ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนตัวคิดว่าในไทยเกิดวิกฤษได้ง่ายเพราะรัฐยังไม่เสถียร ถ้าการเมืองนิ่งเหมือนอเมริกา ผมก็ยอมซื้อหุ้นแพงครับ แต่ในไทยนี้ผมกลัวว่าถ้าเกิดวิกฤษเพราะรัฐแบบแรงๆนี่ตลาดถูกทุบ ต่างชาติหนีหมด มันก็เหมือนเริ่มใหม่ ผมว่าแบบนี้ margin of safety กับการลงทุนแบบ vi ดั้งเดิมก็ยังสำคัญสำหรับผมอยู่ครับ อีกเรื่องคือผมกังวลว่านิสัยสร้างหนี้ของคนไทยสมัยนี้จะเกิดวิกฤษการเงินขึ้นสักวัน อันนี้นี่ผมหวังไว้ว่าอย่าให้มันเลวร้ายเหมือนที่ผมคิดเลย จากคุณ : สายลมแห่งสุข เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 01:01:49

ความคิดเห็นที่ 2 ดูที่ความเหมาะสมดีกว่าครับ ราคาสะท้อนอนาคตครับ ถ้าทุกคนมองว่าหุ้นตัวนี้มีอนาคตมากๆก็จะแพง แต่หากทุกคนมองว่าไร้อนาคตราคาก็ถูก ก็ขึ้นกับเราจะเลือกแบบไหนแล้วทุกคนที่ว่ามองถูกหรือผิดด้วยครับ ปล. ราคาในตลาดเป็นแค่หนึ่งในเหตุผล แต่ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดในการเลือกหุ้นครับ              จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 06:45:23

ความคิดเห็นที่ 3 ตาม #2 บางตัวมันแพงเพราะราคาหุ้น เป็นราคาที่คาดหวังในอนาคตไปแล้ว ถ้าคุณซื้อในปัจจุบันก็แพง รอซื้อในอนาคต ไม่ไม่รู้ว่าจะถูกลง หรือแพงขึ้น ถ้าเอาแต่รอว่ามันจะถูกลง อาจจะไม่มีวันนั้นก็ได้ นอกจากดูพื้นฐานแล้ว ดูทางเทคนิค ด้วยก็ดีนะครับ จากคุณ : P-Piya เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 07:30:20

ความคิดเห็นที่ 4     เพราะมองต่างมุม การซื้อขายจึงเกิด ตลาดก็ดำเนินต่อไปได้    จากคุณ : มาอีกแล้ว เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 07:49:31

ความคิดเห็นที่ 5 ครับเพราะความต่างการซื้อขายจึงเกิด มองเทคนิคยังมีเทคนิคซ้อนเทคนิค มองพื้นฐานยังมีหลายฐาน มองอารมณ์ยังมีหลายอารมณ์ หุ้นคือศิลปะครับ ไม่มีวิธีการตายตัว เอาเป็นว่ากำไรเมื่อไรขาย ช้าเร็วช่างมัน เท่านี้ก็ไม่กลับบ้านมือปล่าวแล้วครับ 555 จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 07:54:12

ความคิดเห็นที่ 6 http://fundmanagertalk.com/growth-stock-psychology/ จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 08:00:59

ความคิดเห็นที่ 7 ฮึๆ แอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน จากคุณ : Nai1515 เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 08:01:22

ความคิดเห็นที่ 8 แอบดูคนแอบฟัง จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 08:48:26

ความคิดเห็นที่ 9 ยกตัวอย่างลุงบัฟหุ้นดีราคาแพง แกไม่ซื้อ ถ้า MOS ต่ำ แกจะซื้อหุ้นดี ในราคายุติธรรมเท่านั้น จากคุณ : เขียนบน iPhone (opar156) เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 09:22:06

