต้ของยอดเขาเอเวอเรสต์ ว่า ฮิลลารีสเตป (Hillary step) ซึ่งเป็นจุดที่ยากที่สุดของการปีนเขาช่วงสุดท้ายก่อนขึ้นถึงยอดเขา และผมก็เลยขอยกให้เนินตรงบริเวณที่ว่าเป็น ฮิลลารีสเตป สำหรับคนธรรมดาๆ อย่างผม อิอิ แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 23:11:43 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 23:11:20 จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:10:38

ความคิดเห็นที่ 21 ผ่านพ้นจากเนิน ที่ผมเรียกส่วนตัวว่า Hilary Step (ชื่อของเนินสุดท้ายก่อนที่นักพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสจะขึ้นไปบน submit ได้) นั้นไปได้ก็จะเป็นที่ราบอีกระดับหนึ่งที่มี สถูปน้อยใหญ่ที่สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ผู้เสียชีวิตที่พยายามจะพิชิตเทือกเขาสูงทั้งหลายในบริเวณนี้ และสถูปที่เป็นที่โด่งดังที่สุดก็คือของสองนักปีนเขาผู้พิชิตยอดเขา Everest ได้เป็นครั้งแรก  คือ เซอร์ เอดมันด์ ฮิลลารี (อังกฤษ: Edmund Hillary) นักสำรวจและนักปีนเขาชาวนิวซีแลนด์ และ อีกคนหนึ่งคือ เทียนซิง นอร์เก ชาวเชอร์ปา ซึ่งเป็นคู่ปีนสองคนแรกของโลกที่สามารถขึ้นถึงยอดของยอดเขาเอเวอเรสต์ได้  เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2496 ประมาณเวลา 11:30 น. ณ เวลาท้องถิ่น และชื่อของเซอร์เอดมันด์ ฮิลลารี ถูกนำมาตั้งชื่อหน้าผาสูง 40 ฟุต ที่ระดับความสูง 28,840 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ทางสันเขาด้านตะวันออกเฉียงใต้ของยอดเขาเอเวอเรสต์ ว่า ฮิลลารีสเตป (Hillary step) ซึ่งเป็นจุดที่ยากที่สุดของการปีนเขาช่วงสุดท้ายก่อนขึ้นถึงยอดเขา และผมก็เลยขอยกให้เนินตรงบริเวณที่ว่าเป็น ฮิลลารีสเตป สำหรับคนธรรมดาๆ อย่างผม อิอิ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:11:56

ความคิดเห็นที่ 22 และตรงจุดนั้นเองก็เป็นจุดที่วิวดีมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง สมกับเป็นสถานที่ๆ เหล่าบรรดานักปีนเขาที่ชื่นชอบการผจญภัยจะได้ใช้เป็นที่พักผ่อนเป็นชั่วนิจนิรันดร ท่ามกลางขุนเขาใหญ่โตที่พวกเขาหลงไหล จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:12:32

ความคิดเห็นที่ 23 ขุนเขาสูงใหญ่ที่รายล้อมบริเวณนั้นครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:13:20

ความคิดเห็นที่ 24 ลูกหาบชาวเชอร์ปา ครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:14:23

ความคิดเห็นที่ 25 จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปยังเส้นทางราบ สลับกับเนิน เตี้ยๆ ลัดเลาะลำธารเล็กๆ ไปตลอดทาง จนถึงหมู่บ้าน Locuhce ที่ระดับความสูง 4930 เมตร ในเวลาบ่ายสองโมงเศษๆ ที่นี้เองเป็นจุดที่เราต้องเจอกับปัญหาเรื่องสถานที่พัก เพราะ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีที่พักไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวทุก สารทิศที่มีจุดหมายเดียวกันคือ EBC จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:15:31

