ความคิดเห็นที่ 1 อเด็คโก้ เผยปี 2556 ทุนโลกไหลเข้าเอเชีย บวกเปิด AEC ตัวเร่งแรงงานฝีมือย้ายฐาน เชื่ออุตฯยานยนต์ การแพทย์ ท่องเที่ยว เกษตร ไทย ยังได้เปรียบ พร้อมเปิดตัว” คู่มือฐานเงินเดือนประจำปี 2556” และสร้างแอพพลิเคชั่นสำหรับหางานบน Windows Mobile เป็นเจ้าแรกในประเทศ อเด็คโก้ เผยปี 2556 ทุนโลกไหลเข้าเอเชีย ตัวเร่ง ความท้าทายพัฒนาศักยภาพแรงงานไทยหลังเปิด AEC ชี้แรงงานเด่นภาษา ไอที ย้ายฐานผลิตตามบริษัทข้ามชาติ วิกฤติ กับอุตสาหกรรมพึ่งแรงงานไร้ฝีมือมีโอกาสสูญพันธุ์หาก ไม่ปรับตัว เชื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ ,การแพทย์,ท่องเที่ยว, ภาคการผลิตสินค้าเกษตรไทยรุ่ง เหตุปัจจัยเอื้อ จากฐานการผลิตระบบสาธารณูปโภคและองค์ ความรู้แข็งแกร่ง แนะรัฐต้องเร่งเพิ่มขีดความ สามารถการแข่งขันด้านผลิตภาพแก่แรงงาน นางสาวธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ไทย-เวียดนาม กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย จำกัด บริษัทผู้ให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจร จากยุโรป มีสาขาทั่วโลกกว่า 5,500 สาขาใน 60 ประเทศ และในเอเชียกว่า 400 สาขา เปิดเผย ถึงแนวโน้มการจ้างแรงงานในปี 2556 ว่า จากประสบการณ์ ในการให้คำปรึกษาของกลุ่มบริษัทอเด็คโก้มากว่า 20 ปีทำ ให้อเด็คโก้สามารถเข้าถึงข้อมูลองค์กรระดับนานาชาติ ทั่วโลกซึ่งกลายฐานข้อมูลที่เชื่อมต่อ กันด้านทิศทางตลาดแรงงาน การโยกย้ายการลงทุนขององค์กรระดับนานาชาติทั่วโลก รวมถึงภูมิภาคเอเชียและประเทศไทยเอง โดยในปี 2556 นี้ เทรนด์ของการจ้างแรงงาน จะเน้นไปที่แรงงานที่มีทักษะความชำนาญเฉพาะทาง ในขณะที่ภาพรวมของสถานการณ์เศรษฐกิจโลกขณะนี้ ได้หมุนมาที่ภูมิภาคเอเชียมากขึ้น จากสภาพปัญหาปัจจัยลบของยุโรปที่ยัง ไม่ปลอดโปร่งสำหรับนักลงทุน ทำให้เงินลงทุนจะไหล เข้ามาในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น ส่งผลต่อความ ต้องการด้านแรงงานมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ในระดับปฏิบัติการ อีกทั้งจะมีการเคลื่อนย้ายแรงงาน ในระดับผู้บริหารไปสู่ประเทศที่กำลังพัฒนาใหม่ อย่างเช่น เวียดนาม พม่า ลาว อินโดนีเซีย กัมพูชา มากขึ้น ส่วนสถานการณ์ตลาดแรงงานประจำปี 2555 โดยตลาดแรงงานมีความ ต้องการคนทำงานเพิ่มมากขึ้นเกือบทุกสายอาชีพ และคาดว่าตลาดยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปีหน้า สายงานวิศว งานขาย และธุรการ เลขา ครองแชมป์หาคนมากที่สุดในตลาดแรงงาน ส่วนตำแหน่งรองมาจะอยู่ในกลุ่มสายงานบัญชีและไอที ส่วนกลุ่มธุรกิจที่มองหาคนมากที่สุด คือ กลุ่ม Trading กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ กลุ่มยานยนต์ และกลุ่มงานบริการ ฯลฯ ส่วนตำแหน่งที่คนทำงานมองหามากที่สุด คือ การตลาด วิศว และไอที ซึ่งในปี 2555 ที่ผ่านมามี ผู้สมัครงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบทุกสายอาชีพ อาจเห็นได้ว่าตำแหน่งการตลาด เป็นตำแหน่งที่คนทำงานมองหามากที่สุด แต่จำนวนเปิดรับ ยังไม่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มคนทำงาน ทำ ให้เกิดการแข่งขันสูง ในขณะที่สภาพการจ้างงานในประเทศกำลังพัฒนาจะมี ความต้องการแรงงานระดับปฏิบัติการเพิ่มมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันจะเกิดสถานการที่เรียกว่า Talent shortage