ความคิดเห็นที่ 1 สวัสดีครับหนุ่มๆสาวๆแห่งปิ๊งๆๆๆๆ และผู้ที่กำลังจะมาสมัครเข้าบ้าน และผู้เยี่ยมชมบ้านทั้งหลายครับ ถ้าจะให้กิฟท์แก่ผู้เปิดบ้าน ก็จะสร้างกำลังใจได้เยอะครับ และจะได้รู้ด้วยว่า มีพี่ๆน้องๆท่านใดมาบ้างแล้วหรือไม่ครับ ข่าวสารและข้อมูลทั้งมีสาระและไม่มีสาระ นำมาเพื่อคิดพิจารณาและวิเคราะห์ ไปด้วยอารมณ์ดีๆด้วยกันนะครับ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:19:42

ความคิดเห็นที่ 2 สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 72,558 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 41,990 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 57.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้  ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 29,044 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 40.0% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,154 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.6% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB145B และ LB416A (รุ่นอายุ 4.5 ปี, 1.4 ปี และ 28.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 21,824 ล้านบาท หรือคิดเป็น 75% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ หุ้นกู้ของ 1. บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)  (SCC16NA)   มูลค่า 282 ล้านบาท 2. บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL132A)   มูลค่า 249 ล้านบาท 3. บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน)   (MBK137A)   มูลค่า 182 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 712 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้ ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มียอดซื้อสุทธิ สูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน   ซื้อสุทธิ 11,428 ล้านบาท 2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ    ซื้อสุทธิ 3,186 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ มูลค่า 5,835 ล้านบาท >>ภาพรวมของตลาดในวันนี้ Yield Curve ปรับตัวลดลงในทุกช่วงอายุของตราสารประมาณ 1 ถึง 3 bp ปริมาณการซื้อขายวันนี้กระจุกตัวอยู่ที่พันธบัตรรัฐบาลที่ประมูลในวันนี้ โดยพันธบัตรอายุ 5 ปีได้รับความสนใจจากนักลงทุนสูงถึง 2.55 เท่าของวงเงินประมูล ในขณะที่ตลาดรองรอดูผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลของไตรมาสหน้า ด้านนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,920 ล้านบาท จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:24:48

ความคิดเห็นที่ 4 ข่าว Hot วันพฤหัสฯ SET วานนี้ทำ New high ดัชนี SET ปิดวานนี้อยู่ที่ระดับ 1,378.40 จุด เพิ่มขึ้น +15.46 จุด หรือ +1.13% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 44,673.31 ล้านบาท - นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ -96.08 ล้านบาท - บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +1,032.93 ล้านบาท - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ +1,735.32 ล้านบาท - นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ -2,672.17 ล้านบาท นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี บอกในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย.-วานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 7% จากในช่วงต้นเดือนก่อนที่ทรงตัว โดยมองหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และเมื่อเฟดออกมาตรการ QE4 หุ้นไทยก็ปรับทิศเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มองว่าในทางเทคนิคถือว่าหุ้นไทยอยู่ในโซนแพงแล้ว ซึ่งมีโอกาสที่ SET จะปรับตัวลดลงแรงในช่วงระหว่างวัน แต่ถ้าฟันด์โฟล์วยังไหลเข้าอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ดัชนี SET บวกต่อได้ ทั้งนี้หากนักลงทุนจะซื้อและถือยังไม่แนะนำ เพราะ SET มีโอกาสปรับฐาน โดยแนะเล่นสั้นระหว่างวันจะเหมาะสมกว่า จากการรวบรวมของ Money Channel บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้กรอบการลงทุนทางด้านเทคนิคและหุ้นแนะนำในวานนี้ดังนี้ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,365-1,380 จุด หุ้นเด่น ECL/JTS บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,360-1,385 จุด หุ้นเด่น GOLD บล.ไอร่า ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,360-1,401 จุด หุ้นเด่น KTB บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,365-1,385 จุด หุ้นเด่น TGCI ที่มา http://www.moneychannel.co.th/index....2-1254996.html จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:26:07

ความคิดเห็นที่ 5 สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำระหว่างประเทศ ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซสู่ระดับ B- โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ จากเดิมที่ "ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน" S&P ยืนยันว่ามีการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นของกรีซสู่ระดับ B และระยะยาวสู่ B- โดยอิงกับพันธสัญญาของรัฐบาลในการปรับปรุงด้านการคลังและเชิงโครงสร้างตามแนวทางสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ -- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานในเบื้องต้นวันนี้ว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ย.อยู่ที่ 9.534 แสนล้านเยน เนื่องจากยอดส่งออกไปยังจีนและยุโรปยังคงปรับตัวลดลง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้ นับเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ญี่ปุ่นประสบกับภาวะขาดดุลการค้า โดยรายงานของกระทรวงการคลังระบุว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย.ร่วงลง 4.1% สู่ระดับ 4.9839 ล้านล้านเยน ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 0.8% แตะที่ 5.9373 ล้านล้านเยน -- แหล่งข่าวระบุว่า โตโยต้า คอร์ป อยู่ระหว่างพิจารณากำหนดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ทั่วโลกของกลุ่มบริษัทที่ราว 9.9 ล้านคันในปี 2556 ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับปีนี้ ทางกลุ่มบริษัทโตโยต้าจะปรับลดแผนบรรลุเป้าหมายการผลิตรายปีที่กว่า 10 ล้านคันออกไป เนื่องจากทางบริษัทคาดว่ายอดขายรถยนต์ญี่ปุ่นในตลาดจีนจะซบเซาลง จากสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นที่ตึงเครียดเมื่อเร็วๆนี้ -- รายงาน “แนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจโลก 2013 " ของหน่วยงานกิจการด้านเศรษฐกิจและสังคมขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า "การชะลอตัวลงรุนแรง" ของการค้าโลกในช่วงปี 2555 ที่เป็นผลมาจากการเติบโตของการค้าทั่วโลกที่ตกต่ำลง ไปจนถึงอุปสงค์ด้านการนำเข้าที่ลดลงในยุโรป เนื่องจากภูมิภาคได้เข้าสู่ภาวะถดถอยรอบ 2 ในช่วง 3 ปี และอุปสงค์โดยรวมที่อ่อนแอในสหรัฐและญี่ปุ่น -- ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้เริ่มการประชุมนโยบายในวันแรกวันนี้ โดยสมาชิกของบอร์ดนโยบายมีแนวโน้มว่า จะหารือกันในเรื่องความเป็นไปได้ที่จะปรับเพิ่มเป้าอัตราเงินเฟ้ออีก 2 เท่า สู่ระดับ 2% ตามที่นายชินโสะ อาเบะ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นได้เสนอมา -- ทางการพม่ากำลังวางแผนเพื่อที่จะออกเอกสารอย่างเป็นทางการให้กับแรงงานพม่าในประเทศไทยที่ยังไม่มีเอกสารจำนวน 800,000 คน ถึง 1 ล้านคน -- ธนาคารยูบีเอสตกลงจ่ายค่าปรับ 1.4 พันล้านฟรังค์สวิส หรือ 1.53 พันล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนข้อกล่าวหาที่ว่า ธนาคารมีส่วนในการดำเนินการเพื่อปั่นอัตราดอกเบี้ย LIBOR บอร์ดของธนาคารได้อนุมัติให้มีการยุติการสอบสวนกับทางหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสหรัฐ, สวิตเซอร์แลนด์ และอังกฤษ -- ธนาคารโลกเผยเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียจะยังคงขยายตัวอย่างสดใสต่อไป แม้ว่ามีอัตราที่ชะลอลงในช่วงหลายปีมานี้ โดยคาดว่าเอเชียตะวันออกจะขยายตัว 6.6% ในปี 2556 และ 2557 จาก 5.8% ในปีนี้ ซึ่งตัวเลขการเติบโตในปี 2555 และ 2556 มีการปรับลดลงจากการประเมินก่อนหน้านี้ ส่วนกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย แปซิฟิกจะขยายตัว 7.5% ในปี 2555, 7.9% ในปี 2556 และ 7.6% ในปี 2557 ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโต 7.9% ในปี 2555, 8.4% ในปี 2556 และ 8.0% ในปี 2557 -- รายงานของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า เศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียอ่อนตัวลงอย่างมากในปี 2555 และยอดส่งออกที่ลดลงอย่างมากในปีนี้ด้วย รายงานสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก 2556 (World Economic Situation and Prospects 2013 หรือ WESP) ซึ่งเปิดเผยวานนี้โดยฝ่ายกิจการเศรษฐกิจและสังคมของยูเอ็น ระบุว่า "เศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียลดลงอย่างมากในปี 2555 เนื่องจากแรงขับเคลื่อนของภูมิภาค ได้แก่จีนและอินเดีย ต่างชะลอตัวลง" -- รายงานของธนาคารโลกซึ่งเปิดเผยวันนี้คาดว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนอาจจะดีดกลับไปแตะที่ระดับ 8.4% ในปี 2556 เนื่องจากบางส่วนได้มีการฟื้นตัวแล้วในเดือนสุดท้ายปีนี้ -- สถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 102.4 จากระดับ 101.4 ในเดือนพ.ย. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:26:17

ความคิดเห็นที่ 6 KR Daily Update : ประเด็นเด่นวันนี้     ทางการอินโดนีเซียแถลงนโยบายที่มุ่งยกระดับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในปี 2556  โดยเริ่มหันมาให้น้ำหนักกับพื้นที่หมู่เกาะฝั่งตะวันออกของประเทศมากขึ้น (จากปัจจุบันที่ความเจริญจะกระจุกตัวอยู่ทางฝั่งตะวันตก) เพื่อกระจายการพัฒนาให้ทั่วถึงทั้งประเทศ ตลอดจน เชื่อมต่อเส้นทางการขนส่งระหว่างเกาะต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือไปจากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน  ทั้งนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียมีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานราว 3,000 ล้านล้านรูเปียะห์ (309 พันล้านดอลลาร์ฯ) ถึงในปี 2557 ซึ่งครอบคลุมถึงการพัฒนาสาธาณูปโภคที่จำเป็นสำหรับภาคการผลิต โครงการสร้างเขื่อน และการก่อสร้างถนน ซึ่งในขณะนี้ มีเส้นทางถนนครอบคลุมเกาะสุมาตรา กาลิมันตัน และสุลาเวสี โดยแผนงานถัดไปคือขยายถนนในเกาะปาปัว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า แม้ว่าที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญกับอินโดนีเซียในฐานะตลาดขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง  แต่ทางการอินโดนีเซียก็แสดงความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศให้สูงขึ้นอีก จนสามารถขับเคลื่อนอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูงใกล้เลขสองหลักให้ได้ ดังเช่นกรณีของประเทศจีน  ดังนั้นแล้ว จึงมุ่งขจัดอุปสรรคการลงทุน โดยเฉพาะการขนส่ง และท่าเรือให้สามารถรองรับการขนส่งได้ติดอันดับต้นๆ ของโลก จากในปัจจุบันท่าเรือ Tanjung Priok ใกล้กับกรุงจาการ์ต้า ติดอันดับ 24 ของท่าเรือที่มีปริมาณการขนส่งชุกชุมของโลก ในขณะที่ จีนมีท่าเรือ 6 แห่งติดอยู่ใน 10 อันดับแรก   อนึ่ง ในปัจจุบัน ด้วยความที่ประเทศอินโดนีเซียมีลักษณะภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะขนาดใหญ่ถึง 17,000 เกาะ ซึ่งทำให้ระบบเส้นทางยังไม่เชื่อมโยงกัน นักลงทุนจึงต้องบริหารต้นทุนการทำธุรกิจอย่างรอบคอบ เพื่อชดเชยต้นทุนค่าขนส่งที่อยู่ในระดับสูง จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:28:03