ความคิดเห็นที่ 26 เขาสูงเสียดฟ้าที่ปรากฎอยู่ต่อหน้าเราขณะนั้นไล่จากทางซ้ายไปทางขวาจะได้แก่ ยอด Pumori 7138m. Lingtren 6713 m. Khumbutse 6639 m. และยอดเขาเหล่านี้ยังเป็นพรมแดนทางธรรมชาติระหว่างเนปาลและธิเบตอีกด้วยครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:16:56

ความคิดเห็นที่ 27 โดยในวันนี้เราต้องจ่ายค่าห้องถึง 1000 รูปีเพื่อแลกกับการได้มีห้องไว้ซุกกายนอน ซึ่งถือว่าจำเป็นมาก เพราะการหลับพักผ่อนที่ดีจะทำให้ร่างกายเรา ฟื้นคืนกลับมาได้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเราก็คงต้องนอนในห้องพักรวม หรือแม้แต่อาศัยห้องอาหารของ Guest House เหล่านั้นเป็นที่นอนชั่วคราว ซึ่งจะทำให้นอนได้ไม่ดี และอ่อนเพลียในวันรุ่งขึ้น อย่างที่เคยเล่าให้ฟังตลอดว่า กิจกรรมของพวกเราเมื่อเข้าถึงที่พักก็ไม่มีอะไรมาก เรียกได้ว่ารอเวลาให้ ฟ้ามืดเพื่อเข้านอน ที่นี่เองเรายังสามารถต้มน้ำไว้ดื่มได้ และราคาน้ำดื่มเป็นขวดที่นี่ ก็แพงแสนแพง ถึงขวดละ 300 รูปี ที่พักที่หมู่บ้านนี้ มีทั้งที่สะดวกสบายที่ส่วนมากมัก ถูกจับจองไว้โดยบริษัททัวร์ใหญ่ๆ ส่วนที่อื่นๆ ทั่วๆ ไปก็จะมีลักษณะเป็นเหมือนแคมป์ค่ายผู้อพยบ มากกว่า โดยมี ไม้กระดานกั้น เป็นห้องๆ มีหลังคา สังกะสี คลุมอย่างลวกๆ ซึ่งแม้แต่เสียงหายใจของเพื่อนข้างๆ ข้องในยามดึกมืดสนิทก็อาจจะ ได้ยินได้อย่างไม่ยาก ส่วนเรื่องห้องน้ำห้องท่าไม่ต้องพูดถึง เพราะ ใช้การตักน้ำ มาจากลำธาร เป็นส่วนใหญ่เนื่องจากความสูงและหนาวทำให้น้ำ จะกลายเป็นน้ำแข็งได้เลยที่เดียวในยามเช้า ดังนั้นก๊อกน้ำ ต่างๆ จึงไม่มีประโยชณ์ที่จะมีไว้ และอีกเช่นเคยผมต้องออกไปอาศัยลำธารสายเล็กๆ ที่เขาไปตักน้ำมาใช้กัน ล้างหน้าและแปลงฟัน ซึ่งน้ำเย็นจัดมากๆ ราวกับเพิ่งจะลาลายออกจากก้อนน้ำแข็ง ล้างสบู่ยังไม่ทันหมดคราบก็ทนไม่ไหว เพราะแสบมือไปหมด เนื่องจากคนก็มาก ที่พักก็น้อย แน่นอนที่สุด อาหารก็จะต้องแย่งกันซื้อหาและรอคอยอย่างยาวนาน ซึ่งในขณะที่เราได้รอคอยอาหารเย็นของพวกเรานั้นก็ได้ออกมาเดินชมวิว ตอนเย็นๆ ที่แสงแดด สาดส่องยอดเขารายล้อม สลับกับหมอกที่เริ่มลอยเข้ามาปกคลุมอย่างต่อเนื่อง จนถึงเวลาที่เราได้อาหารเย็น เราก็เข้าไปนั่งทานกัน ซี่งเมื่อเราได้กินอาหารเย็นเสร็จแล้วก็รีบเข้านอนกันแต่หัวค่ำ ด้วยความเหนื่อยล้า และความหนาวเหน็บที่เพิ่มเป็นทวีคูณจากวันก่อนๆ อีกเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมงแล้วเราก็จะถึงจุดหมาย Everest Base Camp กันแล้ว วันที่พวกเรารอคอยนั้นกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ขอเชิญร่วมเดินทางต่อไปถึง ตีนเขา Everest กับพวกเราได้ในวันพรุ่งนี้ครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:18:05