หรือมีการขาดแคลนแรงงานที่มีขีดความสามารถสูง แรงงานที่มีทักษะ หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่เป็นที่ ต้องการขององค์กรต่างๆ ในระดับบริหารงาน จนทำ ให้เกิดสภาพการจ้างงานที่เรียกว่า candidate driven market กล่าวคือมีตำแหน่งงานเปิดรับสมัครจำนวนมาก ในกลุ่มงานประเภทนี้ ทำให้ผู้กำหนดทิศทางการจ้างงาน ในตลาดแรงงาน คือ กลุ่มแรงงานผู้มีขีดความสามารถสูง (Talent) แทนที่จะเป็นนายจ้าง ส่วนวงจรการเปลี่ยนงานของแรงงานจะสั้นลง ด้วยสภาพของแรงงานในภูมิภาคที่เข้าสู่ generation Y และ Z กล่าวคือจะมีการเปลี่ยนงานสั้นลงเหลือเพียง 2-3 ปี และเปลี่ยนงานถี่ขึ้น ตัวเร่งสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลง ในภูมิภาคนี้อีกตัวหนึ่งก็คือ การเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 จะสนับสนุนให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนและแรงงาน ในส่วนภูมิภาคนี้ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการทำ ให้ภาษีการค้าระหว่างกันเป็นศูนย์ ตลอดจนข้อตกลงเกี่ยว กับการเคลื่อนย้ายงานอย่างเสรี 7 สาขาอาชีพคือ แพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ บัญชี วิศวกร สถาปนิก ช่างสำรวจ ดัง นั้น จะมีผลกระทบในแง่บวกและลบต่อประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละประเทศจะมีการปรับตัว หรือมีการกำหนดกลยุทธ์เชิงนโยบายที่จะรองรับความ ได้เปรียบ หรือปกป้องผลกระทบที่อาจเกิด จากการเปิดตลาดอย่างเสรี สำหรับผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมนั้น ผ.อ.ภูมิภาคเอเชีย ไทย-เวียดนาม จากกลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย กล่าวว่า “อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานไร้ฝีมือเป็นหลัก จะต้องพบกับ ความท้าทายในเรื่องของการจัดหาแรงงาน รวมถึง ความท้าทายของต้นทุนที่สูงขึ้น จากนโยบายการปรับค่าแรงขั้นต่ำ มีการนำแรงงานต่างด้าวมาใช้มากขึ้น หรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต ด้วยการนำเครื่องจักรมาใช้ทดแทน ภาคอุตสาหกรรมมี ความเสี่ยงของการสูญเสียโอกาสความได้เปรียบที่เคยมี และอาจ ต้องย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่มีแรงงานไร้ฝีมือค่าจ้างถูก กว่า เช่น พม่า ลาว จีน และเวียดนาม ซึ่งอุตสาหกรรม ในกลุ่มนี้ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอที่เริ่มมีย้ายฐานไป ยังเวียดนามและจีนบ้างแล้ว หรือ ในอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิคส์ที่ย้ายฐานไปยังอินโดนีเซีย ทำให้เศรษฐกิจจะหมุนไปในประเทศดังกล่าว อีกประเด็นที่น่าเป็นห่วงสำหรับผู้ประกอบการ ในประเทศไทย เป็นเรื่องของประสิทธิผลของแรงงานสวนทาง กับค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมนั้นๆ อยู่ด้วยความยากลำบาก” จากเวบไซด์องค์ความรู้ประชามคมอาเซียนกล่าวว่า เมื่อเทียบประสิทธิผลกับค่าแรงนั้นพบว่า ค่าใช้จ่าย ในการจ้างแรงงานไทย 1 คน สามารถจ้างชาวจีนได้ 3 คน จ้างแรงงานอินโดนีเซียได้ 4 คน เวียดนามและกัมพูชาได้ 5 คน ส่วนพม่าได้ 9 คน ขณะที่ค่าจ้างแรงงานไทยมีความ ใกล้เคียงกับมาเลเซีย แต่ผลิตภาพ ในการทำงานของแรงงานมาเลเซียมากกว่าไทยกว่า 2 เท่าตัว แม้ว่าค่าจ้างแรงงานสิงคโปร์แพงกว่าแรงงานไทยกว่า 2 เท่าตัวแต่ผลิตภาพมากกว่าเราถึง 5 เท่าตัว และเมื่อเทียบ กับแรงงานเวียดนาม