ความคิดเห็นที่ 7 Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง 20 ธันวาคม 2555 General News ------------------ • Fitch คงมุมมองความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสที่ เชิงลบ สะท้อนถึงภาวะซบเซาของเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือนก่อนและมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไป โดยส่งสัญญาณว่าอาจจะลดอันดับอีกในเร็วๆ นี้ • ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นสู่ 102.4 จาก 101.4 ในเดือน พ.ย. โดยปรับขึ้น 2 เดือนติดกัน บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคธุรกิจขยายตัวดีขึ้น และเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปที่ยังปรับตัวได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ ในยูโรโซน ท่ามกลางวิกฤตหนี้ของภูมิภาค • ธนาคารขนาดใหญ่ของสเปนชื่อ บังโกซานแทนเดอร์ จะปิด 700 สาขา หลังจากควบรวมกิจการกับธนาคารขนาดเล็กชื่อ บาเนสโต้ กับ บานิฟ เพื่อประหยัดต้นทุนดำเนินงานได้ 520 ล้านยูโรในอีก 3 ปีข้างหน้า ตามแผนปรับโครงสร้างภาคธนาคารหลังเกิดปัญหาในระบบสถาบันการเงินของสเปน จนต้องขอกู้เงินจากสหภาพยุโรป • จำนวนบ้านสร้างใหม่เดือน พ.ย.ของสหรัฐลดลง 3% สู่ 861,000 ยูนิต จากเดิม 888,000 ยูนิต ในเดือน ต.ค. ส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่มั่นคง • ธนาคารโลก วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียยังคงสดใส โดยคาดว่าเอเชียตะวันออกจะขยายตัว 6.6% ในปี 2556 และ 5.8% ในปี 2557 แต่ยังแนะให้จับตามองกระแสเงินทุนที่อาจไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น หลังจากที่ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะฟองสบู่และการขยายตัวของสินเชื่อที่มากเกินไปก็ได้ • ยูเอ็น รายงานว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียลดลงอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากแรงขับเคลื่อนในภูมิภาค ได้แก่ จีนและอินเดีย ชะลอตัวลงอย่างมากในด้านการส่งออก แต่ในปีหน้า คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.2% จาก 5.8% ในปีนี้ ส่วน GDP ในเอเชียใต้ คาดว่าจะอยู่ที่ 5% โดยเฉลี่ยในปีหน้า เพิ่มจาก 4.4% ในปี 2555 • ยอดขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นเดือน พ.ย. อยู่ที่ 9.534 ล้านเยน ขาดดุล 5 เดือนติดกันเนื่องจากยอดส่งออกไปจีนและยุโรปยังคงลดลง โดยส่งออกไปจีนหดตัวลงถึง 8.587 แสนล้านเยน ส่วนยอดส่งออกไปยังสหภาพยุโรปหดตัวลง 5.016 แสนล้านเยน • โตโยต้าเตรียมลดเป้าหมายผลิตรถยนต์ทั่วโลกในปีหน้าลงสู่ 9.9 ล้านคัน จาก 10 ล้านคัน เนื่องจากคาดว่ายอดขายรถยนต์ในตลาดจีนจะซบเซาลง จากสถานการณ์ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด • โตชิบาจะลดฐานผลิต การตลาด และบริการในญี่ปุ่นและต่างประเทศลง 30% จาก 1,400 แห่งในเดือน มี.ค. 2556 สู่ 1,000 แห่งในปี 2559 ด้วยการรวมฐานที่ทับซ้อนเข้าด้วยกันโดยไม่ให้กระทบต่อบัญชีเงินเดือนพนักงาน ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่าย 3 ปี ได้ 5 หมื่นล้านเยน • ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 7 ขั้น โดยลดอัตราสูงสุดจากร้อยละ 37 ลงเหลือร้อยละ 35 เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการกระจายรายได้มากขึ้นและให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงปิดช่องโหว่ในการหลีกเลี่ยงภาษี ทั้งนี้ ยังไม่มีรายละเอียดเรื่องค่าลดหย่อนที่อาจลดลง จึงไม่อาจประเมินผลกระทบได้ Equity Market ----------------- • SET Index ปิดที่ 1,378.40 จุด เพิ่มขึ้น 15.46 จุด หรือ +1.13% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 44,673.31 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,735.32 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังได้รับปัจจัยบวกจากต่างประเทศเรื่องผลการเลือกตั้งในญี่ปุ่น (ทำให้คาดกันว่าน่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่) รวมถึงปัจจัยบวกในประเทศเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้ใหม่ ทำให้หลักทรัพย์กลุ่มค้าปลีกปรับเพิ่มขึ้นนำตลาดเพราะคาดว่าคนจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น • มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก บริจาคหุ้นเฟซบุ๊ค 18 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 498.8 ล้านดอลลาร์หรือราว 15,500 ล้านบาท ให้แก่องค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหากำไรในซิลิคอน แวลลีย์ Fixed Income Market -------------------------- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วง -0.04% ถึง 0.01% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 2 ปี วงเงิน 30,000 ล้านบาท • ธนาคารยูบีเอส ตกลงจ่ายค่าปรับ 1.53 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้ยุติการสอบสวนของฝ่ายกำกับดูแลด้านการเงินของสหรัฐ สวิตเซอร์แลนด์ และ อังกฤษ เรื่องเทรดเดอร์ของยูบีเอสปั่นอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร ณ ตลาดลอนดอน (Libor) สกุลเยน และ สัญญายูโร Guru Corner ---------------- •Paul Krugman เขียนใน Blog ของเขาว่า “การตัดลดงบประมาณสวัสดิการสังคมเป็นนโยบายที่โหดร้ายและงี่เง่า แม้จะไม่เท่ากับการเพิ่มอายุคนที่จะเริ่มได้ประโยชน์จาก Medicare เราหวังว่าจะได้เห็น Obama เสนอนโยบายลดภาษีชนชั้นกลางลง แต่ไม่เลย สิ่งที่เขาเสนอคือไม่ขยายอายุสวัสดิการคนว่างงาน ซึ่งเป็นเรื่องใจดำและโง่มากอีกเรื่องหนึ่ง และไม่มีการเสนองบประมาณโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ ข้อเสนอของ Obama เพื่อให้อเมริกาพ้นจาก Fiscal Cliff จึงไม่ต่างจากที่เคยเป็น ในเมื่อไม่ได้เก็บภาษีให้คนรวยกลุ่มที่ 2 เพิ่มขึ้น แค่เพียงไปเพิ่มภาษีคนรวยกลุ่มบนสุดที่มีเงินได้ $400,000 ขึ้นไปเท่านั้น การจะเก็บภาษีจากเงินปันผลเท่ารายได้ปกติทั่วไป กับเก็บภาษีจาก Capital Gain ที่ 20% จากเดิมที่ George W. Bush เคยลดลงชั่วคราวเหลือ 15% และจะครบกำหนดสิ้นปีนี้ มันก็แค่กลับไปเท่าเดิมในสมัยก่อน Bush จะลดลงให้ชั่วคราวเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรต่างเลย จริงอยู่ที่รายได้จะเพิ่มขึ้น แต่ผมไม่ได้คิดเรื่องรายได้เท่ากับความมั่นคงทางสังคมที่ผมเห็นว่าสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด และการไม่ต่ออายุลดภาษี Payroll Tax มันก็คือการตัดลดสวัสดิการสังคมนั่นเอง นอกจากนี้ การเปลี่ยนวิธีคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI --- ใช้วัดเงินเฟ้อ) ที่จะนำมาปรับเพิ่มการจ่ายบำนาญชราภาพให้ทันเงินเฟ้อนั้น จะทำให้เงินสวัสดิการบำนาญลดลงในอนาคต ซึ่งเป็นการทำร้ายคนแก่ในสังคมของเรา ผมจึงไม่รู้สึกในเชิงบวกต่อข่าวที่ว่า Fiscal Cliff น่าจะตกลงกันได้ และผมจะไม่รามือ” จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:28:11

ความคิดเห็นที่ 8 ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า สหรัฐอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA หากไม่สามารถทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ได้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานตัวเลขสร้างงานที่หดตัวลงของสหรัฐ ดัชนีเฉลี่ยอุปตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 98.99 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 13,251.97 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 10.98 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 1,435.81 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 10.17 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 3,044.36 จุด ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่าสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซสู่ระดับ B- โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ จากเดิมที่ "ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน" ซึ่งการดำเนินการของ S&P ในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีความคืบหน้าในช่วงบวกในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินกรีซ เช่น การที่ยูโรกรุ๊ปอนุมัติการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลืองวดต่อไป และแผนการซื้อคืนตราสารหนี้ที่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 102.4 จากระดับ 101.4 ในเดือนพ.ย. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เยอรมนี ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยุโรป ยังคงปรับตัวดีกว่าประเทศอื่นๆในยูโรโซน ท่ามกลางวิกฤตหนี้ภูมิภาค แต่ตลาดอ่อนแรงลงในช่วงท้าย เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหน้าผาการคลังของสหรัฐ หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า สหรัฐอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA หากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวไม่สามารถทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังได้ ความเคลื่อนไหวของฟิทช์ได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนเพิ่งจะขานรับข่าวที่ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ยอมรับข้อตกลงการขึ้นภาษีประชาชนที่มีรายได้กว่า 400,000 ดอลลาร์ ขณะที่นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้แสดงความคาดหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงทั้งหมดได้ก่อนเทศกาลคริสต์มาส นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านอยู่ที่ 861,000 ยูนิตในเดือนพ.ย. ลดลง 3% จากระดับ 888,000 ยูนิตในเดือนต.ค. ส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐยังไม่มั่นคงนัก หุ้นอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ระดับโลก ร่วงลง 3% หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของอัลโค หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ร่วงลง 1.8% จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:30:55

ความคิดเห็นที่ 9 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศหนาวเย็น โดยในภาคเหนือตอนบนจะมีอากาศหนาวในหลายพื้นที่ สำหรับ ลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงไปมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กบริเวณดังกล่าวควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 20-25 ธ.ค. 55 นี้ไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ  มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ภาคกลาง  อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก  อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆบางส่วน กับหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:33:01

ความคิดเห็นที่ 10 I13089551 DOW...!!!{แตกประเด็นจาก I13084830} [หุ้น] samsam (27 - 20 ธ.ค. 55 07:00)  จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:35:23

ความคิดเห็นที่ 11 รายงานของธนาคารโลกซึ่งเปิดเผยวันนี้คาดว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนอาจจะดีดกลับไปแตะที่ระดับ 8.4% ในปี 2556 เนื่องจากบางส่วนได้มีการฟื้นตัวแล้วในเดือนสุดท้ายปีนี้ รายงานภาวะเศรษฐกิจสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกฉบับปรับปรุงล่าสุดของธนาคารโลกระบุว่า “สำหรับปี 2556 คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 8.4% เพราะได้รับแรงหนุนจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เริ่มดำเนินการเร็วขึ้น" รายงานดังกล่าวคาดว่า เศรษฐกิจจีนอาจขยายตัว 7.9% ในปี 2555 ลดลง 1.4% จากปีก่อนที่ระดับ 9.3% และเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้องแต่ปี 2542 ทั้งนี้ คาดว่าประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกซึ่งรวมไปถึงจีนจะขยายตัว 5.6% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.4% ในปี 2554 และคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ จะช่วยผลักดันการขยายตัวของภูมิภาคเพิ่มขึ้นเป็น 5.7% ในปี 2556 และ 5.8% ในปี 2557 ตามลำดับ สำนักข่าวซินหัวรายงาน นายจอร์จ อัสมุสเซน สมาชิกสภาบริหารของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าววานนี้ว่า การสร้างสหภาพการเงินที่แท้จริงและการสร้างสหภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น ควรเป็นวาระสำคัญของสหภาพยุโรป (อียู) ในปี 2556 นายอัสมุสเซนกล่าวสุนทรพจน์ที่ Frankfurt International Club of Economic Journalists ว่า อียูควรเดินหน้าปฏิรูปด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงการใช้บทบัญญัติทางการคลัง (fiscal compact) เพื่อให้ประเทศสมาชิกมีวินัยทางการคลังมากขึ้น ไปจนถึงการปฏิรูปข้อตกลงว่าด้วยเสถียรภาพและการเติบโต (Stability and Growth Pact) ของอียู เนื่องจากมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกรอบแผนงานด้านการคลังในปี 2556 ความเห็นของนายอัสมุสเซนเป็นไปในทิศทางเดียวกับนายเฮอร์แมน ฟาน รอมพาย ประธานสภายุโรป และนายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบี ที่ได้เรียกร้องให้มีการจัดตั้งกลไกการแก้ไขปัญหาที่เป็นหนึ่งเดียว (SRM) โดยเร็ว นายฟาน รอมพาย กล่าวว่า “กลไกการแก้ไขปัญหาที่เป็นหนึ่งเดียว (SRM) จะมีความจำเป็นในการสร้างความมั่นใจว่าปัญหาของธนาคารใดๆที่อยู่ในประเทศสมาชิกจะสามารถแก้ไขได้ด้วยเครื่องมือที่มีความเหมาะสม" ทางด้านนายดรากิ ประธานอีซีบี ก็ระบุว่าการจัดตั้ง SRM เป็นหนึ่งในสองสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับอียู “วัตถุประสงค์ของการแก้ไขปัญหาก็คือการจัดการธนาคารที่ไม่สามารถอยู่รอดได้ ผ่านทางมาตรการต่างๆที่รวมถึงการลดการดำเนินงานและปิดกิจการอย่างเป็นระบบ ขณะที่ยังคงรักษาเสถียรภาพทางการเงินไว้" “กลไกดังกล่าวจะทำให้มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารต่างๆจะยุติการดำเนินงานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย" นายดรากิกล่าวว่า ส่วนอีกประเด็นที่มีความสำคัญสูงสุดก็คือการปรับปรุงการทำหน้าที่ของสหภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะรวมถึงการลดความไร้สมดุลที่มากเกินไปในยูโรโซน และการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง สำนักข่าวซินหัวรายงาน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:35:46