ความคิดเห็นที่ 28 เช้าวันรุ่งขึ้นถัด เป็นวันที่เราจะเดินเข้าสู่เส้นทางช่วงสุดท้ายไปสู่หมู่บ้านสุดท้ายปลายทางของทริปนี้ นั่นก็คือหมู่บ้าน Gorak Shep ที่ตั้งอยู่ ณ ระดับความสูง ที่ 5364 เมตร เหนื่อระดับน้ำทะเลนั่นเอง ที่พักแรมที่สูงที่สุดของเราในทริปนี้ครับ และจากหมู่บ้าน Gorak Shep นี้ ที่เราจะพักแรมและใช้เป็นฐานที่ตั้งเพื่อทำการสำรวจเส้นทางต่างๆ ในบริเวณรอบๆ อีกเพียงไม่ถึง 4 ชั่วโมงเราก็จะไปถึงเส้นชัย ถึงจุดหมาย Everest Base Camp กันแล้ว ซึ่งในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้หลังอาหารเที่ยงเราก็จะเดินต่อไปยัง Everest Base Camp ที่หมายก่อนสุดท้ายของการเดินทางครั้งนี้กันครับ สิ่งที่พวกผมรอคอยนั้นกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ความฝันกำลังจะกลายเป็นจริงในชั่วไม่กี่อึดใจ ขอเชิญร่วมเดินทางตามผมเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านสุดท้ายไปพร้อมๆ กัน ได้เลยครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:20:55

ความคิดเห็นที่ 29 สวยมากๆ ยังกับดูแม็กกาซีน จากคุณ : boy next door เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:21:32

ความคิดเห็นที่ 30 เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเรารีบตื่นแต่เช้าเช่นเคยและออกเดินทางตั้งแต่ 7 โมง เพราะวันนี้จะเป็นวันที่เรามีโปรแกรมยาวเหยีดและคงต้องเดินตั้งแต่เช้าจรดช่วงเย็นกันเลย ทีเดียว กล่างคือต้องเดินไปที่หมู่บ้าน หมู่บ้าน Gorak Shep ในช่วงครึ่งเช้า และพักรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนที่จะ เดินต่อไปยัง จุดหมายปลายทางของทริปนี้ของเรา Everest Base Camp ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั้นเลย ซึ่งตอนแรกผมเองก็ไม่ได้หวาดหวั่นกับระยะทางหรือเส้นทางในวันนี้เท่าใด เพราะเดินมาหลายวัน ผ่านทั้งเนินทั้งที่ราบ น้อยใหญ่มาตลอด เลยไม่ได้คิดว่า การเดินทั้งเช้าและบ่าย อย่างวันนี้จะเป็นอุปสรรคที่เกินกว่าที่คาดไว้ แต่เดี๋ยวรอติดตามกันต่อนะครับ ว่าตอนบ่ายผมจะเป็นยังไงบ้าง จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:22:11