แม้ว่าเราจะแพงกว่าเขาถึง 5 เท่า แต่ผลิตภาพของไทยนั้นดีกว่าเพียง 2 เท่า เท่านั้นเอง ส่งผล ถึงเรื่องขีดความสามารถ ในการแข่งขันของแต่ละประเทศอย่างเห็นได้ชัด โดยภาคเอกชนควรมองโอกาสดังกล่าวในภาพรวม เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ไร้พรมแดนในภูมิภาคเอเชีย ที่ จะเปลี่ยนตัวเองจาก Local company เป็น International company มีโอกาสในการส่งออกเพิ่มขึ้น หรือการขยายการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกัน ต้องตระหนักถึงจำนวนคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันที่เพิ่มมากขึ้น ต้องมีการเข้าถึงแหล่งข้อมูล วิเคราะห์ความ ได้เปรียบเสียเปรียบทางการค้า ในมุมมองที่กว้างขึ้นหลากหลายขึ้น ในขณะที่ไทยเองยังมีอุตสาหกรรมที่มีความ ได้เปรียบด้านแรงงานฝีมือที่มีเกณฑ์ค่าจ้าง ไม่สูงมากนักประกอบ กับมีวัตถุดิบทางการเกษตรที่มีศักยภาพ มีที่ตั้งเหมาะสม ในการเป็นศูนย์กลางภูมิภาค มีการคมนาคมขนส่งทั้งทางบก และทางอากาศครอบคลุมและรองรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งมีพัฒนาการทางธุรกิจการค้า และการอุตสาหกรรมที่รุดหน้า เมื่อเทียบกับหลายประเทศ ในอาเซียน โดยเฉพาะเมื่อเทียบ กับประเทศเพื่อนบ้านของไทย เช่น พม่า ลาว และกัมพูชา ส่วนภาครัฐเอง กำลังเร่งยกระดับแรงงานไร้ฝีมือ ให้ เป็นแรงงานฝีมือระดับกลาง (semi skilled) หรือระดับแรงงานฝีมือ (skilled labor) ผ่านการให้ความรู้ การอบรมในหลักสูตรต่างๆ ของโรงเรียนอาชีวะศึกษา ที่มีภาคเอกชนเข้ามาให้ความร่วมมือมากขึ้น เพื่อเสริมขีด ความสามารถด้านบุคลากรของอุตสาหกรรมของตนให้มี ความได้เปรียบมากยิ่งขึ้น “โดยมีอุตสาหกรรมดาวเด่นที่จะมีความ ได้เปรียบเกิดขึ้นหลังเปิด AEC คืออุตสาหกรรมยานยนต์ ตลาดอาเซียนมีแนวโน้มเติบโตอีกสูงมาก ส่วนอุตสาหกรรมบริการทางการแพทย์ ประเทศไทย ยังคงมีศักยภาพสูงมาก ด้วยเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์ และบริการที่ได้รับการยอมรับในภูมิภาคอาเซียน อีก ทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ประเทศไทยเป็นผู้นำ ในตลาดดังกล่าว รวมถึงประเทศไทยยังคง เป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม และเกษตรที่สำคัญหลายรายการของโลก ประกอบ กับรัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ในปี 2558 เราจะ เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผล ให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าและบริการ ที่สำคัญในภูมิภาค” นางสาวธิดารัตน์ กล่าวในที่สุด อเด็คโก้ได้เน้นย้ำความผู้นำเทรนด์ทางด้าน Digital Marketing เตรียมเปิดตัวแอพพลิเคชั่นให้ครอบคลุมทุก Platform ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแอพพลิเคชั่นสำหรับ iPhone BlackBerry Android ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ในปีนี้ ยังได้เปิดตัว Application สำหรับการหางานใน Platform ของ Windows Mobile เป็นเจ้าแรกในประเทศ พร้อมกันนี้ อเด็คโก้ยังได้เปิดตัว “คู่มือฐานเงินเดือน ประจำปี 2555” เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนทำงาน ผู้ที่กำลังมองหางาน หรือองค์กรต่างๆ โดยผู้สนใจ สามารถดาวน์คู่มือฐานเงินเดือนได้ฟรี ผ่านทางเวบไซด์ของบริษัทอเด็คโก้ (www.adecco.co.th) จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 23:10:55