ความคิดเห็นที่ 12 ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $1.58 หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง สัญญาน้ำมันดิบ​เวสต์​เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น​เมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐ​เปิด​เผยสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลง​ในสัปดาห์ที่​แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยัง​ได้​แรงหนุนจาก​การที่นักลงทุนมีมุมมองที่​เป็นบวกว่า​ทำ​เนียบขาว​ และสภาคอง​เกรสสหรัฐจะสามารถ​ทำข้อตกลง​เพื่อหลีก​เลี่ยง​การ​เผชิญกับภาวะ หน้าผา​การคลัง สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบ​เดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.58 ดอลลาร์ ​หรือ 1.8% ปิดที่ 89.51 ดอลลาร์/บาร์​เรล หลังจาก​เคลื่อนตัว​ในช่วง 87.81-89.90 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ​เบรนท์ (BRENT) ส่งมอบ​เดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 1.52 ดอลลาร์ ​หรือ 1.4% ปิดที่ 110.36 ดอลลาร์/บาร์​เรล หลังจาก​เคลื่อนตัว​ในช่วง 108.74-110.48 ดอลลาร์ สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากมีรายงานว่าอุปสงค์พลังงาน​ในสหรัฐยังคง​ แข็ง​แกร่ง ​โดยสำนักงานสารสน​เทศด้าน​การพลังงาน ของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่าสต็อกน้ำมัน​ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ธ.ค.ลดลง 964,000 บาร์​เรล ​แตะที่ 371.65 ล้านบาร์​เรล อย่าง​ไร​ก็ตาม ตัว​เลขดังกล่าวลดลงน้อยกว่าที่นักวิ​เคราะห์ส่วน​ใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 1.1 ล้านบาร์​เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.09 ล้านบาร์​เรล ​แตะที่ 116.97 ล้านบาร์​เรล ตรงข้ามกับที่นักวิ​เคราะห์คาดว่าจะ​เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์​เรล ขณะที่สต็อกน้ำมัน​เบนซิน​เพิ่มขึ้น 2.21 ล้านบาร์​เรล ​แตะที่ 219.32 ล้านบาร์​เรล มากกว่าที่นักวิ​เคราะห์คาดว่าจะ​เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์​เรล ​และอัตรา​การ​ใช้กำลัง​การกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 1.1% ​แตะที่ 91.5% ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะลดลง 0.1% http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39209 สัญญาน้ำมันดิบ​ได้รับ​แรงหนุน​เพิ่มขึ้น​เมื่อสถาบัน Ifo ​ซึ่ง​เป็นสถาบันวิจัย​เศรษฐกิจของ​เยอรมนี ​เปิด​เผยว่าดัชนี​ความ​เชื่อมั่นทางธุรกิจของ​เยอรมนี​เดือนธ.ค.ปรับตัว ขึ้น​แตะ 102.4 จากระดับ 101.4 ​ใน​เดือนพ.ย. ​โดย​เป็น​การปรับตัวขึ้น​เป็น​เดือนที่ 2 ติดต่อกัน ข้อมูลล่าสุด​แสดง​ให้​เห็นว่า ​เยอรมนี ​ซึ่งมี​เศรษฐกิจขนาด​ใหญ่สุด​ในยุ​โรป ยังคงปรับตัวดีกว่าประ​เทศอื่นๆ​ในยู​โร​โซน ท่ามกลางวิกฤตหนี้ภูมิภาค นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยัง​ได้รับ​แรงหนุนจาก​การคาด​การณ์ที่ว่า สหรัฐจะสามารถหลีก​เลี่ยงภาวะหน้าผา​การคลัง ​หรือภาวะที่มาตร​การปรับขึ้นภาษี​และปรับลดงบรายจ่ายขนาด 6 ​แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐอาจจะ​เริ่มมีผลบังคับ​ใช้​ในต้นปีหน้า หลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค ​โอบามา ​ได้ยอมรับข้อตกลง​การขึ้นภาษีประชาชนที่มีราย​ได้กว่า 400,000 ดอลลาร์ จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:40:54

ความคิดเห็นที่ 13 บอร์ดใหม่ทีโอทีฟิต กระโดดทำ 4 จี คู่ขนาน 3 จี พร้อมวางยุทธศาสตร์ทางรอดระยะยาว 5 ปี รองรับสัมปทานสิ้นสุด เตรียมถกคณะทำงาน 3 จี เฟส 1 วันที่ 25 ธ.ค.นี้ เร่งติดตั้งสถานีฐานอีกกว่า 1,000 สถานีฐาน ให้แล้วเสร็จก่อนสงกรานต์ปีหน้า            นายอุดม พัวสกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ทีโอที เปิดเผยว่า จากการที่ปัจจุบันคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้มอบใบอนุญาต 3 จี บนคลื่น 2.1GHz ให้เอกชนที่เข้าร่วมประมูล 3 ราย ประกอบด้วย บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส, บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ ทรู โดยขณะนี้เอกชนทั้ง 3 รายได้เดินหน้านำเข้าอุปกรณ์และประกาศที่จะให้บริการ 3 จี ในช่วงไตรมาส 2/56 นั้น         ทั้งนี้ จากความล่าช้าของการดำเนินงาน 3 จี ทีโอที เฟส 1 ที่ปัจจุบันยังติดตั้งโครงข่ายไม่ครบจำนวนสถานีฐานอีกกว่า 1,000 สถานี ดังนั้น บอร์ดมีนโยบายให้ทบทวนโครงการขยายโครงข่าย 3 จี เฟส 2 มูลค่ากว่า  3 หมื่นล้านบาท ด้วยการปรับปรุงและมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี LTE หรือ 4 จี ที่ทีโอทีสามารถนำคลื่นความถี่ที่มีอยู่ปัจจุบันมาทำได้ ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีอนาคตมากกว่าที่จะดำเนินการเรื่อง 3 จี ต่อไป เพื่อให้สามารถแข่งขันและรองรับความต้องการของตลาดได้ และพัฒนาเทคโนโลยี 4 จี เพื่อให้ทีโอทีมีทั้ง 3 จี และ 4 จี ที่สามารถให้บริการควบคู่กัน ซึ่งทีโอทีถือว่าเป็นรายเดียวที่มีเทคโนโลยีดังกล่าว           "บอร์ดได้มีการหารือกันว่าหากมัวแต่มาทำ 3จี ก็ไม่ทันคนอื่นแล้ว เพราะ 3 จี ดูเหมือนจะช้าไปแล้วในตอนนี้ อีกทั้งเอกชนก็จะเปิดให้บริการในคลื่นความถี่ใหม่ช่วงเดือนเม.ย.56 นี้แล้ว ดังนั้น หากทีโอทีไม่มองไปข้างหน้าและยังคงให้ความสำคัญกับเรื่อง 3 จี การลงทุนมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาทจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ซึ่งแผนการพัฒนา 4 จี เบื้องต้นที่วางไว้ คือการดำเนินการบนคลื่น 2.3 GHz ซึ่งทีโอทีถือครองอยู่ มาทำประโยชน์ให้กับองค์กร ซึ่งหากมีแผนการใช้งานที่ชัดเจน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคืนคลื่นดังกล่าวกลับไปที่ กสทช." นายอุดม กล่าว            นายอุดม กล่าวว่า บอร์ดยังเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เพื่อกำหนดทางรอดของทีโอทีในอีก 5 ปีข้างหน้า ว่าจะมีทิศทางกาดำเนินธุรกิจอย่างไรบ้าง โดยจะดูแลแผนพัฒนา 4 จี แผนการใช้คลื่นความถี่ และแผนธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น หลังจากรายได้สัมปทานของเอไอเอส จะสิ้นสุดในปี 58 รวมถึงการที่ พ.ร.บ.กสทช. กำหนดให้นำส่งรายได้สัมปทานให้กับกระทรวงการคลังโดยตรง ซึ่งจะทำให้รายได้ทีโอทีกว่า 60% หายไป         นอกจากนี้ ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ คณะทำงาน 3 จี จะหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกิจการร่วมค้า เอส แอล คอนซอเตี้ยม ประกอบด้วย บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น, บมจ. ล็อกซ์เล่ย์, บริษัท หัวเว่ย และบริษัท โนเกีย ซีเมนส์ จำกัด มูลค่า 16,290 ล้านบาท ที่ชนะการประมูลติดตั้งโครงข่าย 3 จี ทีโอที ที่ล่าช้ามานานกว่า 6 เดือน เพื่อเร่งการดำเนินการให้เร็วขึ้นหลังจากยังติดตั้งไม่เสร็จ สำหรับแผนเดิมหลังจากที่ตนได้เข้ามารับตำแหน่งประธานบอร์ดทีโอทีนั้น การติดตั้ง 3 จี เฟสแรกจะต้องแล้วเสร็จทั้งหมดในเดือน เม.ย.56 ซึ่งถือว่าช้าเกินไป ดังนั้น บอร์ดจึงอยากให้คณะทำงานได้มีการศึกษารายละเอียดอีกครั้งว่าสาเหตุของการล่าช้าเป็นอย่างไร และมีวิธีการเช่นไรบ้างที่จะสามารถติดตั้งโครงข่าย 3 จี ให้แล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนดเดิม          อย่างไรก็ตาม บอร์ดทีโอทีจะเร่งดำเนินการทุกโครงการตามนโยบายของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ที่ต้องการให้แผนการสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพย์สินที่มีอยู่ ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก (Core business) คือ การขยายโครงข่าย 3 จี เฟส 2 จำนวน 1.5 หมื่นสถานี บริการโทรศัพท์พื้นฐาน และ บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (ADSL)  โดยรมว.ไอซีทีได้กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน. จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:41:04

ความคิดเห็นที่ 14 ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $3 ​เหตุวิตกสหรัฐ​เผชิญหน้าผา​การคลัง สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบ​เมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) ​เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจจะ​ไม่สามารถหลีก​เลี่ยง​การ​เผชิญ กับภาวะหน้าผา​การคลัง (fiscal cliff) นอกจากนี้ ตลาดยัง​ได้รับปัจจัยลบจากรายงานตัว​เลขสร้างบ้านที่หดตัวลง​ในสหรัฐ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบ​เดือนก.พ.ลดลง 3 ดอลลาร์ ​หรือ 0.18% ปิดที่ 1,667.7 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจาก​เคลื่อนตัว​ในช่วง 1664.20 - 1677.80 ดอลลาร์ สัญญา​โลหะ​เงินส่งมอบ​เดือนมี.ค.ลดลง 55.3 ​เซนต์ ​หรือ 1.75% ปิดที่ 31.116 ดอลลาร์/ออนซ์ ​และสัญญา​โลหะทอง​แดงส่งมอบ​เดือนมี.ค.ลดลง 4.80 ​เซนต์ ปิดที่ 3.6055 ดอลลาร์/ปอนด์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบ​เดือนม.ค.ปิดที่ 1592.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 80 ​เซนต์ ​และสัญญาพัลลา​เดียมส่งมอบ​เดือนมี.ค.ปิดที่ 698.35 ดอลลาร์/ออนซ์ ​เพิ่มขึ้น 7.40 ดอลลาร์ สัญญาทองคำยังคงปิด​ใน​แดนลบ​เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวล​เกี่ยวกับปัญหา หน้าผา​การคลังของสหรัฐ ​และล่าสุดมีรายงานว่าฟิทช์ ​เรทติ้งส์ ​เตือนว่า สหรัฐอาจจะสูญ​เสียอันดับ​ความน่า​เชื่อถือ AAA หากสภาคอง​เกรส​และ​ทำ​เนียบขาว​ไม่สามารถ​ทำข้อตกลง​เพื่อหลีก​เลี่ยงภาวะ หน้าผา​การคลัง​ได้ นอกจากนี้ ตลาดยัง​ได้รับ​แรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ​เปิด​เผยว่า ตัว​เลข​การ​เริ่มสร้างบ้านอยู่ที่ 861,000 ยูนิต​ใน​เดือนพ.ย. ลดลง 3% จากระดับ 888,000 ยูนิต​ใน​เดือนต.ค. ส่งสัญญาณว่า​การฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐยัง​ไม่มั่นคงนัก จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:41:36