ความคิดเห็นที่ 31 เส้นทางในวันนี้ช่วงเช้าจะคล้ายๆ กับเมื่อวาน กลางคือ เป็นทางราบหรือลาดขึ้นเนินไม่สูงชัน เสียส่วนใหญ่ที่จะมีเนินบางเนินที่เรียกได้ว่าปราบเซียนมา คอยย้ำเตือนให้เรารู้ซึ้งถึงยากลำบากกันบ้าง เราออกเดินทางตั้งแต่แสงอาทิตย์ยังไม่สาดส่องลงสู่พื้นราบได้ดี เลยทำให้บรรยากาศความหนาวเย็นยังคงปกคลุมไปทั่วทั่งบริเวณ แม้กระทั่งพื้นที่เราย่ำเดินไปในตอนนั้นยังมีเกล็ดน้ำแข็งหรือเรียกว่า แม่คะนิ้งปกคลุมอยู่จนเกือบขาวไปทั่ว จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:22:45

ความคิดเห็นที่ 32 เส้นทางในช่วงเริ่มต้นตั้งแต่ออกจากหมู่บ้าน Lobuche นั้นจะเป็นลักษณะทางเดินที่ขนาบไปด้วย Moraine Glacier ที่เป็นแนวดินหรือหินที่เป็นเหมือนสันเขื่อน ซึ่งเกิดจากการพัดพามารวมกันที่จุดปลายสุดของการไหล ในที่นี้คือสันกั้นธารน้ำแข็ง ที่เกิดจากการไหลของธารน้ำแข็ง Khumbu ที่ไหลมาจากบริเวณเชิงยอดเขาเอเวอร์เรสนั่นเอง จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:24:00

ความคิดเห็นที่ 33 และจากบริเวณสถานนีตรวจวัดอากาศนี้เอง ที่เส้นทางจะค่อยๆ ขยายตัวออกเรื่อยๆ จนนำเราไปสู่ที่ราบที่กว้างใหญ่ ที่เบื้องหน้ามีกำแพงภูเขาหิมะกั้นขวางอยู่และ กำแพงเหล่านั้นเองก็คือพรมแดนทางธรรมชาติระหว่างเนปาลและธิเบต ซึ่งยอดเขาสูงเสียดฟ้าที่ปรากฎอยู่ต่อหน้าเราขณะนั้นไล่จากทางซ้ายไปทางขวาจะได้แก่ ยอด Pumori 7138m. Lingtren 6713 m. Khumbutse 6639 m. จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:25:40

ความคิดเห็นที่ 34 และในขณะที่ถ้าเรามองหันหลังย้อนกลับไปทางที่ผ่านมา จะเป็น ยอด Cholatse และ Taboche ตั้งเป็นแนวกำแพงทางด้านทิศใต้อย่างน่าเกรงขามเช่นกัน จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:26:51

ความคิดเห็นที่ 35 เหล่าบรรดานักเดืนทางที่เดินตามๆ กันมาไม่ขาดสาย จำทำเอาเราเริ่มกังวลใจว่าจะมีที่พักมากมายมหาศาลให้สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งหมดนี้ไหม จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:28:32

ความคิดเห็นที่ 36 เดินในที่ราบกว้างๆ ไปสัก ชั่วโมงเห็นจะได้เราก็เจอ แนวกำแพงสูงชั้นที่เหมือนจะกั้นไม่ยอมให้เราเดินผ่านต่อไปได้ มีเพียงหนทางเดียวที่จะไปต่อได้คือการเดินขึ้นเนินนั้นไป ซึ่งเนินนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเนินเมื่อวานที่เดิน ถือได้ว่าระยะทางไม่ยาวกว่า แต่สิ่งที่โหดร้ายกว่าคือความสูงชันของเนินที่ทำให้เราต้องค่อยๆ ค่อยๆ จริงๆ นะครับ ย่างก้าว ขึ้นไป วกไปวน มา อยู่หลายตลบกว่าจะ ขึ้นไปยืนบนสันเนินอีกทีได้ และที่เห็นยอด สูงๆขาวโพลนอยู่หลังเนินนั้นไป ก็คือ ยอด Pumori  หรือที่มีความหมายในภาษาเชอร์ปาว่า Unmarried Daughter หรือ น้องสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานนั่นเอง ความหมายดีจริงๆ ครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:29:34

