 |
(บทความ) 10 แนวโน้มพฤติกรรมด้านการสื่อสารของผู้บริโภคปี ค.ศ. 2013 // ระบบบริการคลาวด์ มาแรง
|
|
ประเด็นหลัก
1. ความสำเร็จของบริการคลาวด์ (cloud) ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนไป มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้แท็บเล็ต และมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ในประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสวีเดน ต่างพึงพอใจในการใช้บริการคลาวด์ เพื่อให้สามารถใช้แอพตัวเดียวกันและแชร์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ บนอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งเครื่อง อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย
2. อุปกรณ์สื่อสารเพื่อความรวดเร็วทันใจ จากคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปที่ใช้ไฟล์และโฟลเดอร์ สู่อุปกรณ์พกพาที่ใช้ผ่านแอพและบริการคลาวด์ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากการทำงานบนโต๊ะ สู่การใช้อุปกรณ์สื่อสารยุคใหม่ที่สามารถพกพาได้สะดวก งานหลายอย่างสามารถทำได้ในช่วงเวลาอันสั้น ขณะเข้าแถวซื้อสินค้า หรือขณะที่คุยกับใครสักคนในร้านกาแฟ โดยผู้บริโภคในหลายประเทศต้องการซื้อแท็บเล็ตมากกว่าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป และต้องการซื้อสมาร์ทโฟนมากกว่าแล็ปท็อป อีกด้วย
3. นำอุปกรณ์บรอดแบนด์ส่วนตัวมาทำงาน ผู้ใช้สมาร์ทโฟนประมาณ 57 เปอร์เซ็นต์ จะใช้สมาร์ทโฟนส่วนตัวในที่ทำงานด้วย โดยนิยมใช้เพื่อช่วยทำงาน รับส่งอีเมล วางแผนการเดินทางในธุรกิจ หาข้อมูลที่อยู่ต่าง ๆ และอีกหลากหลายประโยชน์ใช้สอย
______________________________
10 แนวโน้มพฤติกรรมด้านการสื่อสารของผู้บริโภคปี ค.ศ. 2013
เป็นรายงานของอิริคสัน คอนซูเมอร์แล็บ ซึ่งระบุว่า ปี ค.ศ. 2012 กำลังจะจบลง โดยอิริคสัน คอนซูเมอร์ แล็บ (Ericsson ConsumerLab) ได้พยายามค้นหาแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่โดดเด่นที่สุดสำหรับปี ค.ศ. 2013 ที่กำลังจะมาถึง
นายไมเคิล บียอร์น หัวหน้าฝ่ายวิจัยของอิริคสัน คอนซูเมอร์ แล็บ กล่าวว่า ข้อมูลการศึกษาวิจัยทั่วโลกมาจากการสัมภาษณ์ผู้คนมากกว่า 100,000 คนในแต่ละปี ในจำนวนกว่า 40 ประเทศ ซึ่งอยู่ในมหานครขนาดใหญ่กว่า 15 แห่ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้สะสมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคจำนวนมหาศาล ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นี่คือแนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เห็นเด่นชัดที่สุด:
1. ความสำเร็จของบริการคลาวด์ (cloud) ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนไป มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้แท็บเล็ต และมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ในประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสวีเดน ต่างพึงพอใจในการใช้บริการคลาวด์ เพื่อให้สามารถใช้แอพตัวเดียวกันและแชร์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ บนอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งเครื่อง อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย
2. อุปกรณ์สื่อสารเพื่อความรวดเร็วทันใจ จากคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปที่ใช้ไฟล์และโฟลเดอร์ สู่อุปกรณ์พกพาที่ใช้ผ่านแอพและบริการคลาวด์ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากการทำงานบนโต๊ะ สู่การใช้อุปกรณ์สื่อสารยุคใหม่ที่สามารถพกพาได้สะดวก งานหลายอย่างสามารถทำได้ในช่วงเวลาอันสั้น ขณะเข้าแถวซื้อสินค้า หรือขณะที่คุยกับใครสักคนในร้านกาแฟ โดยผู้บริโภคในหลายประเทศต้องการซื้อแท็บเล็ตมากกว่าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป และต้องการซื้อสมาร์ทโฟนมากกว่าแล็ปท็อป อีกด้วย
3. นำอุปกรณ์บรอดแบนด์ส่วนตัวมาทำงาน ผู้ใช้สมาร์ทโฟนประมาณ 57 เปอร์เซ็นต์ จะใช้สมาร์ทโฟนส่วนตัวในที่ทำงานด้วย โดยนิยมใช้เพื่อช่วยทำงาน รับส่งอีเมล วางแผนการเดินทางในธุรกิจ หาข้อมูลที่อยู่ต่าง ๆ และอีกหลากหลายประโยชน์ใช้สอย
4. ผู้คนในเมืองใหญ่นิยมใช้อินเทอร์เน็ตทุกที่ทุกเวลา ด้วยความต้องการของผู้บริโภคที่จะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ในทุกที่ทุกเวลา ได้ผลักดันให้เกิดการเติบโตของตลาดอินเทอร์เน็ตบนมือถืออย่างแท้จริง โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนมากถึง 3,300 ล้านคนภายในปี ค.ศ. 2018 และชีวิตในเมืองจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์มือถือคุณภาพดี ที่ครอบคลุมทั่วถึง