ความคิดเห็นที่ 15 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่าทำเนียบขาวและสภาคองเกรสสหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลัง สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.58 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 89.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.81-89.90 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 110.36 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 108.74-110.48 ดอลลาร์ สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากมีรายงานว่าอุปสงค์พลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน ของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่าสต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ธ.ค.ลดลง 964,000 บาร์เรล แตะที่ 371.65 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.09 ล้านบาร์เรล แตะที่ 116.97 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.21 ล้านบาร์เรล แตะที่ 219.32 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 1.1% แตะที่ 91.5% ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะลดลง 0.1% สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้นเมื่อสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 102.4 จากระดับ 101.4 ในเดือนพ.ย. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เยอรมนี ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยุโรป ยังคงปรับตัวดีกว่าประเทศอื่นๆในยูโรโซน ท่ามกลางวิกฤตหนี้ภูมิภาค นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง หรือภาวะที่มาตรการปรับขึ้นภาษีและปรับลดงบรายจ่ายขนาด 6 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐอาจจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า หลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ยอมรับข้อตกลงการขึ้นภาษีประชาชนที่มีรายได้กว่า 400,000 ดอลลาร์ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานตัวเลขสร้างบ้านที่หดตัวลงในสหรัฐ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 3 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 1,667.7 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1664.20 - 1677.80 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 55.3 เซนต์ หรือ 1.75% ปิดที่ 31.116 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 4.80 เซนต์ ปิดที่ 3.6055 ดอลลาร์/ปอนด์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1592.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 80 เซนต์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 698.35 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 7.40 ดอลลาร์ สัญญาทองคำยังคงปิดในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐ และล่าสุดมีรายงานว่าฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า สหรัฐอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA หากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวไม่สามารถทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังได้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านอยู่ที่ 861,000 ยูนิตในเดือนพ.ย. ลดลง 3% จากระดับ 888,000 ยูนิตในเดือนต.ค. ส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐยังไม่มั่นคงนัก สกุลเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และหลังจากเอสแอนด์พีประกาศเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.03% แตะที่ 1.3233 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3229 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ขยับลง 0.01% แตะที่ 1.6249 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6250 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.23% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 84.390 เยน จากระดับ 84.200 เยน และทรงตัวเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9128 ฟรังค์ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.43% แตะที่ 1.0484 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0529 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.61% แตะที่ 0.8359 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8410 ดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นหลังจากสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 102.4 จากระดับ 101.4 ในเดือนพ.ย. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เยอรมนี ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยุโรป ยังคงปรับตัวดีกว่าประเทศอื่นๆในยูโรโซน ท่ามกลางวิกฤตหนี้ภูมิภาค นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซสู่ระดับ B- โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ จากเดิมที่ "ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน" ซึ่งการดำเนินการของ S&P ในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีความคืบหน้าในช่วงบวกในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินกรีซ เช่น การที่ยูโรกรุ๊ปอนุมัติการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลืองวดต่อไป และแผนการซื้อคืนตราสารหนี้ที่ประสบความสำเร็จ ส่วนค่าเงินเยนยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุม 2 วันของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ หลังจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งนายชินโสะ อาเบะ หัวหน้าพรรคแอลดีพีได้แสดงเจตนารมณ์ว่าจะเรียกร้องให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่าสหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลังได้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.4% ปิดที่ 281.63 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3664.59 บวก 15.96 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7668.50 บวก 14.92 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5961.59 บวก 25.69 จุด -- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า สหรัฐอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA หากไม่สามารถทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ได้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานตัวเลขสร้างงานที่หดตัวลงของสหรัฐ ดัชนีเฉลี่ยอุปตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 98.99 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 13,251.97 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 10.98 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 1,435.81 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 10.17 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 3,044.36 จุด -- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานตัวเลขสร้างบ้านที่หดตัวลงในสหรัฐ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 3 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 1,667.7 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1664.20 - 1677.80 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 55.3 เซนต์ หรือ 1.75% ปิดที่ 31.116 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 4.80 เซนต์ ปิดที่ 3.6055 ดอลลาร์/ปอนด์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1592.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 80 เซนต์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 698.35 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 7.40 ดอลลาร์ -- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่าทำเนียบขาวและสภาคองเกรสสหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลัง สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.58 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 89.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.81-89.90 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 110.36 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 108.74-110.48 ดอลลาร์ -- สกุลเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และหลังจากเอสแอนด์พีประกาศเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.03% แตะที่ 1.3233 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3229 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ขยับลง 0.01% แตะที่ 1.6249 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6250 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.23% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 84.390 เยน จากระดับ 84.200 เยน และทรงตัวเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9128 ฟรังค์ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.43% แตะที่ 1.0484 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0529 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.61% แตะที่ 0.8359 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8410 ดอลลาร์สหรัฐ -- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 25.69 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 5,961.59 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,935.90-5,977.82 จุด จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:53:20

ความคิดเห็นที่ 16 ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่าสหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลังได้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.4% ปิดที่ 281.63 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3664.59 บวก 15.96 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7668.50 บวก 14.92 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5961.59 บวก 25.69 จุด ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 102.4 จากระดับ 101.4 ในเดือนพ.ย. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เยอรมนี ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยุโรป ยังคงปรับตัวดีกว่าประเทศอื่นๆในยูโรโซน ท่ามกลางวิกฤตหนี้ภูมิภาค ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซสู่ระดับ B- โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ จากเดิมที่ "ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน" ซึ่งการดำเนินการของ S&P ในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีความคืบหน้าในช่วงบวกในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินกรีซ เช่น การที่ยูโรกรุ๊ปอนุมัติการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลืองวดต่อไป และแผนการซื้อคืนตราสารหนี้ที่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง หรือภาวะที่มาตรการปรับขึ้นภาษีและปรับลดงบรายจ่ายขนาด 6 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐอาจจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า หลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ยอมรับข้อตกลงการขึ้นภาษีประชาชนที่มีรายได้กว่า 400,000 ดอลลาร์ หุ้น HSBC พุ่งขึ้น 2% ขณะที่หุ้นธนาคารเนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ ทะยานขึ้น 10% ส่วนหุ้นเมิร์กในกลุ่มเวชภัณฑ์ ร่วงลง 2.1% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 25.69 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 5,961.59 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,935.90-5,977.82 จุด สถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 102.4 จากระดับ 101.4 ในเดือนพ.ย. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เยอรมนี ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยุโรป ยังคงปรับตัวดีกว่าประเทศอื่นๆในยูโรโซน ท่ามกลางวิกฤตหนี้ภูมิภาค หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้น HSBC พุ่งขึ้น 2% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ทะยานขึ้น 4.4% สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อรายปีของอังกฤษในเดือนพ.ย.ยังคงอยู่ที่ 2.7% ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับอัตรารายปีในเดือนต.ค. ONS ระบุว่าราคาอาหารที่ปรับเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. ประกอบกับการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่สูงขึ้นจากปีก่อน เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เงินเฟ้อรายปีอยู่ที่ระดับสูง แม้ว่าราคาพลังงานร่วงหนักขึ้นในช่วงดังกล่าว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานรายปีในเดือนพ.ย. ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ยังคงอยู่ที่ 2.6% ทั้งนี้ เงินเฟ้อรายปีของอังกฤษยังคงสูงกว่าเป้า 2% ที่ธนาคารกลางอังกฤษกำหนดไว้ และคาดกันว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงในช่วงหลายปีข้างหน้า จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:55:05

ความคิดเห็นที่ 17 สรุปข้อมูลการขายชอร์ตของหุ้นไทย ณ วันที่ 19 ธ.ค. 2555 มีรายละเอียดดังนี้ หลักทรัพย์        ปริมาณหุ้นที่           มูลค่าการ  %ปริมาณการขายชอร์ต ขายซอร์ต           ขายชอร์ต  เทียบกับปริมาณการซื้อขาย (หุ้น)             (บาท)     บนกระดานหลัก TTW           1,316,600     11,641,080.00        25.75% RATCH           249,200     14,110,975.00        19.91% CPALL         2,621,200    122,284,500.00         9.23% THCOM           843,000     19,596,160.00         4.91% LH              930,500      8,995,135.00         4.85% JAS           4,700,000     24,740,000.00         4.40% BBL             274,900     54,318,200.00         2.69% BLA             106,900      6,392,175.00         2.44% ADVANC          120,000     25,200,000.00         2.31% INTUCH          190,000     12,777,500.00         2.26% TOP             114,400      7,753,125.00         2.04% AOT              70,700      6,486,725.00         2.00% DTAC             27,000      2,396,250.00         1.75% KBANK           131,900     25,405,950.00         1.64% SCB              83,500     14,744,550.00         1.51% SCC              21,700      9,083,000.00         1.42% MAKRO             4,000      1,832,000.00         1.36% TISCO            95,000      4,927,500.00         1.29% SPALI            85,100      1,497,760.00         1.23% BEC              28,400      1,905,250.00         1.10% CPN              32,500      2,617,625.00         1.07% CK              250,000      3,215,000.00         0.74% LOXLEY          198,500      1,061,975.00         0.60% SCCC              1,100        472,800.00         0.44% BAY              80,000      2,480,000.00         0.41% QH              206,900        442,122.00         0.24% BJC              34,000      2,097,750.00         0.20% TMB             145,100        270,043.00         0.20% STA              13,000        212,830.00         0.16% IRPC             28,700        121,688.00         0.13% EGCO                800        108,800.00         0.09% ESSO              2,900         29,000.00         0.08% PTTGC             6,000        406,500.00         0.07% ROBINS            2,000        135,500.00         0.04% BH                  300         22,275.00         0.03% TRUE              9,200         46,000.00         0.02% KTB               5,000         95,500.00         0.01% ที่มา: www.set.or.th ตลาดอนุพันธ์ (TFEX) รายงานสรุปปริมาณการซื้อขาย All Futures โดยแบ่งตามประเภทนักลงทุน ประจำวันที่ 19 ธันวาคม 2555 ดังนี้ (หน่วย: จำนวนสัญญา) นักลงทุน              ซื้อ       ขาย       สุทธิ สถาบัน           17,954    20,397    -2,443 ต่างชาติ           4,522     4,715      -193 ในประเทศ        29,077    26,441     2,636 ตลาดอนุพันธ์ (TFEX) รายงานสรุปปริมาณการซื้อขาย Index Futures โดยแบ่งตามประเภทนักลงทุน ประจำวันที่ 19 ธันวาคม 2555 ดังนี้ (หน่วย: จำนวนสัญญา) นักลงทุน             ซื้อ        ขาย       สุทธิ สถาบัน           3,404      4,317      -913 ต่างชาติ          3,272      3,612      -340 ในประเทศ       10,733      9,480     1,253 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:57:21

ความคิดเห็นที่ 18 อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณใหญ่,คุณฮะ,คุณพันเกลียว,คุณตำลึงริมรั้ว และเพื่อนๆชาวสินธรที่น่ารักทุกท่านค่ะ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:00:37

ความคิดเห็นที่ 19 ปู่ จะ แดง จะ เขียว เราควบคุมอารมณ์ด้ายยยยยย  555555 จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:02:37

ความคิดเห็นที่ 20 ยาดองผีดุ ขนหัวลุก ใบหนาด "นายหนุ่ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเพิงขายยาดอง ผมเป็นเด็กบางเขน บ้านอยู่หลังสถานีรถไฟนี่เอง มีเพื่อนสมัยเรียนและตอนวัยรุ่นอยู่หลายคน ส่วนมากอยู่ละแวกเดียวกัน บ้างก็แถววัดเสมียนนารี บ้างก็เลยไปทางชุมชนสวนผัก, ชุมชนภักดี ก.ม.11 โน่นแน่ะ ไม่มีเพื่อนเป็นลูกคนรวยอย่างบ้านกลางกรุงอะไรนั่นหรอกครับ ส่วนมากอยู่สลัมกันทั้งนั้นแหละ เช่น เจ้าหงอยู่สวนผัก เจ้าตี๋อยู่ภักดี สองคนนี่คือเพื่อนซี้ของผม ไปมาหาสู่กันประจำ เย็นๆ วันเสาร์อาทิตย์ ไม่รู้จะไปไหนก็โทร.หาเพื่อน ถ้ามันอยู่ที่บึ่งแมงกะไซค์ไปหา โจ้เหล้าโซดากันมั่ง ยาดองมั่ง ตามกำลังทรัพย์ ตอนค่ำๆ แถวปากซอยภักดีน่ะมีต้นโพธิ์ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาร่มครึ้ม ชาวบ้านเชื่อถือกันว่ามีเจ้าพ่อศักดิ์สิทธิ์ตามฟอร์ม ชอบไปขอหวยกันตรึม แต่ผมเห็นแล้วนึกเสียวๆชอบกล ไม่รู้เป็นไง? แถวนั้นหรือเรียกกันติดปากมานานว่า ก.ม. 11ร่ำลือว่าผีดุชะมัด เพราะมีรถชนกันบ่อยครั้ง ไม่ว่าที่วิภาวดีฯ หรือถนนตัดใหม่ เรียกกันซะหรูหราว่า "โลคัลโรด" หรือของจริงก็คือถนนเลียบทางรถไฟน่ะแหละคุณ มีทั้งด้านนอกและด้านในที่เลียบชุมชน แต่ว่าเป็นทางตันนะครับ ผมเห็นกลับรถกันมาหลายรายแล้ว นอกจากตายเพราะอุบัติเหตุรถชนกันแล้ว ยังมีการตายโหงน่าสยดสยองเพราะรถไฟทับตายอีกล่ะ...แหม! รถไฟนี่ไม่ต้องทับหรอกครับ แค่ชนก็ตายแหงๆ อยู่แล้ว ถึงจะมีสถานีย่อยที่หน้าชุมชน แต่พวกรถเร็วรถด่วน ไม่จอด นอกจากรถระยะใกล้อย่างกรุงเทพฯ-ลพบุรี ตอนเย็นๆ ไหนจะมีการตีรันฟันแทงกันตามระเบียบเพราะฤทธิ์สุรา ทั้งนักเลงทั้งวัยรุ่น กินเหล้าเข้าไปก็เลยเห็นช้างเท่าสุกรได้ง่ายๆ จนถึงกับบาดเจ็บล้มตายกันหลายครั้งหลายครา เจ้าหงกับเจ้าตี๋ในฐานะเจ้าถิ่น เคยเล่าว่ามีคนดวงซวยโดนผีหลอก วิ่งกระเจิดกระเจิงมาหลายรายแล้วครับ อ้อ! เมื่อตะกี้ผมเล่าว่าเมายาดอง? แถวนั้นมีอยู่ 2 เจ้า ตั้งแผงค่อนข้างห่างกัน แต่อยู่ทางด้านทางรถไฟทั้ง 2 แผง ตอนเย็นๆ มีลูกค้าแวะเข้าไปอุดหนุนกันคึกคักพอสมควร มีตัวยาเด็ดๆ เขียนติดโหลเอาไว้ยั่วใจดีพิลึกละ ช้างผสมโขลง, ม้ากระทืบโรง, พลังเสือโคร่ง, โด่ไม่รู้ล้ม, กลิ้งกลางดง, สาวสะกิดแม่, เฒ่าปล้ำสาว...โอ๊ย! พวกผมยังหนุ่มพลังสูงแท้ๆ ยังอดลองมันซะทุกอย่างไม่ได้นี่นา! วันเกิดเหตุ ตอนเย็นผมนึกเปรี้ยวปากอยากกินยาดองขึ้นมาดื้อๆ เลยนัดแนะเพื่อนซี้ทั้งคู่ไปที่ร้านด้านใน ใกล้จะถึงทางตัน อากาศตอนต้นปีเย็นกำลังสบายๆ ผมไปถึงก่อนก็เลยสั่งม้ากระทืบโรงมาอุ่นเครื่องรอ... แหม! ร้อนท้องซู่ซ่าอย่าบอกใครเชียว มีคนคุ้นๆ หน้ากันที่เพิงยาดองก็ยิ้มให้กันมั่ง ทักทายกันมั่ง... มีเพื่อนดีกว่ามีศัตรู จริงมั้ยครับ? พี่ชิต เจ้าติ่ง ลุงม้วน...เราเคยเห็นกันบ่อยหน บางคนมาสั่งแค่ก๊งสองก๊งแล้วก็บึ่งรถไปมั่ง เดินตีต๊อกไปมั่ง วันนั้นมีถุงม้วนคนเดียวที่ปักหลักคุยกับผมเอิ๊กอ๊ากตามประสาคนถูกคอกัน ลุงม้วนอายุ 40 กว่าๆ ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่ย่านนั้นแหละ หุ่นผอมดำ หน้ากระดูก ผมหงอกประปราย ใครๆ เขาเรียกลุงๆ กันทั้งนั้น ผมก็เลยเรียกลุงมั่ง รถไฟแล่นฉึกฉักผ่านทางหลังเพิงขายยาดองไป แสงสว่างชักเหลือน้อยลงทุกที! ลุงม้วนถามถึงเจ้าหงกับเจ้าตี๋ ผมบอกว่าเดี๋ยวคงมาสมทบ คืนนี้ว่าจะไปต่อแถวย่านเกษตร-นวมินทร์กัน ลุงม้วนก็เตือนว่าขับรถขับราระวังหน่อย เดี๋ยวจะพลาดพลั้งไป... ว่าแล้วแกก็ขอตัวไปทำมาหากินต่อ... ผมหันไปโบกไม้โบกมือให้เพื่อนรุ่นน้า พอดีเห็นเจ้าหงบึ่งรถออกมา มีเจ้าตี๋ซ้อนท้ายพอมาถึงก็รีบออกเนื้อออกตัวว่ามาช้าเพราะรอเจ้าตี๋ แล้วถามว่าเมื่อตะกี้ผมโบกมือให้ใครหย็อยๆ น่ะ "ลุงม้วนไง" ผมตอบ "แกเพิ่งลุกไปหยกๆ พวกเมงก็มา" เจ้าหงปล่อยก๊ากทันใด "เมงกินเหล้ากับลุงม้วนเรอะ? โอ๊ย! ฮาแตกเลยกู แกเพิ่งโดนรถกระบะชนตายที่หน้าวัดเสมียนเมื่อคืนนี้เอง" มันหัวเราะเยาะแล้วหันไปพยักพเยิดกับเจ้าตี๋ แต่ผมขนลุกซ่า รู้สึกหน้าชาเห่อเหมือนกินว่านเข้าไปทั้งกอ ชี้มือสั่นระริกไปที่แก้วเหล้าเปล่าๆ ที่ยังตั้งอยู่ทนโท่ เล่นเอาเพื่อนทั้งสองอ้าปากค้าง หน้าขาวซีดลงทันตาเห็น... ลุงม้วนตายไปแล้วจริงๆ เพราะแกไม่ได้สวมหมวกนิรภัย แบบเดียวกับพวกที่ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างตามตรอกตามซอย หรือแม้แต่ออกสู่ถนนใหญ่แล้วนั่นแหละครับ...บรื๋อออ... หน้า 30 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:04:46