ความคิดเห็นที่ 10 ก็ต้องดูอ่ะครับ ว่ามันแพงกว่าการเติบโตป่าว แบบโต10% แต่ p/e 30 ผมว่าแพงไปอยู่ดี เกิดไม่โตเท่าที่คิดนี่แย่เลย ยังไงก็ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า จากคุณ : rabbit sun เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 09:27:24

ความคิดเห็นที่ 11 จะถูกจะแพง ไม่สำคัญเท่า อยากได้หรือเปล่า อยากได้เพราะอะไร ใครเห็นว่าอะไรดี ให้ค่ากับมูลค่าในอนาคตไว้สูง แล้วต้องการจะซื้อ ราคาในใจเท่าไหร่ ในตลาดมีของราคาตรงใจ ก็เข้าล๊อค ราคาต่ำกว่าราคาในใจ ก็คงเรียกว่า เป็นของถูกแล้ว.. ในทางกลับกัน หากซื้อไม่ได้ในราคาที่ต้องการ แต่จำยอมต้องซื้อในราคาที่สูงกว่า ก็อาจเรียกได้ว่า ซื้อของแพง...สรุปว่าซื้อ ยังไงก้ซื้อ เมื่อเวลาผ่านไป จนราคาเพิ่มขึ้นสะท้อนกับมูลค่าที่เพิ่มขึ้น คนซื้ออาจจะคิดได้ว่า รู้งี้...น่าจะซื้อให้เยอะกว่านี้ ราคาที่ซื้อไว้นั่น โคตรถูกเลย....ในทางกลับกัน หากได้ของราคาที่คิดว่าถูกกว่าที่อยากได้ในตอนแรก แต่พอเวลาผ่านไป หุ้นตัวนั้นกลับวิ่งลงต่ำไปเรื่อย ๆ เพราะมูลค่าต่ำลงสะท้อนกับภาวะขาดทุนของบริษัท...คนซื้อก็คงรู้ ว่าซื้อของแพง และได้บทเรียนราคาแพงเป็นของแถม.. ดังนั้น มันจะดี หรือไม่ดี คงต้องดูกันยาว ๆ แพงก็เจ๊งได้ ถูกก็เจ๊งได้ จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 09:36:12

ความคิดเห็นที่ 12 การประเมิณการเจริญเติบโตของธุรกิจในระยะยาว ควรพิจารณาปัจจัยอะไรบ้างครับ? จากคุณ : Tsuji เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 09:57:39

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าคิดว่าบริษัทยังเติบโตได้อีกเยอะในอนาคต ก็ไม่เรียกว่า "แพง" หรอกครับ จากคุณ : LoveFoodGoodTaste เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 09:59:34

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่าเรารบกับความคิดตนเอง  และความคิดคนส่วนใหญ่ ดีกว่าหรือไม่ เพราะหากความคิดคนส่วนใหญ่ทิ้ง  เราซื้อ...คนส่วนใหญ่ซื้อ เราทิ้ง... และก็ดูพื้นฐานบริษัทประกอบ... จากคุณ : kenchiro89 เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 10:21:53

ความคิดเห็นที่ 15 แอบฟัง...แล้วเครียด...ไม่รู้จะไปทางไหน เม่างง...ยิ่งฉลาด....เหลือน้อยอยู่ จากคุณ : Nai1515 เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 10:43:24

ความคิดเห็นที่ 16 หุ้นที่แพงไปแล้ว ใช่อยู่ว่าถูกในอนาคตแต่เราจะคาดเดาอนาคตได้ถูกต้องแค่ไหนกัน? การที่หุ้นแพงก็เป็นเพราะอารมณ์ และความคาดหวังของตลาด ข้อควรระวังของการซื้อหุ้นแพงแล้วก็คือ การปรับตัวลงอย่างรุนแรง สมมติเราซื้อหุ้นที่ pe 50 เท่า ปรากฏว่าไตรมาสต่อไปประกาศผลกำไรลดลง มันจะทำให้ราคาที่ขยับขึ้นไปอย่างสูงนั้นปรับลงมาแรง ตัวอย่าง banpu ใครดอยที่ราคา 800 เมื่อไหร่จะได้ลงดอยก็ไม่รู้ จากคุณ : watmyung เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 10:47:31