5. มีการนำเครื่องมือออนไลน์มาใช้ประโยชน์ในหลายภาคส่วน เนื่องจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากเริ่มขาดความมั่นใจต่อองค์กรภาครัฐ และเอกชนบนโครงสร้างแบบดั้งเดิม จึงหันมาใช้เครื่องมือออนไลน์กันอย่างกว้างขวางเพื่อจุดประสงค์บางอย่างและเพื่อใช้เป็นที่พึ่งในยามฉุกเฉิน เช่น การรวมกลุ่มออนไลน์เพื่อสร้างสหกรณ์ออมทรัพย์แทนระบบธนาคาร การรวมกลุ่มของนักเรียนเพื่อช่วยกันทำการบ้าน การใช้สังคมออนไลน์แบบ Linked-in เพื่อช่วยในการหางานแทนบริษัทจัดหางานแบบดั้งเดิม เป็นต้น
6. กลุ่มผู้หญิงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดสมาร์ทโฟนจากการศึกษาพบว่า กลุ่มผู้หญิงเป็นแรงผลักดันสำคัญในการทำให้เกิดการยอมรับสมาร์ทโฟนอย่างกว้างขวาง โดยมากกว่า 97 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพศหญิงใช้เอสเอ็มเอส 77 เปอร์เซ็นต์ใช้รับส่งรูปภาพ 59 เปอร์เซ็นต์ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก 24 เปอร์เซ็นต์ใช้เช็กอินเพื่อแสดงสถานที่ที่ตนเองอยู่ และ 17 เปอร์เซ็นต์ใช้ค้นหาคูปองต่าง ๆ เป็นต้น ในขณะที่ตัวเลขเหล่านี้สำหรับผู้ใช้เพศชายมีค่าน้อยกว่า
7. ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อสร้างไอเดียใหม่ ๆ ในสังคมเมือง ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ มักมีจำนวนเพื่อนบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก มากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณชานเมืองมาก โดย 12 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่อยู่ในเมืองกล่าวว่า เหตุผลหลักที่พวกเขาใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ก็เพื่อติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น ซึ่งถือเป็นเหตุผลในการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสาม รองจากการใช้เพื่อติดตามเรื่องราวของกลุ่มเพื่อน และการใช้เพื่ออัพเดทข้อมูลของตนเองสู่พวกเขา
8. ประสบการณ์ชอปปิงแบบผสมผสานที่เรียกว่า In-line shopping ผู้ใช้สมาร์ทโฟนจำนวน 32 เปอร์เซ็นต์ ใช้สมาร์ทโฟนในการซื้อสินค้าอยู่แล้ว และพวกเขาเริ่มชอปปิงในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า In-line shopping โดยผสมผสานข้อดีของการเลือกซื้อสินค้าในร้าน (in-store shopping) เพื่อมีโอกาสสัมผัสกับของจริง กับมีการใช้เครื่องมือออนไลน์ (online shopping) เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม เปรียบเทียบราคา รวมทั้งใช้ซื้อสินค้าเพื่อลดเวลาในการเข้าคิวรอจ่ายเงิน เป็นต้น
9. ทีวีบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ผู้ชมราว 62 เปอร์เซ็นต์ ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในขณะที่ดูวิดีโอและทีวี โดย 42 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชมกลุ่มนี้จะคุยกับผู้อื่น ถึงสิ่งที่พวกเขากำลังรับชมอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง โดย 30 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชมกลุ่มนี้ มีความเต็มใจที่จะจ่ายเงินกับ คอนเทนส์ที่พวกเขารับชมผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์กมากกว่า และการรับชมวิดีโอและทีวีบนอุปกรณ์พกพาส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่บ้าน
10. การเรียนรู้บนความเปลี่ยนแปลง ด้วยปัจจัยภายในและภายนอกทำให้การเรียนรู้ในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เด็กหนุ่มสาวในยุคนี้มักนำอุปกรณ์ส่วนตัวของตนเองเข้าไปในห้องเรียนด้วย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งจากองค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อหาเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด การเชื่อมต่อสู่โลกอินเทอร์เน็ต ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำหรับเด็ก ๆ ทั่วโลก ในประเทศอินเดีย มีเด็กอายุ 9-18 ปี จำนวนประมาณ 30 ล้านคน จากทั้งหมด 69 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ มีโทรศัพท์มือถือเป็นของตนเอง.
เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th/technology/174616
จากคุณ |
:
So magawn
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ธ.ค. 55 19:54:59
|
|
|
|  |