ความคิดเห็นที่ 21 หมูแดงเหลือหุ้นแค่ 2 ตัว ปู่ก็ขู่ให้ตกใจ ทู๊กกกวันเบยยยยย  ^    ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:04:47

ความคิดเห็นที่ 22 คุณใหญ่ขราาา  มะคืนหลับฝันดีอะเปล่า?ค๊าาาาา ^     ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:07:31

ความคิดเห็นที่ 23 ประวัติศาสตร์โลกแตก อ้างอิงบางส่วนจาก หนังสือ The World and I (รวบรวมโดย Terran ) ค.ศ.33-150 ชาวคริสต์ยุคแรกกลุ้มใจว่าโลกจะแตกสลาย ค.ศ.992-1000 พระชาวยุโรปคิดว่า โลกจะวินาศในปี ค.ศ.1000 ผู้คนจึงหวาดกลัวกันใหญ่ ค.ศ.1001 ปรากฏว่าโลกยังไม่แตก พระชาวฝรั่งเศสจึงบอกว่า ภัยพิบัติจะ เลื่อนไปเกิดปี ค.ศ.1033 ค.ศ.1033 โลกยังหมุนต่อไป ค.ศ.1186 (พ.ศ.1729)เกิดดาวเคราะห์เรียงตัวกัน ชาวยุโรปนึกว่า โลกจะล่มสลาย ค. ศ.1346-1418 (พ.ศ.1889-1961) เกิดโรค กาฬโรคขึ้น ประชากร 1 ใน 3 ของยุโรปตาย และคร่าชีวิตประชากรครึ่งประเทศ ในอังกฤษ แต่มนุษย์โลกก็เพิ่มจํานวนกลับคืนมาตามเดิม ค.ศ.1501 (พ.ศ.2044) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบรหัสไบเบิ้ล เรียกมันว่า"ไบเบิ้ลโค้ด" ได้ผลทํานายออกมาว่า โลกจะแตกใน ปี ค.ศ.1656 (พ.ศ.2199) ค.ศ.1656 (พ.ศ.2199) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ทํานายผิด ค.ศ. 1844 วิลเลียม มิลเลอร์ บอกสาวก50,000 คนว่า โลกจะพินาศ ในปีนี้แล้ว แต่ก็ผิดหวัง ค.ศ.1848 วิลเลียมบอกว่า มันจะเลื่อนมาเกิดปีนี้ต่างหาก .. แต่ก็ไม่มี อะไรเกิดขึ้น วิลเลียมจึงบอกว่า มันเลื่อนไปเกิดปีหน้า ค.ศ.1849 วิลเลียมไม่ได้รับความเชื่อถืออีกต่อไป ค.ศ.1910 ดาวหางฮัลเล่ห์ปรากฏ ผู้คนต่างหวาดกลัวว่าจะเกิดวันสิ้นโลก ค. ศ.1925 แม่ชี โรเบิร์ต ไรท์บอกว่า พระเจ้ามาบอกว่า โลกจะพินาศในปีนี้ เผอิญปีนั้น เกิดโรคระบาด แผ่นดินไหวถี่ผิดปกติ ภาวะบ้านเมืองอึมครึม คนเลยเชื่อ ใหญ่ บางคนร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร บางคนขายบ้าน ขายที่นา พอถึงวันที่แม่ชีว่าจะ เกิด แม่ชีไรท์พาลูกศิษย์หลบเข้าป่าจําศีลภาวนา แต่แล้วก็ผิดพลาดอีก.. ค.ศ.1945 ชาร์ล ลอง นักฟิสิกส์อังกฤษ บอกว่า โลกจะพินาศ ซึ่งในระยะ เดียวกันนั้น บังเอิญเกิดดาวหางบ่อยๆ เกิดสุริยคราสและจันทราคราส บ่อยๆ น้ำท่วมเป็นประจํา แผ่นดินไหวถี่ผิดปกติ จึงเป็นเหตุผลที่ชาวโลกควรเชื่อ แต่ก็ผิด พลาดหนักเข้าไปอีก ค.ศ.1975 กลุ่มชาวคริสต์ออกมาทํานายว่าปีนี้โลกจะพินาศ หลังจากทายผิด ติดต่อกันมาแล้ว 10 ปี ค. ศ.1996 ไมเคิล ดรอสนินท์และเอลิยา ริปป์ ตีความไบเบิ้ลโค้ด แล้ว บอกว่า จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3ในวันที่ 25 กรกฏาคม ...แต่ก็ไม่มีอะไร เกิดขึ้น ไมเคิลและริปป์จึงบอกว่า สงครามโลกครั้งที่ 3และภัยพิบัติทางธรรมชาติ เกิดขึ้นแน่ แต่เลื่อนไปในปีค.ศ.1999 ค.ศ.1999 นอสตราดามุส บอกว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3... นอก จากนอสตราดามุสแล้ว ยังมีไมเคิลกับริปป์ที่หน้าแหกเป็นเพื่อนอีกตั้งหาก ค.ศ.2000 ดาวเคราะห์เรียงตัวกันในวันที่ 5 พฤษภาคม ผู้คนบนโลกเชื่อ ว่าโลกจะแตก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ค. ศ.2003 กลุ่มที่เชื่อเซคาริยาห์อ้างว่าดาวนิบิรุจะโคจรมาใกล้โลก ก่อ เกิดภัยพิบัติ ที่ญี่ปุ่นมีกลุ่มคนพากันเข้าป่า เตรียมเสบียง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น กันยายน 2005 - สิงหาคม 2006 กลุ่มไบเบิ้ลโค้ดเชื่อว่า จะเกิดสงคราม โลกครั้งที่ 3 ตามที่คัมภีร์ทํานายว่าจะเกิดใน สิงหาคม 2006 แต่ก็ผิดอีก.. ค.ศ. 2009 เชื่อว่านิบิรุจะเฉี่ยวโลก และ ในปี 2012 จะเกิดวันสิ้นโลกอีกครั้ง คราวนี้คงจะได้เห็นกันละว่า ที่ข่าวเล่า ต่อ เขาเล่าว่า โปรดติดตามความจริงในทางพระพุทธศาสนาจะกล่าวไว้เป็นเช่นไร ท่านคมสรัญญ์ -อินเดีย Credit to : ตันติปาละ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:08:12

ความคิดเห็นที่ 24 แซ่บ แซ่บ เผ็ด เผ็ด คุณฮะชอบทาน  ^   ^ จากคุณ : รู้ใจใช่ป่ะคะ.....หมูแดง.... (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:11:35

ความคิดเห็นที่ 25 ว๊ายยยย .... พรุ่งนี้โลกจะแตกแย้วววววว T-T   ต้องรีบหม่ำส้มตำของโปรดเยอะๆ ^    ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:13:43

ความคิดเห็นที่ 26 #21 ผมช่วยลุ้นเสือเป็นเพื่อน..กินไอศครีมให้ใจร่ม ๆ ก่อนนะคุณหมูแดง อิ อิ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 55 08:15:26 จากคุณ : ตำลึงริมรั้ว เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:14:23

ความคิดเห็นที่ 27 แง๊ววว  มีวันไหนนะ ที่จะไม่ส่งชื่ออาหารผิด อี๊ด อี๊ด^    ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:15:35