ความคิดเห็นที่ 2 เพลียเรื่องอะไรครับ งง จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 23:26:44

ความคิดเห็นที่ 3 นั่นสิ เพลียอะไรครับ จากคุณ : As you know เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 23:27:49

ความคิดเห็นที่ 4 ระบบปฏิบัติการ Windows Mobile มันสูญพันธุ์ไปตั้งหลายปีแล้ว ยังจะเอามา เป็นประเด็นเชิดชูความสำเร็จได้ยังไง ทำ application ให้ platform ที่ตายไป แล้วเนี่ยนะ โคตรน่าภาคภูมิใจ โคตรจะประสบความสำเร็จเลย คนเขียนข่าวมั่ว ไปเรื่อย จากคุณ : Shinosuke08 เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 23:30:17

ความคิดเห็นที่ 5 คุณภาพแรงงานไทยเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านเราครับ ทั้งเพลียทั้งกลัวตกงาน พึ่งรู้ว่าตัวเองห่วยแตกมาก จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 23:31:57

ความคิดเห็นที่ 6 จากเวบไซด์องค์ความรู้ประชามคมอาเซียนกล่าวว่า เมื่อเทียบประสิทธิผลกับค่าแรงนั้นพบว่า ค่าใช้จ่าย ในการจ้างแรงงานไทย 1 คน สามารถจ้างชาวจีนได้ 3 คน จ้างแรงงานอินโดนีเซียได้ 4 คน เวียดนามและกัมพูชาได้ 5 คน ส่วนพม่าได้ 9 คน ขณะที่ค่าจ้างแรงงานไทยมีความ ใกล้เคียงกับมาเลเซีย แต่ผลิตภาพ ในการทำงานของแรงงานมาเลเซียมากกว่าไทยกว่า 2 เท่าตัว แม้ว่าค่าจ้างแรงงานสิงคโปร์แพงกว่าแรงงานไทยกว่า 2 เท่าตัวแต่ผลิตภาพมากกว่าเราถึง 5 เท่าตัว และเมื่อเทียบ กับแรงงานเวียดนาม แม้ว่าเราจะแพงกว่าเขาถึง 5 เท่า แต่ผลิตภาพของไทยนั้นดีกว่าเพียง 2 เท่า เท่านั้นเอง ส่งผล ถึงเรื่องขีดความสามารถ ในการแข่งขันของแต่ละประเทศอย่างเห็นได้ชัด จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 23:34:40

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่าเราอยู่ตรงกลางนะ อาจจะต้องพยายามมากขึ้นแต่งานน่าจะบ้านเราเยอะเหมือนกัน จากคุณ : kkk (keox) เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 23:36:15