ความคิดเห็นที่ 17 สำคัญอีกอย่างคือที่ว่าโต มันจะโตอีกกี่ปี เช่นปีที่ผ่านมา โต 30 % เราบอก pe 30 (อดีต) eps 1บาท ตอนนี้ราคา 30 เราบอก มันไม่แพง peg =1 แต่เกิดปีต่อไปโตเหลือ 20_% eps 1.2 ราคา 30 ปีต่อไป โต 10% eps 1.32 ราคา 30 ที่ซื้อตอนนี้กลายเป็นว่าบริษัทmaintain การเติบโตที่30% ไม่ได้ มันทำให้รู้สึกว่าแพงขึ้นมั้ยครับ pe มันเป็นการดูอดีต เราต้องดูอนาคตประกอบ บริษัทที่pe สูงเพราะคนคากหวังว่าอนาคตยังน่าจะโตได้สูงใกล้เคียงกันอยู่ การโตต่อเนื่องปีละ 20% เป็นเรื่องไม่ง่าย ตัวไหนละครับทีี่ฐานเดิมยังดี และมีฐานใหม่มาเสริมโดยที่ไม่ต้องออกแรงมากนัก??? จากคุณ : kaka (kakadoctor) เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 10:51:04

ความคิดเห็นที่ 18 ประเด็นตอนนี้ราคาหุ้นไม่ถูกแต่โตเป็นอะไรที่ผมชอบครับ แต่ได้หุ้นถูกด้วยผมยิ่งดีใจมากครับ หลายประเด็นที่ท่านตอบมาผมชอบมากครับ มีเหตุผลดีมากครับ จากคุณ : value invester เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 10:52:24

ความคิดเห็นที่ 19 ส่วนใหญ่นักวิเคราะห์เขาจะพูดภาพรวมครับ ที่เขาว่าแพงเกินไปแล้ว เขาดูจากP/Eตลาด แต่ในรายละเอีอด หากค้นลงไปลึก ๆ เราอาจพบหุ้นที่ยังไม่แพง แม้ราคาสูงแต่การเติบโตยังดี เรียกว่าหุ้นดีมีอนาคต แม้ P/E จะสูง แต่ใช่ว่าจะแพง หากมันยังโตได้เรื่อย ๆ ลองคุ้ย ๆ หาดูนะครับ ผมเชื่อว่ายังมีหุ้นประเภทนี้อยู่ในทุกสภาวะตลาดครับ แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 55 13:27:24 จากคุณ : ไอไอ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 11:08:30