ความคิดเห็นที่ 28 โห   มีเพื่อนร่วมก๊วนเสือด้วย ผมเคยถืออยู่ตอนที่7-8บาท เล่นแล้วเบื่อ ไม่ค่อยขยับตัวไปไหนเท่าไหร่ ไม่ทันใจโจ๋  เลยทิ้งออกมา พอเราทิ้งพี่ก็ใส่พลังเสือวิ่งปรู๊ดๆไปสิบบาทเลย ฮะ เหย  ฮะ เหย   ฮะ เหย น.ส.กิริฏา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) กล่าวระหว่างการให้ข้อมูลในรายงาน "ตามติดเศรษฐกิจไทย" ที่สำนักงานธนาคารโลก วานนี้ (19 ธ.ค.) ตอนหนึ่งระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลไทยคาดว่าจะมีมูลค่า 3.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในแต่ละปี ผลขาดทุนที่แท้จริงที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าวจะรู้ได้ต่อเมื่อข้าวในคลังสินค้าถูกขายออกไปแล้ว ตั้งแต่เดือนต.ค.ปีพ.ศ.2554 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของไทยขยายครอบคลุมข้าวทุกประเภทที่เพาะปลูกในไทยเพื่อขาย ราคาที่รับจำนำสูงกว่าราคาข้าวในตลาดโลกประมาณ 50% หรือราว 200 ดอลลาร์ต่อข้าว 1 ตัน จึงทำให้ต้นทุนรัฐเกิดจากโครงการนี้สูงถึง 3.76 แสนล้านบาท สำหรับฤดูกาลเก็บเกี่ยวปี2554-2555 คิดเป็น 3.4% ของจีดีพี ปริมาณข้าวที่รับจำนำคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 21.7 ล้านตันในฤดูกาลเก็บเกี่ยวปีก่อน มาเป็น 25 ล้านตันในฤดูกาลเก็บเกี่ยวปัจจุบัน ดังนั้นธนาคารโลกคาดว่ารัฐจะต้องใช้งบประมาณ 4.5 แสนล้านบาท หรือราว 3.8% ของจีดีพี สำหรับฤดูกาลเก็บเกี่ยวปี2555-2556 ซึ่งรัฐยังไม่ได้มีการขายข้าวออกไปจากคลังสินค้า จึงจำเป็นต้องติดตามผลขาดทุนที่แท้จริง และผลกระทบที่มีต่อสถานการคลัง ที่จะรู้ได้ต่อเมื่อรัฐบาลขายข้าวออกจากคลังสินค้าแล้ว ทั้งนี้ หากพิจารณาจากคาดการณ์แนวโน้มราคาข้าวในตลาดโลก ทางธนาคารโลกคาดว่าผลขาดทุนน่าจะอยู่ระหว่าง 1.15-1.5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 1%-1.3% ของจีดีพีต่อหนึ่งฤดูกาลเก็บเกี่ยว "ค่าใช้จ่ายในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไทยปีนี้ ทางธนาคารโลกได้คาดการณ์การใช้จ่าย โดยใช้จำนวนตันของข้าวที่รัฐได้รับการจำนำ และคิดค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นตรงนั้นได้ประมาณ 3.76แสนล้านบาท สำหรับปีการเพาะปลูกที่เพิ่งจบไประหว่างปี2554-2555 และหากมีการขายข้าวจำนวน 21.5 ล้านตันออกไปได้ ความเสียหายจากราคาที่ขายคือราคาที่ใช้ในราคาตลาดโลก คงไม่สูงเท่าราคาที่รับจำนำ ดังนั้นส่วนต่างตรงนั้นทำให้รัฐบาลขาดทุนประมาณกว่าแสนล้านบาท หรือราว1%ของจีดีพี" น.ส.กิริฏา กล่าวว่า ปีหน้าเนื่องจากการรับจำนำข้าวอาจเพิ่มขึ้น เป็น 25 ล้านตัน เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่รายรับก็ต้องขึ้นอยู่กับราคาข้าวในตลาดโลก และปริมาณข้าวที่ไทยสามารถปล่อยออกไปขายได้ด้วย ในส่วนนี้ธนาคารโลกประมาณการณ์ไว้ว่า ถ้าไทยสามารถขายข้างที่มีอยู่ในคลังสินค้าทั้งหมด25ล้านตันที่จะจำนำได้ในปีหน้า น่าจะทำให้การขาดทุนอยู่ที่ประมาณ 1% ของจีดีพีเช่นกัน "แม้ผลบวกจากโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลดีต่อเกษตรกรชาวนาผู้ปลูกข้าว ได้รับเงินจากการขายข้าวเพิ่มขึ้นช่วยให้มีรายได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้เงินรับจำนำข้าวสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคตได้ ด้วยการช่วยเหลือแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เพราะยังมีเกษตรกรอีกหลายรายในประเทศที่ไม่ได้มีข้าวเหลือขาย และเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวรายเล็กที่ยากจน ตรงนี้เธอแนะนำว่าหากรัฐนำเงินบางส่วนจากที่ได้จำนำข้าว เอามาช่วยเหลือโดยตรงให้ขาวนารายเล็กและยากจนกลุ่มนี้ ก็จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้ด้วย" นอกจากนี้ ธนาคารโลกพบว่า การปลูกข้าวของไทยในปัจจุบันมีผลผลิตต่อไร่น้อยและน้อยที่สุดจากข้อมูลที่ได้ในรายงานองค์การอาหารโลก (เอฟเอโอ) ที่ระบุว่าการผลิตข้าวต่อไร่ของไทยมีปริมาณน้อยกว่าประเทศอื่นที่เป็นผู้ผลิตข้าวหลักๆในโลกนี้ ดังนั้นมีความจำเป็นที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวของไทยต้องเพิ่มผลผลิตต่อไร่รวมถึงคุณภาพของข้าวไทยด้วย ฉะนั้นเงินส่วนหนึ่งแทนที่นำไปใช้รับจำนำข้าว รัฐควรเอามาใช้พัฒนาเพิ่มผลผลิตเพิ่มคุณภาพของข้าวด้วย วิธีนี้จะช่วยให้เกษตรกรได้รับเงินเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:18:49

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณค่ะ คุณตำลึงริมรั้ว ^     ^ หมูแดงไม่มีเสือโฮก โฮก ค่ะ  มีแต่ อนันดอย กะ พีเอฟ คุณตำลึง เปลี่ยนตัวเชียร์ให้หมูแดงด้วยนะคะ กริ กริ จากคุณ : อย่าพูดแบบนี้นะคะ5555555หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:21:28

ความคิดเห็นที่ 30 สวัสดี ทุกท่าน ครับ   _/\_       จากคุณ : มารหุ้นแสวงพ่าย เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:25:22

ความคิดเห็นที่ 31 หมูแดงเคยได้เสือ ตอนIPO@10บาท กำไร40ตังค์ ไม่ยอมขาย หลังจากนั้นก็ลงได้ทู๊กวัน   หมูแดงเลยคัทเพราะอึดอัด อี๊ด อี๊ด ดื่มกาแฟร้อน ย้อมใจโหน่ยยยยยค่ะ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:25:42

ความคิดเห็นที่ 32 นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงผลวิจัยสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2556 ของศูนย์วิจัยธ.ก.ส. คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตรา 4.4-4.6% ซึ่งยังมีความเสี่ยงจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบางจากปี 2555 ส่งผลให้อุปสงค์ของตลาดต่างประเทศชะลอตัว ต้องอาศัยกำลังซื้อจากผู้บริโภคภายในประเทศเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น อาทิ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ด้านเศรษฐกิจภาคเกษตรไทยในปี 2556 นั้น มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระดับ 3% เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรขยายตัวในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะสินค้าในหมวดพืชผลและปศุสัตว์ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในตลาดเกิดใหม่ อาทิ ประเทศในแถบตะวันออกกลาง และแอฟริกาใต้ จัดเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เป็นเป้าหมายใหม่ในการส่งออกสินค้าเกษตร ผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรขยายตัวได้มากขึ้น "ทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มปรับตัวลดลง รวมทั้งมาตรการผ่อนคลายทางการเงินจากการลดดอกเบี้ยนโยบาย จะช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการในภาคเกษตรได้เป็นอย่างดี" อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจการเกษตรไทยอาจต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้สินค้าเกษตรบางกลุ่มมีแนวโน้มราคาขยับสูงขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยและน้ำตาลทราย ไก่เนื้อและกุ้งขาวแวนนาไม สำหรับ ยางพาราและสุกร อาจมีความเสี่ยงด้านราคา ทั้งนี้ มันสำปะหลัง มีราคาอยู่ที่ 2-2.75 บาทต่อกก.สูงขึ้นจากปีนี้ 5-10% เป็นผลจากความต้องการอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น ซึ่งมันสำปะหลังยังใช้สำหรับพลังงานทดแทนได้ด้วย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาปรับมาอยู่ที่ 9.50-13.00 บาทต่อกก.หรือเพิ่มขึ้น 2.5% เนื่องจากมีความต้องการในอุตสาหกรรมอาหาร สำหรับอ้อยโรงงานและน้ำตาลทราย ราคาปรับขึ้นมาอยู่ที่ 14.40 -15.56 บาทต่อกก.หรือ 6.7% จากความต้องการของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึง พลังงานทดแทน ทางด้าน ไก่เนื้อ ราคาปรับมาอยู่ที่ 45-55 บาทต่อกก.เพิ่มขึ้น 2.9-3.2% เป็นผลจากการผลิตลดลงในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ ต่างประเทศมีความต้องการไก่สดแช่แข็งจำนวนมาก กุ้ง ราคาปรับมาอยู่ที่ 142-146 บาทต่อกก.เพิ่มขึ้น 5-8% จากความต้องการในต่างประเทศ สำหรับข้าวเปลือก ราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ 13,500-14,800 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้นจากปีนี้ 2.5-3.5% เพราะมีแนวโน้มประสบภาวะภัยแล้งมากขึ้น ขณะที่ความต้องการข้าวในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนราคายางพารา อยู่ที่ 79-90 บาทต่อกก.ลดลง 3% เพราะยอดการส่งออกไปจีนลดลง ส่วนสุกร ราคาอยู่ที่ 55-58 ต่อกก.ลดลง 3.5-4% เพราะผลผลิตเพิ่มขึ้น ศูนย์วิจัยธ.ก.ส. ยังสำรวจความคิดเห็นของเกษตรจากทุกภาคทั่วประเทศภายใต้หัวข้อ ”ความสุขของเกษตรกรไทย” พบว่า มุมมองความสุขของเกษตรกรไทยอันดับที่ 1 คือ ความสุขจากการมีรายได้ที่แน่นอน มีเงินออมและไม่มีหนี้สิน คิดเป็น 25% ของผลสำรวจทั้งหมด อันดับ 2 ความสุขจากการมีบ้านที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองท่ามกลางเรือกสวนไร่นาที่เป็นของตนเอง คิดเป็น 20.1% อันดับ 3 ความสุขจากการมีหลักประกันสุขภาพได้มาตรฐานเท่าเทียมกับโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ คิดเป็น 19.8% อันดับ 4 ความสุขจากการที่สินค้าเกษตรของตนสามารถจำหน่ายได้ในราคาสูงทั้งในและต่างประเทศ คิดเป็น 17.7% และ อันดับที่ 5 ความสุขจากการมีพืชผลทางการเกษตรที่เจริญงอกงามพร้อมกับการมีประกันภัยพืชผลทางการเกษตรจากความเสี่ยงสภาพอากาศที่แปรปรวนคิดเป็น 17.4% หน่วยงานส่วนที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการเข้ามาดูแลในเรื่องดังกล่าว เช่น การประกันภัยพืชผลการเกษตรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เป็นต้น” นายสมศักดิ์กล่าวและว่า สำหรับแผนงานวิจัยในปีต่อไป จะเน้นการสำรวจผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน เพื่อให้เกษตรกรเตรียมตัวรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:26:56

ความคิดเห็นที่ 33 สวัสดีค่ะ คุณจอย คุณแสวงหุ้น ^    ^ หม่ำ หม่ำ กันค่ะ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:27:26

ความคิดเห็นที่ 34 ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันจันทร์ การเงินไม่คล่องมือ ต้องอาศัยบัตรเครดิตหรือหารายได้พิเศษเพิ่ม แถมญาติพี่น้องลูกหลานยังมาขอพึ่งพา ไม่ได้ทำงานในส่วนที่รับผิดชอบตามที่คิดหรือเตรียมการไว้ เพราะมีงานอื่นเข้ามาแทรก แล้วยังต้องช่วยฝึกงานให้กับผู้ร่วมงานคนใหม่ด้วย ไม่ควรเสี่ยงทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ การเดินทางต้องเลื่อนออกไปช่วงบ่ายหรือเย็น สีเขียว ขาว ม่วง และชมพู เสริมดวงชะตาให้แข็งแกร่ง สามารถฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้ ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันอังคาร ต้องแก้ปัญหาเรื่องเก่างานเก่าที่ซ้ำซากและน่าเบื่อหน่าย ถึงจะไม่อยากทำเพียงใดก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำต่อไปตามคำสั่ง การประสานงานหรือเจรจาเรื่องใดๆ ต้องเป็นฝ่ายรุกและวิ่งเต้นติดต่อด้วยตัวเองจึงจะสำเร็จ วันนี้มีแต่เรื่องให้เสียเงิน แล้วสุขภาพก็ไม่ดีเท่าที่ควร มีอาการปวดหัวไมเกรน ปวดหลัง ปวดเอว ความรักเริ่มเหนื่อยและเบื่อหน่ายกับการต้องคอยตามเช็คข่าวคราวความเคลื่อนไหวของคนที่เรารัก หลีกเลี่ยงสีขาว เขียว และเหลือง ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันพุธ กิจการหรืองานที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศเริ่มซาลง ไม่ควรทำอะไรเพิ่มเติม งานใหญ่ๆ ควรระงับไปก่อน การเงินต้องเลือกใช้จ่าย ซื้อของราคาถูก ส่วนการลงทุนต้องได้ผลตอบแทนทันที อาการบาดเจ็บหรือปวดบริเวณตั้งแต่ต้นขาลงไปเป็นมากขึ้น  วันนี้อยากใช้ชีวิตแบบอิสระ ไม่อยากยึดติดกับอะไร ทำงานให้ผ่านไปวันๆ  และพร้อมที่จะเดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยไปมาก่อนเพียงลำพัง สีม่วง ขาว และเขียว ช่วยผ่อนคลายความเครียดและความอ่อนล้า ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี การติดต่องานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการต้องรอคอยและใช้เวลา ทุกสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จในวันนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จะได้เดินทางไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออาจได้วัตถุมงคลบางอย่างจากสถานที่ห่างไกลมาบูชา การขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่คุณต้องเป็นฝ่ายไปบอกกล่าว การเงินมีใช้ไม่ขาดมือแต่ไม่สามารถใช้อย่างฟุ่มเฟือยได้ ความรักต้องซื่อสัตย์ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง และจริงใจกับคนรักเพื่อความสุขของครอบครัว สีแดง ขาว เหลือง และชมพู ทำให้จิตใจมั่นคง มีสติและสมาธิที่จะทำทุกสิ่งให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ต้องการ ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันศุกร์ เป็นวันแห่งการเริ่มต้นสิ่งใหม่ สิ่งที่รอคอยไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน รถยนต์ เงิน หรือสิ่งของอื่นๆ ที่มีค่ามีราคา จะได้จริงตามที่หวังไว้ การงานก้าวหน้าไม่มีอุปสรรค ทุกสิ่งที่ทำสำเร็จราบรื่นโดยง่าย การเงินหมุนเวียนดีใช้จ่ายคล่อง การลงทุนทำให้ยิ้มได้ เป็นฝ่ายรับแต่ทรัพย์เพียงอย่างเดียว คนโสดจะได้พบรักแท้ คนที่เพิ่งอกหักจะได้พบรักใหม่ที่สดใสกว่าเดิม สีขาว ดำ ม่วง และเทา เสริมดวงให้ราบรื่น ทำอะไรคล่องตัว ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันเสาร์ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจที่ต้องการสักเรื่องเดียว ควรปล่อยวางและละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างบ้าง การงานต้องปล่อยให้บริวารหรือผู้ร่วมงานคนอื่นทำ อย่าหมกมุ่นทำอยู่เพียงคนเดียว และยังไม่มีช่องทางหรือโอกาสใหม่เข้ามาทำให้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง การเดินทางไม่เป็นไปตามจุดหมายที่ต้องการ การเงินได้รับการอุปถัมภ์จากชายสูงวัย ความรักคนที่มีคู่แล้วเริ่มรู้สึกอยากครองตัวเป็นโสด คนที่มีครอบครัวเริ่มรู้สึกห่างเหินอยากแยกตัวอยู่ตามลำพัง สีเหลือง เขียว และแสด เสริมให้ชีวิตเดินทางไปสู่ความสำเร็จตามที่ต้องการ ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ วันนี้ต้องอาศัยบุญเก่าเข้ามาช่วยในการทำงาน เพราะคุณเจองานหินที่ต้องใช้เวลาในการเจรจาค่อนข้างนาน และจะถูกซักถามหลายเรื่อง มีโอกาสจะได้ที่ดินเก่าหรือมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ การเงินไม่คล่องมือแต่อยู่ได้ด้วยเงินเก็บดั้งเดิม เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตซ้ำซากจำเจ แม้ท้องฟ้าจะเริ่มเปิดให้ได้เริ่มต้นอะไรใหม่ๆ แต่ชีวิตก็ยังมีอุปสรรค สีแดง เหลือง ขาว ชมพู และเขียว เสริมชีวิตให้พบกับความสุข และจะทำให้ได้สิ่งดีๆ ที่ไม่คาดคิด จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:29:09