ความคิดเห็นที่ 37 ก่อนจะเดินขึ้นเนินนี้ไปขอรวบรวมสติ สมาธิอีกสักหน ตรงบริเวณนั้นยังเป็นที่ตั้งของ อนุสรณ์สถานสำหรับนักปีนเขาต่างๆที่จบชีวิตลงที่ภูเขาที่เขารัก เช่้นเดิมครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:31:46

ความคิดเห็นที่ 38 อีกนิดเดียวก็จะข้ามเนินนี้ไปได้แล้วครับ มียอดเขา Pumeri ออกมาคอยต้อนรับอยู่เลย จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:33:30

ความคิดเห็นที่ 39 ซึ่งเมื่อเราเดินขึ้นไปอยู่บนสันเขาหรือเนินนั้นได้ ก็ราวกับได้ขึ้นสวรรค์เลยทีเดียวเพราะวิวตรงนั้นเรียกได้ว่า เราสามารถมองเห็นเทือกเขาสูงใหญ่ที่ห้อมล้อมตัวเราอยู่ได้เป็น มุม 360 องศาเลยทีเดียวและที่สำคัญ ยอดเขา Nuptse ที่โดดเด่นมากๆ ก็เริ่มปรากฎให้เห็นเป็นรูปร่างชัดเจนทั้งหมดจาก จุดตั้งแต่นี้ไปเลยครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:35:01

ความคิดเห็นที่ 40 เดินเลยต่อไปอีกไม่ไกลก็จะเห็นวิวชัดขึ้นครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:36:40

ความคิดเห็นที่ 41 จากตรงนั้นไป เส้นทางเดินดูแปลกตาขึ้นเรื่อยๆ เพราะด้านซ้ายมือของเรา จะเป็นเนินเขาสูง ส่วนด้านขวาจะเป็นคล้ายๆ กับธารน้ำแข็ง อันยาวเหยีด ที่ต่อยอดออกมาจาก Khumbu Glacier ที่เชิงเขาเอเวอร์เรสนั้นเอง ซึ่งในเดือนตุลาคมที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวมาไม่เท่าไหร น้ำแข็งหรือหิมะจึงยังไม่ได้ปกคลุมธารน้ำแข็งเหล่านั้นมากนัก จึงเห็นเป็นลักษณะ ก้อนหินเป็นหลุมเป็นบ่อ หรือบ้างก็มีน้ำแข็งปกคลุมอยู่บ้าง ดูราวกับไม่ได้อยู่บนโลกเราอย่างไงอย่างนั้นเลยครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:37:24

ความคิดเห็นที่ 42 สวยมากค่ะ ขอตามไปด้วย จากคุณ : Flaminio เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:37:32

ความคิดเห็นที่ 43 เทือกเขาสูงใหญ่เริ่มเผยโฉยให้เห็น อย่างไม่มีอะไรมาบดบังครับ ครับ เพราะเราเข้าใกล้เป้าหมายเข้าไปทุกขณะแล้ว จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:39:20

ความคิดเห็นที่ 44 บางครั้งก็ใกล้มาก จนรู้สึกราวจกับจะเดินขึ้นไปได้โดยไม่ยาก จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:41:37

ความคิดเห็นที่ 45 มองย้อนกลับไปทางที่เราผ่านมาครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:42:56

ความคิดเห็นที่ 46 เหล่าบรรดาผู้ช่วยที่แบกสัมพาระนักเดินทางขึ้นมาจนถึงบรืิเวณนี้ น่ายกย่องมากๆ ครับ แต่ถ้าให้ขอแนะนำ ผมคิดว่าไม่ึควรขนสัมพาระไปมากเกินความจำเป็นเลยครับ เพราะที่นั้นผมเชื่อว่าเราจะไม่ต้องการอะไรเลยจริงๆ นอกจากธรรมชาติล้วนๆ ครับ ขอไปมากก็เป็นความยากลำบากของบรรดาลูกหาบ ซึ่งถึงจะมีการจ่ายค่าจ้างตาม น้ำหนักก็จริง แต่ ผมสงสารพวกเขาที่บางทีต้องแบกของหนักโดยที่ไม่จำเป็นเลยจริงๆ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:45:34