ความคิดเห็นที่ 20 มีใครเคยซื้อ work ช่วงที่ราคา 11 บาท มั้ย ....ข้าพเจ้าซื้อไว้ 5 พันหุ้น ผ่านไปไม่นาน ราคาร่วงไปนิดนึง ยังถือต่อ มาจนถึง 13 บาท แล้วทำท่าจะร่วงไป 11 บาทอีกรอบ เพื่อนบอกว่า เล่นทำไม ไม่เห็นดีเลย ส่วนตัว เรารู้ว่าทำไมถึงซื้อตัวนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงยอมเชื่อเพื่อน ขายไปหมด 5 พันหุ้น ตอนราคากลับมา 13.10 ตอนนั้นดูกราฟอะไรก้ไม่เป็น ไม่รู้จักตลาดขาลงขาขึ้นอ่ะนะ..สุดท้ายต้องเสียดายกลับมาเก็บอีกที 20.50 บาท มีเงินเก็บได้แค่ 2พันหุ้น ถืออยู่เป็นเดือน ๆ ก้ไม่เห็นจะเขยื้อนนะ วันประชุมผถห.แอบตั้งขายเล่น ๆ 22.5 กลับมาดู ขายได้อีก สูงสุดเกือบ 24 อีกสองวันถัดมาวิ่งไปเกือบ 30 เลยขายไปอีก 500 อีกอาทิตย์นึง เกือบ 40 บาท...ได้แต่มองตาปริบ ๆ ช๊อคกับราคามากมาย...เสียดาย ที่ตาดี แต่ไม่มีแวว...ทุกวันนี้ ได้แต่ซื้อขายเป็นรอบ ๆ แต่เก็บ อีก 500 ไว้เป็นที่ระลึก ครั้งนึงเคยโง่..ของดี เก็บไม่ได้ แค้นตัวเองอยู่ทุกวันนี้.. อาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งขายหมูอีกแระ work 1500 หุ้น ทุน 30.75 ขายไป ราคาเฉลี่ย 33 บาท อีกวัน วิ่งไปเกือบ 37.. T T สรุปว่า น่าจะดูหลาย ๆ อย่างประกอบกัน สำหรับคำถามคห.12 ...ที่เล่ามาเยอะ แค่จะบอกว่า มันอธิบายยากนะ ว่าเราจะประเมิณการเจริญเติบโตของธุรกิจในระยะยาวด้วยวิธีไหน...บางทีถ้าเรารู้วิธีที่แน่ชัด คงจะกำหนดราคาที่เหมาะสมได้ชัดเจนกว่าการใช้ความรู้สึก.. จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 11:25:58

ความคิดเห็นที่ 21 #20 ยังดีที่มีหมูให้ขาย หลายคนต้องตอยดิด ติดดอย ขายก็ยาก คัทก็ทำใจไม่ได้ เล่นรอบ เป็นคำตอบที่ดีสำหรับคนที่ไท่ได้เป็น VI แท้ จากคุณ : ไอไอ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 13:31:30

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าคิดว่า  การซื้อหุ้นคือการลงทุน จะไม่ดูราคาไม่ได้ มันจะดีกว่าไหมถ้าซื้อถูกและคิดว่าอนาคตดี คำว่า "อนาคต" มันแปลว่า"ไม่แน่นอน" สิ่งที่คุณคิดว่าอนาคตดี กำไรสูงขึ้น ปันผลดี มันมีอะไรรับประกันไหมว่าต้องเป็นอย่างนั้น  แล้วถ้ามันไม่เป็นล่ะ  พวกที่ติดดอย BANPU กันสูงๆเขาคิดแบบคุณมาแล้วทั้งนั้น ดังนั้น ราคาจึงสำคัญในการตัดสินใจซื้อหุ้น เพราะเมื่อไหร่ที่คุณตัดสินใจซื้อ แปลว่าเสียเงินแน่นอน คือเสียไปก่อนแล้วส่วนจะได้คืนมาเท่าไหร่ไม่รู้ แล้วมันเรื่องอะไรต้องเสียแพง  ไม่ซื้อก็ไม่เสียเงินไม่ใช่หรือ? ปล. ความเห็นส่วนตัวครับ  ไม่ต้องเชื่อก็ได้ จากคุณ : แสนตุ้ง เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 13:32:18

ความคิดเห็นที่ 23 คติของผม ซื้อหุ้นขาขึ้น ซื้อแพง ขายแพงกว่า ซื้อหุ้นขาลง ซื้อถูก ยังมีถูกกว่า ส่วนตัวในการเล่น มี 2 แบบ คือ หุ้นขาขึ้น Follow Buy หุ้นขาลง ซื้อที่จุดรับแบบเทส 2-3 ครั้ง จากคุณ : TOP2000 เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 14:16:54

ความคิดเห็นที่ 24 สำหรับผมขาลงถูกยังไงก็ไม่เอาครับ ขาลงขายทิ้งอย่างเดียว อย่าง ptl เมื่อก่อน pe 4 เท่า เค้าว่าถูกปัจจูบันกลายเป็นของแพงไปแล้ว ของดีไม่มีถูกครับ จากคุณ : value invester เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 22:09:42