ความคิดเห็นที่ 8 เดาว่า เพลีย เพราะว่ามันยาวมากจนอ่านไม่จบ จากคุณ : เรียกฉันว่า rilakkuma เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:16:31

ความคิดเห็นที่ 9 โธ่ แค่นี้ไม่ยาวหรอกครับ มิน่าละที่เขาลือกันว่าคนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ7บรรทัด  ผมเริ่มจะเชื่อแล้ว จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:30:34

ความคิดเห็นที่ 10 อินโด กับฟิลิปิน ค่อนข้างน่ากลัวครับ กับตลาดแรงงาน จากคุณ : TheHounds เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:38:34

ความคิดเห็นที่ 11 ค่าจ้างแรงงานสิงคโปร์แพงกว่าแรงงานไทยกว่า 2 เท่าตัวแต่ผลิตภาพมากกว่าเราถึง 5 เท่าตัว ของเขา ค่าแรงแพง เขาก็ใช้เครื่องจักรมากกว่า  ระบบอัตโนมัติมากกว่า พอเอาผลผลิตต่อคน มันก็ได้เยอะเป็นธรรมดา ไม่ได้เอาเครื่องจักรมานับด้วยนิ ของเรา ตอนนี้ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ต่อไป ผลผลิตต่อคนของเราก็จะเพิ่มขึ้น จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:39:42

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันค่ะ แต่ค่าแรง 300 บาท เห็นเม้นท์กันว่า ในนิคมให้มากกว่านี้อยู่แล้ว บวกกับ ถ้าไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติก ก็น่าจะเป็นแรงจูงใจให้โรงงานยัอยู่ที่ไทยนะ จากคุณ : nomangmao เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 06:29:29

ความคิดเห็นที่ 13 การเป็นศูนย์กลาง logistic คือ เราจะไม่ผลิตเองแต่จะทำตัวเป็นยี่ปั๊วครับ จากคุณ : rinPCB เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 07:09:58

ความคิดเห็นที่ 14 อ่านจนเพลียเหมือนกัน..ยาวจริง จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 07:54:08

ความคิดเห็นที่ 15 ค่าแรง 300 ถ้าพูดถึงอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ก็คงไม่เป็นปัญหาครับ แต่ถ้าเป็น SMEs ล่ะ เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจอื่นๆ ล่ะ จะเป็นยังไงกันบ้าง ผมมองว่าค่าแรง 300 นี่มันผลักดันให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนจากการพึ่งพาแรงงาน มาเป็นการพึ่งพาเทคโนโลยีและการเพิ่มผลผลิตนะ หากไม่ทำก็เจ๊ง แต่ในอีกมุมมองนึง ค่าแรงแพงก็จูงใจเพื่อนบ้านให้มาทำงานบ้านเรามากขึ้นครับ เราก็จะมีคนเก่งๆ มาให้เลือกมากขึ้นเช่นกัน สรุปว่าเพิ่มค่าแรง ธุรกิจใหญ่ไม่กระเทือน รายย่อยรอขึ้นเชิงตะกอน คนขี้เกียจหรือไร้ความสามารถก็เตรียมเป็นโจรได้เลย เพราะคนเก่งๆ จะไหลเข้ามาบ้านเราเยอะ จากคุณ : sommass เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 09:26:17

ความคิดเห็นที่ 16 สงสัยคงต้องรักษาความได้เปรียบในด้านอื่นๆไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือไม่ก็หาทางเพิ่มศักยภาพขึ้นอีกในจุดแข็งต่างๆ แต่ผมดูแล้วมันเริ่มจะใกล้กันเข้ามาเรื่อยๆ ถ้าประมาทนิดเดียวเขาแซงเราแน่   แต่เรื่องที่อยากเห็นที่สุดคือการปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจัง  เพราะผมเชื่อว่าจะเป็นทางรอดที่ดีและตรงจุดที่สุด   เคยดูในทีวี แปลกใจว่าทำไมที่ภูฏานไม่มีทีวีดู แต่เห็นเด็กๆตัวเล็กๆพูดภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อ แล้วอึ้ง ผมเองเล่นเนททุกวันยังไม่กระดิกเลย กลุ้ม จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 09:33:19