ความคิดเห็นที่ 47 เส้นทางในช่วงนี้ผมขอยกให้เป็นเส้นทางที่สวยแปลกตามากๆ อีกช่วงหนึ่งของทริปเลย ด้วยเหตุผลที่ว่า วิวทิวทัศช่างแปลกตาและสามารถมองเห็นเทือกเขายอดเขาสูงใหญ่ทั่วบริเวณได้อย่างสวยงาม จนผมอดไม่ได้ที่จะหยุดเพื่อบันทึกภาพเป็นระยะ ๆ เลยทำให้เดินไปไม่ได้เร็วมากนัก และมีหลายๆ โค้งหลาย มุมเลยที่ ผมชอบมากๆ จนต้องขอบันทึกภาพคู่ไว้เป็นที่ระลึก ตามความคิดเห็นส่วนตัว ตรงบริเวณนั้นสวยงามมาก ขาดแต่เพียงอย่างเดียวก็คือ ยังไม่สามารถมองเห็นยอดเขาEverest ที่สูงที่สุดในโลกได้ นอกนั้น เรียกได้ว่า เรื่องความงามนั้นไม่เป็นรองเลยทีเดียว จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:47:53

ความคิดเห็นที่ 48 หลุมบ่อเหล่านั้น ผมคาดว่าน่าจะเกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งครับ ดูแล้วน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:49:11

ความคิดเห็นที่ 49 เริ่มเห็น Nuptse ยอดเขาสูงอันดับ 4 ของโลก เด่นตระหว่างแบบไม่มีอะไรมาขวางหูหวางตาอีกต่อไปแล้วครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:50:49

ความคิดเห็นที่ 50 มองย้อนกลับไปทางที่เดินผ่านมาครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:52:48

ความคิดเห็นที่ 51 หลุมบ่อที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำแข็ง ลม และ ธรรมชาติ ครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:53:54

ความคิดเห็นที่ 52 บางหลุมก็ใหญ่มาก จนเป็นสระน้ำเล็กๆ แต่คงไม่มีใครคิดจะลงไปเล่นมั้งครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:54:57

ความคิดเห็นที่ 53 ทั้งสูง ทั้งหนาว ทั้งไกล ขนาดนี้ พวก Yak เหล่านี้ยังมาถึงได้ ครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:56:06

ความคิดเห็นที่ 54 ยอดเขาอะไรผมก็จำชื่อไม่ได้ แต่ทราบว่ามีชื่อเรียกหมดทุกยอด เพราะสูงเกินกว่า 6000 ทั้งนั้นแ้ล้ว บริเวณนี้ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:58:16

ความคิดเห็นที่ 55 เหมือนม่านกำแพงหิมะ ที่ท้าทายเหล่าบรรดานักปีนทั้งหลาย ให้เข้าไปพิชิต แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 53 09:48:28 จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:59:27

ความคิดเห็นที่ 56 เดินไปอย่างช้าๆ จน เริ่มรู้สึกว่าช้าเกินไปแล้ว เพราะเกือบๆ จะเที่ยงแล้วเรายังไม่ไปถึง หมู่บ้าน Gorak shep หมู่บ้านสุดท้ายปลายทางบนเส้นทาง Everest Base Camp trek เลย และช่วงบ่ายเรามีแผนที่จะเดินต่อไปยัง Base Camp ด้วย เลยต้องรีบปั่นเร่งสปีดกันอีกที และในที่สุด เราก็มาถึง ปลายทางที่จะเป็นทางลงเนินไป เพื่อเข้าสู่หมู่บ้าน Gorak shep ที่ตั้งอยู่ระดับความสูงที่ 5170 mจาก ระดับน้ำทะเล นับเป็นสถานที่นอนที่สูงที่สุดในชีวิตผมที่เคยได้ไปนอน จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 00:00:36