ความคิดเห็นที่ 35 จริงป่ะ จริงป่ะ จริงเหรอเปล่าค๊าาาา  ^    ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:30:48

ความคิดเห็นที่ 36 คิดถึงทู๊กกกคน นะคะ 555555555555 จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:33:25

ความคิดเห็นที่ 37 ชอบทานไอติมค่ะ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:36:16

ความคิดเห็นที่ 38 ซึ้งจุงเบย  ^   ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:41:02

ความคิดเห็นที่ 39 ฟิทช์ เรทติ้งส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อระหว่างประเทศ เตือนว่าสหรัฐอาจสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA หากล้มเหลวในการเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลัง หรือ fiscal cliff ฟิทช์ระบุในแถลงการณ์ฉบับล่าสุดว่า ภาวะหน้าผาทางการคลัง ซึ่งมาตรการปรับขึ้นภาษีและลดรายจ่ายวงเงินราว 6 แสนล้านหยวนจะมีผลบังคับใช้ในต้นปี 2556 นั้น เป็นภัยคุกคามระยะใกล้ที่รุนแรงที่สุดต่อเศรษฐกิจโลก ฟิทช์ระบุว่าความล้มเหลวในการเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลังจะทำให้มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายการคลัง และจะส่งผลให้สหรัฐถลำสู่ภาวะถดถอยโดยไม่จำเป็นและอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ “นั่นอาจจะบั่นทอนแนวโน้มการขยายตัวในระยะกลางและความมีเสถียรภาพทางการเงิน และในสถานการณ์ดังกล่าว จะมีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นที่สหรัฐจะสูญเสียอันดับเครดิตที่ AAA" นอกจากนี้ ฟิทช์ยังย้ำว่าความท้าทายที่สภาคองเกรสและฝ่ายบริหารเผชิญอยู่ก็คือการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนที่น่าเชื่อถือเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางและสร้างเสถียรภาพแก่หนี้สินของรัฐบาลในระยะกลาง ทั้งนี้ ข้อตกลงเกี่ยวกับแผนลดยอดขาดดุลเป็นเวลาหลายปีเพื่อสร้างเสถียรภาพแก่หนี้สินของรัฐบาลและสร้างความยั่งยืนของการคลังสาธาณะ มีแนวโน้มจะทำให้ฟิทช์ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐที่ “AAA" และพิจารณาทบทวนแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือจากปัจจุบันที่อยู่ใน “เชิงลบ" มาสู่ “มีเสถียรภาพ" สำนักข่าวซินหัวรายงาน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:41:33

ความคิดเห็นที่ 40 ก่อนนี้ถือไก่เล็ก..เห็นนิ่ง ๆ ปล่อยปุ๊บมันบินเลย ถึงมาเข้าเสือแทน..ซื้อแค่กะจึ๋งนึงแก้คันมือนะครับ อิ อิ จากคุณ : ตำลึงริมรั้ว เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:41:35

ความคิดเห็นที่ 41 ธรรมะ วันพฤหัสบดี ค่ะ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:42:30

ความคิดเห็นที่ 42 นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ในปี 2556 แนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านจะเติบโตต่อเนื่อง ที่อัตราประมาณ 5-10% โดยคาดว่ามูลค่าตลาดจะมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านมีประมาณ 9,000 ล้านบาท นอกจากนี้ตลาดรับสร้างบ้านจะขยายตัวออกไปยังภูมิภาคชัดเจน โดยในปี 2555 มีผู้ประกอบการจำนวน 144 ราย (ที่มีรูปแบบชัดเจนและทำตลาดอย่างต่อเนื่อง) โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ในพื้นที่กทม. และปริมณฑลจำนวนประมาณ 69 ราย และที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในต่างจังหวัด จำนวนประมาณ 75 ราย สำหรับตลาด “บ้านสร้างเอง” ทั่วประเทศปี 2555 มีมูลค่าประมาณ 120,000 ล้านบาท โดยแชร์ส่วนแบ่งตกเป็นของผู้รับเหมารายย่อยเป็นหลัก ขณะที่ตลาด “รับสร้างบ้าน” ทั้งในกทม. และปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัดมีมูลค่ารวมกันราว 9,000 ล้านบาท แต่คาว่าปีหน้าจะเพิ่มอีกอีกราว 10% เป็นมากกว่า 1 หมื่นล้านบาทดังกล่าว โดยปัจจัยหลักๆ เป็นเพราะการขยายตลาดออกไปทั่วประเทศมากขึ้น ในส่วนของสมาคมฯ เองตั้งเป้าไว้จะผลักดันให้มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2558 มีมูลค่าเพิ่มเป็น 15,000 ล้านบาท โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้านในเขตกทม. และปริมณฑล คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2555 เป็นเพราะผู้บริโภคเลิกกังวลเรื่องปัญหาน้ำท่วมซ้ำ เห็นได้จากกำลังซื้อที่กลับมาใหม่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2555 ดังนั้น กลยุทธ์สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันปี 2556 น่าจะเป็นเรื่องของ นวัตกรรมก่อสร้างและระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูป, การรับรู้และความน่าเชื่อถือในฐานะแบรนด์ผู้นำ และพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 55 08:45:11 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:44:54