ความคิดเห็นที่ 17 ค่าแรงขั้นต่ำ 300 จะฆ่าแรงงานไทยครับ เพื่อนบ้านจะแห่กันมาและอาจรับไม่ถึง 300 เค้าก็เอาแล้ว เมื่อนั้นคนงานไทยก็จะค่อยๆตกงาน ต้องไปหางานเมืองนอกทำ แต่ภาษาก็ไม่กระดิก ที่พูดนี่หมายถึงงานในโรงงานนะครับ ส่วนงาน ป.ตรี ก็ไม่ต้องพูดถึง สาขาวิศวะ ภาษาอังกฤษ ดีแค่บางมหาลัย ส่วนอีกหลายสถาบันอย่าให้พูดเลยครับ อยากได้เงินเดือนดีๆ แต่ความสามารถ...... ผมหาวิศวะมา 3-4 เดือนละ ยัง ไม่ถูกใจซักคน เด็กสมัยนี้ส่วนใหญ่ แย่ครับ แย่จริงๆ ทัศนคติก็แย่ ความสามารถก็ไม่ถึง ความรับผิดชอบก็ต่ำ อย่าไปเทียบกับ สิงคโปร์ หรือ มาเลย์ ครับ มันคนละชั้น ฟิลิปปินส์ยังหืดจับเล้ย จากคุณ : jobymiki เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 09:38:38

ความคิดเห็นที่ 18 มีเรื่อง ที่จะต้องบอกกล่าว ว่าถ้าหากเมื่อเทียบกับ อินโดแล้ว คงจะไม่น่ากลัวมากนะครับ เพราะคนไทย ไม่มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่แข็งแรง เหมือนที่นี่ เพราะฉะนั้น หากมีคนอินโดทำงานมากๆในบริษัท จะเกิดเรื่องเกี่ยวกับคนมากมายตามไปด้วย มีคนมากแต่ได้งานไม่มากครับ ค่าใช้จ่ายโดยรวมก็จะมากกว่าที่ประเมินเสมอเมื่อเทียบกับคนไทยครับ ส่วนคนที่มีความสามารถเทียบเท่าคนไทย ก็มีค่าแรงไม่ต่างกันครับ แต่หายากหน่อยนะครับ จากคุณ : manusia (Matahari Cool) เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 09:39:42

ความคิดเห็นที่ 19 สงสัยคลองคอดกระ จะได้ขุดก็งานนี้แหละผมว่า จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 09:48:37

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าในมุมมองของสินธร ผมเห็นว่าไม่มีอะไรน่ากังวลหรอกครับ ก็เลือกหุ้นกันได้ตามใจชอบอยู่แล้ว ผมแค่มองในมุมมองของผู้ใช้แรงงานคนหนึ่ง   และที่ต้องทำการบ้านหนักๆอีกคนคือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ขอบคุณทุกๆความเห็นครับ แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 55 10:04:54 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 10:02:00

ความคิดเห็นที่ 21 บางคนไม่อ่าน มันอาจไม่เกี่ยวกับคนไทยอ่านน้อยก็ได้นะครับ คุณ จขกท.อย่าไปนู่นนี่เลย ผมไม่เชื่อคนในห้องสินธร จะอ่านน้อยกว่า7บรรทัดต่อปีหรอกครับ เขาอาจฉลาดมากกว่าในการเลือกเสพข้อมูลก็เป็นได้ แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 55 10:21:53 แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 55 10:19:50 จากคุณ : เหลืองwarbird เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 10:08:08

ความคิดเห็นที่ 22 ลืมคอมเม้นท์เลย ผมอยู่ภาคบริการรักษาพยาบาล แรงงานมีฝีมือบ้านเรา ไม่ด้อยกว่าใครแน่ อาจมีไหลออกด้วยซ้ำ จากคุณ : เหลืองwarbird เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 10:14:09