ความคิดเห็นที่ 57 และจากนี้ไปก็จะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการเดินทางอันแสนยาวไกล ถ้าเปรียบไปก็เหมือนกับเป็นช่วง 100 เมตรสุดท้ายของนักวิ่งมาราธอนที่ผ่านคืนและวันต่างๆ มากมาย เพื่อที่จะรอคอยให้ถึงวันนี้ วันที่เราจะได้ไปถึง ณ ที่ที่เป็นจุดหมายของการเดินทางในครั้งนี้ Everest Base Camp นั่นเอง ความตื่นเต้นของผมเริ่มเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวี หน้าตา base camp ที่เคยฝันถึงจะเหมือนกับภาพจริงที่กำลังจะได้เห็นนี้หรือไม่ ความใหญ่โตของขุนเขาที่อยู่ใต้เป็นฐานของยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกจะเป็นอย่างไร ทุกๆ ความสงสัยในใจผม ที่รอคอยการพิสูจน์มายาวนานกำลังจะถูกเผยให้เห็นหมดสิ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว ขอเชิญตืิดตามรีวิวตอนสุดท้ายได้ที่นี่ต่อไปครับ จากคุณ : letseetheworld เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 00:02:06

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่รู้จะพูดอะไร...แต่อยากบอกว่า สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!! จากคุณ : ซารุ (saruseiyuu) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 01:45:49

ความคิดเห็นที่ 59 เข้ามากี่ครั้งก็ต้องบอกว่า สวย สุดยอด เหมือนราวกับได้ขึ้นสวรรค์จริงๆครับ อ่านแล้วคงไม่มีปัญญาจะไปเองแน่ๆ ^_^ รอติดตามชม Base Camp ตอนต่อไปนะครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 01:55:01

ความคิดเห็นที่ 60 อยากไปสัมผัสบ้างจังค่ะ ภาพสวยจ๊า จากคุณ : snas89Pink เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 07:43:30

ความคิดเห็นที่ 61 แต่ละรูปสวยงามมากเลยคะ น่าไปตะลุย :) (แหะแหะ แต่ว่าไม่รู้อายุตัวเองจะไหวมั๊ย) จากคุณ : BROWN STITCH เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 08:32:32

ความคิดเห็นที่ 62 เห็นแล้วอยากลองไปดูบ้างค่ะ แต่ท่าทางจะหนาวทีเดียว ป.ล. จะถ่ายรูปสวยไปไหน จากคุณ : Oboe Concerto in C Major เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 08:44:02

ความคิดเห็นที่ 63 จขกท. สุดยอดเลยค่ะ เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมาก จากคุณ : ottelia เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 08:59:02

ความคิดเห็นที่ 64 สุดยอดครับ  สวยมากกกกกกก  ขอบคุณครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 09:52:45

ความคิดเห็นที่ 65 นับถือเลยค่ะ ไหนจะต้องเดิน เดิน เดิน แล้วก็ปีน ปีน ปีน ยังหามุมถ่ายรูปสวยๆมาฝากพวกเราอีก ขอบคุณจริงๆค่ะ จากคุณ : ดินเหนือฟ้า เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 09:58:30

ความคิดเห็นที่ 66 เยี่ยม................................... จากคุณ : @ดอกไม้ไหว@ เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 10:04:11

ความคิดเห็นที่ 67 สุดยอดเลยค่ะ ทั้งทริปและจขกท ขนาดเดินแบบโหด ๆ ยังถ่ายรูปได้สวยสุดใจ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 10:31:54

ความคิดเห็นที่ 68 ทริปนี้ยิ่งตามอ่านตามเที่ยว ยิ่งตื่นตาตื่นใจครับ จากคุณ : LIFE AFTER DEATH เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 10:58:26

ความคิดเห็นที่ 69 แค่นั่งอ่านก็ตื่นเต้นแล้วค่ะ   ถ้าได้ไปเห็นด้วยตาจะขนาดไหนเนี้ย จากคุณ : มอแมว เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 11:26:38

ความคิดเห็นที่ 70 โอ้ ใกล้ชิดกะท้องฟ้ามาก ๆ เลยค่ะ  สวยจัง ^^ จากคุณ : @}-- เยอบีร่า -- เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 14:20:31

ความคิดเห็นที่ 71 ทิ้งท้ายไว้เหมือนกำลังดูหนังทริลเลอร์เลยค่ะ ตื่นเต้น ลุ้นระทึกดีจัง จะตามดูว่าภารกิจ.. Mission Impossible..ครั้งนี้ตอนจบจะออกแนวไหน^^ จากคุณ : แม่หญิงพิมาลา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 14:22:52

ความคิดเห็นที่ 72 ตามมาเที่ยวด้วยคนนะคะ ยอดเขาเหมือนม่านกำแพงหิมะจริงๆเลยค่ะ รูปสวยเห็นแล้วตะลึง  เรียกว่า สุดยอดของจริง เดินไกลทั้งหนาวทั้งสูง จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 14:55:08

ความคิดเห็นที่ 73 เห็นแล้ว อยากไปแต่กลัวสภาพร่างกายจะไม่อำนวยครับ จากคุณ : at_thajak เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 15:23:53

ความคิดเห็นที่ 74 สวยมากครับ สวยทุกรูป ฟ้ใสแจ๋วเลย เยี่ยมๆๆๆๆ จากคุณ : vecchio เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 19:05:30

ความคิดเห็นที่ 75 ยอดเยี่ยมมากครับ จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 21:16:07

ความคิดเห็นที่ 76 ต้องยกนิ้วให้ครับ ผมว่า..คงมีคนไทยไปถึง Everest Base Camp ที่พอจะนับหัวได้.. จากคุณ : Lonely Gypsy เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 22:59:51

ความคิดเห็นที่ 77 ไม่รู้ชาตินี้จะได้มีโอกาสไปเดินหิมาลัยแบบนี้หรือเปล่า ฝันมานานและฝันต่อไป 5555  ว่าแต่ถ้าเอาจริง สังขารจะไหวหรือเปล่านิ จากคุณ : ray daddy เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 12:51:50

ความคิดเห็นที่ 78 ตามอ่านทีเดียว 3 ตอนรวด จขกท สุดยอดจริงๆครับ รอชม EBC ต่อนะครับ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 01:59:19

ความคิดเห็นที่ 79 แวะมาชมต่อครับ เป็นทริปที่สุดยอดจริงๆ อยากไปบ้างครับ แต่คงไม่ไหวแน่นอน ภาพสวยมากๆ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ กิ๊ฟเดือนนี้หมดแล้ว ผมให้ แทนนะครับ จากคุณ : กัปตันลูกชุบ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 10:42:47

ความคิดเห็นที่ 80 ยอดเยี่ยมมากๆๆ เป็นรีวิวที่ดีที่สุดเท่าที่ได้ดูมาเลยค่ะ ขอบคุณมากเลยนะค่ะ จากคุณ : haniemania เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 16:47:59

ความคิดเห็นที่ 81 เมื่อไหร่ตอน 4 มาค่ะ จากคุณ : ฮันนี่ (haniemania) เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 08:43:03

ความคิดเห็นที่ 82 มาหรือยังครับ รอดู จากคุณ : ฮาน (haniemania) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 09:01:59

ความคิดเห็นที่ 83 คุณสุดยอดมากๆเลยค่ะ รอตอนสี่อยู่นะคะ T_T จากคุณ : chalotty เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 00:46:26