ความคิดเห็นที่ 23 ผมอยู่ภาคค้าขายหน้าร้าน แรงงานต่างด้าว มันขอมากกว่า300 แต่ยอมจ่ายเพราะทำตามสั่งได้ดีกว่า จากคุณ : orange coral (orange coral) เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 11:00:52

ความคิดเห็นที่ 24 เดาว่า คุณ^8 ก็พูดแค่ขำ ๆ นะ อ่านแล้วยังอมยิ้มเลย เราก็อ่านเฉพาะใจความสำคัญที่จขกท.ลงไว้ที่ ^6 ต้นกระทู้ไม่ได้อ่าน แฮ่ ๆ.... จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 11:41:48

ความคิดเห็นที่ 25 ในแง่ GDP ขยายตัวดีแน่นอนครับ แต่ถ้าจะให้ได้รับอนิสงค์อย่างทั่วถึงทุกส่วน ยังไงก็ต้องเพลียครับ เป็นโจทย์ที่ยาก แรงงานมีทั้งไหลเข้าและออกแน่นอน แรงงานมีฝีมือของเราไปบ้านเขา แรงงานไร้ฝีมือของเขามาบ้านเรา แล้วแรงงานไร้ฝีมือของเราไปไหน ขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวแล้วล่ะครับ คงจะมีส่วนหนึ่งที่ต้องปรับตัวหรือผันตัวเอง ให้พ้นจากสภาวะถึงทางตัน อาจจะได้เห็นแรงฮึดในภาคเกษตร จากลูกจ้างที่หันกลับไปเป็นนายตัวเองเหมือนเมื่อคราวต้มยำกุ้งอีกครั้งหนึ่ง หรือมองในแง่ดีอาจเป็นจุดเปลี่ยนหรือจุดพลิกผันในภาคการเกษตรและชนบท(การท่องเที่ยว)ของเราก็ได้ครับ ตอนนี้นักธุรกิจไทยที่ได้ผลกระทบค่าแรงสูงรวมตัวกันไปตั้งนิคมในกัมพูชาและลาวแล้วครับ ทยอยตามๆกันไป มันเกิดแล้วในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องอนาคต และเขาไม่เถียงกันเรื่องค่าแรง300แล้วครับ ภาคการผลิตในประเทศยังไม่ได้ลดลง แต่จะไปขยายตัวในต่างประเทศแทน โอกาสของเรายังมีในเรื่องการป้อนวัตถุดิบและแรงงานระดับหัวหน้าควบคุมงานหรือซุปเปอร์ไวเซอร์ทั้งหลาย ผมเอาใจช่วยทุกภาคส่วน แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 55 12:36:28 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 12:07:13

ความคิดเห็นที่ 26 แรงงานต่างด้าว มีเฮ ^ ^   เพราะแรงงานไทย อาจจะไหลไปนอก..ต่างด้าวรับเละ 200- 250 ก็ทำแทนได้ละ ไม่เกี่ยงงอน.. ่ ส่วนแรงงานไร้ฝีมือ รวมกลุ่ม...ตั้งบริษัท รับแรงงานต่างด้าวที่มีฝีมือดิ..ใช้วิกฤติ เป็นโอกาสซะ.. คนไทยก็คงต้องไปซื้อของไทยทำ จากต่างประเทศ ส่วนของในประเทศ เวียตนามทำ ลาวทำ จีนทำ..ซะงั้น... ยัังไง นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง กับการพัฒนาด้านการเกษตรและชุมชนพึ่งตนเอง ก็น่าจะช่วยเกษตรกร ชาวไร่ชาวสวน ให้อยู่กันได้อย่างสบาย ไม่เดือดร้อน..คนเมืองนี่สิ..ท่าจะเจอค่าครองชีพสูง เงินเฟ้อสูง ทำงานเหนื่อยแทบตาย ได้เงินเยอะ แต่ซื้อข้าวของได้น้อยกว่าเดิม...และยังมีของแถม เป็นโรคคนเมือง ทั้งมะเร็ง ความดัน เบาหวาน เครียด... สรุปว่า ขยายตัว แล้วดี จริง ๆ ใช่มั้ย...T T จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 18:26:52