ความคิดเห็นที่ 43 สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ทันหุ้น 'PTTGC' งบ Q4 กำไรเด้ง MEG แตะ 1,105 ดอลล์ PTTGC คึกรับอานิสงส์สเปรดราคา MEG และ Spread (MEG-Naptha) ปรับตัวแตะ 1,105 ดอลลาร์ต่อตัน และ 173 ดอลลาร์ต่อตัน ด้วยกำลังการผลิต MEG ที่ 3.95 แสนตันต่อปี ด้านผู้บริหาร "อนนต์ สิริแสงทักษิณ" การันตีผลงานไตรมาส 4/2555 เด่นกำไรเด้งแรง สวนรายได้วิ่งแตะ 5 แสนล้านบาท 'JTS' ผนึกพันธมิตรรับ 3G เซ็น TOT-CAT เฉียด 4 พันล. JTS กินรวบงาน 3G "หัวเรือใหญ่" ส่งซิกจ่อเซ็นสัญญา TOT และ CAT มูลค่าเฉียด 4 พันล้านบาท แถมผนึกพันธมิตรผู้ผลิตโกยงานเต็มพอร์ตปูทางธุรกิจใหม่ MVMO ดันฐานกำไรปี 2556 สุดโต่ง ชี้ค่ายดัง AIS DTAC TRUE เรียงคิวป้อนออเดอร์ ส่วนงบ Q4/2555 สุดเริ่ด กูรูแนะสอยเป้าหมาย 3.60 บาท BCH ปั้นรายได้ปี 56 ทะลุ 20% สยายปีกสาขาบุกเชียงราย BCH ปักธงรายได้ปี 2556 เติบโตทะลุ 20% มั่นใจ WMC ช่วยโกยรายได้ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป พร้อมเตรียมเปิดคลินิกขนาดใหญ่ในอำเภอแม่สาย หวังกวาดกลุ่มลูกค้าชาวพม่า ส่วนแผนลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลบนถนนรามคำแหงยังอยู่ระหว่างรอ EIA มั่นใจเห็นเสาเข็มต้นแรกไม่เกินปี 2557 SRICHA คว้างานส่งท้ายปีลั่นปี 56 จ่อประมูลหมื่นล้าน SRICHA คว้างานใหม่บิ๊กโปรเจ็กต์ของไทยออยล์ มูลค่ารวม 1,700 ล้านบาท ดันแบ็กล็อกเพิ่มแรง 2,000 ล้านบาท ผู้บริหาร "กฤษฎา โพธิสมภรณ์" ลั่นปีหน้าฟ้าใหม่กางแผนปี 2556 จ่อประมูลงานอีกหลายโครงการมูลค่ารวมแตะ 10,000 ล้านบาท ดันงานในมือกระฉูด ANAN จ้องเทกโอเวอร์อสังหาเพิ่ม ปักธงรายได้ปีหน้าโต 1.22 หมื่นล. ANAN ลั่นมีแผนเข้าเทกโอเวอร์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่ม หลังก่อนหน้านี้ฮุบ ADO มาแล้ว ตั้งเป้ายอดขายในปีหน้า 13,300 ล้านบาท ส่วนรายได้ตั้งเป้า 12,200 ล้านบาท พร้อมผุดโครงการ 13 โครงการ มูลค่ารวม 23,800 ล้านบาท โบรกส่องแนวโน้มปีหน้าพลิกมีกำไร แนะหาจังหวะสอย หลังราคาอ่อนตัว เคาะเป้าหมาย 5.15 บาท 'GFPT' เทิร์นอะราวนด์ ราคาไก่-อาหารสัตว์พุ่ง GFPT ปี 2556 ผลงานเทิร์น อะราวนด์ หลังแนวโน้มราคาไก่ฟื้นตัวในไตรมาส 4/2555 หนุนผลงานปี 2556 คาดมีกำไรสุทธิ 797 ล้านบาทจากปีนี้ขาดทุน 62 ล้านบาท แนะ "ซื้อ" วางเป้า 9 บาท อัพไซด์กว่า 10.43% ด้าน "จุฑามาส อิงโพธิ์ชัย" ตั้งงบลงทุนปีหน้ากว่า 400-500 ล้านบาทขยายฟาร์มไก่เนื้อเฟสแรก 'MBK' ปีหน้ารายได้โต 6% ทุ่มงบปรับปรุงห้างพันล้าน MBK ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 6% หลังปรับค่าเช่าในศูนย์การค้าเพิ่ม 45% ส่วนกำไรอาจใกล้เคียงปีนี้ เหตุต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่ให้กับ จุฬาเพิ่ม 680 ล้านบาท จาก 85 ล้านบาท พร้อมทุ่มงบลงทุน 1 พันล้านบาท ปรับปรุงศูนย์การค้าใหม่ ส่วนธุรกิจข้าวเล็งขายให้กับผู้ที่สนใจเพราะทนการแข่งขันสูงไม่ไหว TAPACชงบอร์ดแจกปันผล ยิ้มรับข่าวดี2เด้ง-เป้า4.50บาท TAPAC จ่อชงบอร์ดแจกปันผลผู้ถือหุ้นช่วงมกราคมนี้ หลังโชว์กำไรงวดปี 2555 โตทุบสถิติรอบ 5 ปี มาอยู่ระดับ 46.67 ล้านบาท พร้อมลั่นแจกไม่ต่ำกว่า 40% ส่วนงวด Q1/2556 เชื่อผลงานไฉไลกว่า Q1/2555 ที่มีรายได้ 118.24 ล้านบาท หลังออเดอร์ทะลักอื้อ ด้านผู้บริหาร ตั้งเป้าปีนี้ยอดขายพุ่ง 10% จากปีก่อน รับอุตสาหกรรมขยายตัว แถมยิ้มรับนโยบายลดภาษี-เครื่องจักรใหม่หนุนงบแจ๋ว โบรกส่องต้าน 4.50 บาท SIRI โกยยอดขาย 1.5 หมื่นล. รุกพัฒนา 23 โครงการทั่วไทย SIRI รุกขยายพัฒนาโครงการตลาดต่างจังหวัดปี 2555 โกยยอดขายรวม 15,400 ล้านบาท จาก 23 โครงการใน 6 จังหวัดหัวเมืองหลักทั่วประเทศทั้งหัวหิน-ภูเก็ต-เขาใหญ่-เชียงใหม่-พัทยา และขอนแก่น มูลค่าโครงการรวม 20,600 ล้านบาท จ่อคิวปิดการขายโปรเจ็กต์ล่าสุดใน จ.เชียงใหม่ (ดีเวียง สันติธรรม) มูลค่าโครงการ 712 ล้านบาท ปลายปีนี้ LVTคว้างานใหม่152ล้านทำโครงการจัดเก็บถ่านหิน แอล.วี.เทคโนโลยี คว้างานโครงการระบบจัดเก็บถ่านหินแบบปิดเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จาก "เอสซีจี เทรดดิ้ง" มูลค่ากว่า 152 ล้านบาท รับหน้าที่ตั้งแต่ออกแบบ จัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์และติดตั้ง ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 9 เดือน เผยเป็นโครงการแรกในอาเซียนดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมจากการจัดเก็บถ่านหิน หวังได้งานประเภทนี้เพิ่มเติมจากทั้งในและต่างประเทศ APURE ผุดตั๋วบี/อี วงเงิน 100 ล้านบาท รายได้แตะ 1.5 พันล. APURE ประกาศพร้อมลุยธุรกิจ "ออกตั๋วแลกเงินในวงจำกัด วงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท เหตุรองรับการซื้อเครื่องจักรใหม่และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน พร้อมย้ำรายได้ปี 2555 รายได้พุ่ง 35-50% หรือ 1.3-1.5 พันล้านบาทแน่นอน หลังมองธุรกิจครึ่งหลังสดใส TCAP สินเชื่อส่งท้ายปีแรง ยอดเช่าซื้อทะลุ 3 แสนลบ. TCAP ยอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อไตรมาส 4/2555 ยังพุ่งแรง รับแรงส่งยอดขายรถยนต์เร่งตัวหลังใกล้หมดนโยบายรถยนต์คันแรก มั่นใจพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อสิ้นปีนี้ทะลุ 3 แสนล้านบาท พร้อมลุ้นยอดปล่อยสินเชื่อทะยานต่อครึ่งปีแรกของปี 2556 ด้านโบรกส่องเป้าหมาย 43.00 บาท คาดสินเชื่อเดือนธันวาคม 2555 ยังแรง "ARROW"แกร่งIPOจองเกลี้ยง คริสต์มาสแจกของขวัญทั้งเมือง หุ้นไอพีโอ ARROW ปิดฉากยอดจองซื้อเกลี้ยงทั้ง 50 ล้านหุ้น เหตุนักลงทุนเทใจรับปัจจัยบวก หนุนรอบด้านทั้งราคาจองที่ 5.50 บาทต่อหุ้น มีส่วนลดให้นักลงทุนกว่า 45.58% ผนึกพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งผลประกอบการขยายตัวต่อเนื่อง "ธานินทร์ ตันประวัติ" ควงคู่ "บล.ฟิลลิป" ที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำอันเดอร์ไรต์ เชื่อมั่นเป็นสัญญาณบวกที่ดีหลังนักลงทุนแห่จองซื้ออย่างท่วมท้น เชื่อเข้าเทรดวันคริสต์มาส 25 ธันวาคมนี้ ใมห้ผลตอบแทนสุดประทับใจส่งท้ายปี เปิดจุดพีคตลาดรับสร้างบ้านปี 56 นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้านกล่าวว่า ในปี 2556 แนวโน้มมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านจะขยายตัวและเติบโตออกไปยังภูมิภาคชัดเจนมากขึ้น เพราะจากการสำรวจผู้ประกอบการทั้งรายเดิมและรายใหม่ที่เข้าสู่ธุรกิจนี้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีการเปิดดำเนินธุรกิจในพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่หรือมีจำนวนมากกว่า 40 ราย ตรงข้ามกับพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กลับมีผู้ประกอบการรายใหม่เปิดดำเนินธุรกิจน้อยมากและจากการสำรวจของสมาคม พบว่าบริษัทรับสร้างบ้านทั่วประเทศในปี 2555 มีจำนวนประมาณ 144 ราย (ที่มีรูปแบบชัดเจนและทำตลาดอย่างต่อเนื่อง) โดยแบ่งเป็นผู้ประกอบการที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวนประมาณ 69 ราย และผู้ประกอบการที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในต่างจังหวัดจำนวนประมาณ 75 ราย โดยเป็นผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก 2 สมาคมเพียงแค่ 71 รายเท่านั้น ส่วนที่เหลือไม่ได้สังกัดสมาคมใดๆ DNAดีเดย์เทรดmai21ธ.ค.นี้บิ๊กปลื้มทุนแกร่ง-ธุรกิจสดใส บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 หรือ DNA พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 21 ธันวาคมนี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,216 ล้านบาท เป็นบริษัททะเบียนเข้าใหม่ลำดับที่ 9 ใน mai ปีนี้ 'SSC' ยอดขาย "เอส" พุ่ง พร้อมเสิร์ฟน้ำสีชิงตลาด SSC ดี๊ด๊าน้ำอัดลม "เอส" ได้รับการตอบรับดีเกินคาด โชว์ยอดขายเกิน 1 พันล้านบาท ทะลุเป้าหมายหนุนผลประกอบการไตรมาส 4/2555 แกร่งจากขาดทุน 120 ล้านบาทในไตรมาส 3/2555 พร้อมส่งน้ำอัดลมสีวางตลาดเพิ่ม 3 รส เขียว ส้ม และเลมอนไลม์ ภายในเดือนธันวาคมนี้ ดันยอดขายเพิ่ม INDEX พลิกโฉมวงการอีเว้นต์พม่าทุ่มงบ35ล้านจัดเมียนมาร์เคานต์ดาวน์ อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจพลิกโฉมวงการอีเวนต์พม่า เพื่อเข้าสู่ยุคเออีซีแบบเต็มตัว จัดอีเวนต์ยักษ์ใหญ่ให้เกิดขึ้นในประเทศพม่ากับงานเมียนมาร์ เคานต์ดาวน์ 2013 หรือ "Myanmar Countdown 2013" ที่ ประเทศพม่าต้อนรับปีใหม่ 2556 พร้อมเปิดรับศักราชใหม่กับงานวันชาติพม่าหรืองาน Independent Day "มหกรรมลดภาษีนาทีสุดท้าย" เริ่มแล้ววันนี้ โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม โดยตลาดหลักทรัพย์สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และบริษัทหลักทรัพย์จัดกองทุนรวม จัด "มหกรรมลดภาษีนาทีสุดท้ายด้วย LTF-RMF" 20-23 ธันวาคมนี้ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ รวมเอา LTF-RMF 150 กองทุน และกองทุนรวมประเภทอื่นรวมกว่า 1,300 กองทุนมาให้เลือกลงทุน พร้อมรับคำปรึกษาการลงทุนจาก 18 บลจ.ชั้นนำในงาน เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน บลจ.ฟินันซ่าชี้ LTF-RMF เจ๋ง ผู้ลงทุนรับผลประโยชน์ 2 เด้ง นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนฟินันซ่า จำกัด (บลจ.ฟินันซ่า) แสดงความเห็นว่า ในช่วงส่งท้ายของปี 2555 ที่กำลังจะสิ้นสุดลง อยากให้ประชาชนชาวไทยที่มีรายได้ ใช้สิทธิของการลดหย่อนภาษีควบคู่ไปกับการลงทุนผ่านช่องทางการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) "การลงทุนผ่าน LTF และ RMF เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เพราะได้สิทธิประโยชน์ทันทีในการลดหย่อนภาษีที่จะต้องยื่นในปีถัดไป http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39233 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:45:01

ความคิดเห็นที่ 44 ฟังธรรมะทีไรเหมือนได้ยานอนหลับ..ขอไปนอนต่อล่ะน๊า ^^ จากคุณ : ตำลึงริมรั้ว เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:46:55

ความคิดเห็นที่ 45 @40...อ๊ากกก  ชอบไอติมกาแฟที่ซู๊ดดดดค่ะ  ^     ^ ชะตาชีวิตลิขิตมาเหมียนกัลลค่ะคุณตำลึง..ขายปุ๊บ วิ่งปั๊บ เหมียนกัลลล5555 จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:47:04

ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อคืนฝันดีจุงเบยครับเจ้ จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:48:41

ความคิดเห็นที่ 47 สวัสดีคะ      นานๆจะเข้ามาทักทายกันตามภาษาพี่ๆน้องๆ ก็ขอให้วันนี้หุ้นตัวที่ถือกันไว้วิ่งชนเพดานกันทุกคน วันนี้รวยๆ เฮงๆ จากคุณ : คุณหญิงจิ๋วแจ๋ว เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:15:40

ความคิดเห็นที่ 48 คุณใหญ่ฯใส่ไข่พะโล้มาด้วย ไข่ตั้ง  2  ลูก  ใส่ในพะโล้ไข่ดำหมดเลยยยยย วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) ประเทศไทย                10.30 น.                            ตลท.แถลงสรุปภาวะซื้อขายประจำเดือนพ.ย. ญี่ปุ่น                                                             ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันสุดท้ายและแถลงมติการประชุม เยอรมนี                       14.00 น.                           ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. อิตาลี                        16.00 น.                           ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. อังกฤษ                     16.30 น.                            ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. สหรัฐ                        20.30 น.                           จีดีพีขั้นสุดท้ายช่วงไตรมาส 3/2555 20.30 น.                           จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ 22.00 น.                           ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย 22.00 น.                           ยอดขายบ้านมือเดือนพ.ย. 22.00 น.                           ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) ประเทศไทย                                                    กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออกของไทย ญี่ปุ่น                                                             ธนาคารกลางญี่ปุ่นเผยแพร่รายงานประจำเดือนธ.ค. อังกฤษ                    07.01 น.                            ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. เยอรมนี                    14.10 น.                             ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก GfK ฝรั่งเศส                    14.45 น.                             ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนธ.ค. อังกฤษ                    16.30 น.                            จีดีพีไตรมาส 3/2555 16.30 น.                            ดุลการชำระเงินไตรมาส 3/2555 อิตาลี                     17.00 น.                             ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอิตาลีเดือนธ.ค. สหรัฐ                     20.30 น.                             ข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลสหรัฐเดือนพ.ย. 21.55 น.                            ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนธ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) ญี่ปุ่น                                                             ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันพระราชสมภพพระจักรพัรรดิ์ (วันหยุดชดเชย) ออสเตรเลีย                                                       ตลาดการเงินปิดทำการเร็วกว่าปกติเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ อินโดนีเซีย                                                       ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ เยอรมนี                                                           ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ ฝรั่งเศส                                                           ตลาดการเงินปิดทำการเร็วกว่าปกติเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ อังกฤษ                                                         ตลาดการเงินปิดทำการเร็วกว่าปกติเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ สหรัฐ                                                            ตลาดการเงินปิดทำการเร็วกว่าปกติเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ วันอังคารที่ 25 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) ออสเตรเลีย                                                       ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส เกาหลีใต้                                                        ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส ฮ่องกง                                                         ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส มาเลเซีย                                                           ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส อินโดนีเซีย                                                       ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส ฟิลิปปินส์                                                        ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส อินเดีย                                                            ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส อิตาลี                                                            ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส เยอรมนี                                                           ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส ฝรั่งเศส                                                           ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส อังกฤษ                                                         ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส สหรัฐ                                                            ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส วันพุธที่ 26 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) สิงคโปร์                 12.00 น.                             ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. เกาหลีใต้                   04.00 น.                            ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ญี่ปุ่น                        06.50 น.                            ธนาคารกลางญี่ปุ่นเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินเดือนพ.ย. ฮ่องกง                                                         ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวัน Boxing Day ฝรั่งเศส                                                           ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวัน Boxing Day อิตาลี                                                            ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวัน Boxing Day อังกฤษ                                                         ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวัน Boxing Day สหรัฐ                     04.30 น.                             การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) เผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ 21.00 น.                            สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ เผยดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค. จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:17:00

ความคิดเห็นที่ 49 วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน: บมจ.ไทยออยล์ " ราคาพุ่งเกือบ 2% นักลงทุนหวังสหรัฐฯ แก้ไขปัญหาวิกฤติการคลังได้" เบรนท์ส่งมอบ ก.พ. ปรับเพิ่มขึ้น 1.52 ปิดที่ 110.36 เหรียญฯ และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1.58 ปิดที่ 89.51 เหรียญฯ + นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะหาข้อสรุปในมาตรการแก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลังได้ภายในสิ้นปีนี้ ล่าสุดประธานาธิบดีโอบามายอมรับข้อเสนอของนายจอห์น โบห์เนอร์ จากฝั่งรีพับลิกัน ที่จะลดสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ ในขณะที่นายจอห์น โบห์เนอร์ยอมให้มีการปรับขึ้นอัตราภาษีสำหรับคนรวย แต่ยังตกลงไม่ได้ว่าจะขีดเส้นคนรวยที่รายได้ต่อปีที่ 400,000 หรือ 1 ล้านเหรียญฯ ต่อปี อย่างไรก็ตามทางฝั่งรีพับลิกันเตรียมเสนอแผนภาษีอีกแผนในสภาฯ ที่ด้านโอบามาไม่เห็นด้วย ทำให้ประเด็นจะยังคงยืดเยื้อต่อไป + ราคาน้ำมันเบนซินที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นเกือบ 2% เนื่องจากตลาดกำลังจับตาว่าโรงกลั่น Motiva ที่รัฐเท็กซัสในสหรัฐฯ กำลังการกลั่น 325,000 บาร์เรลต่อวัน ที่เกิดเพลิงไหม้ช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา จะกลับมาเดินเครื่องได้ภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ หลังจากที่เพิ่งเลื่อนจากแผนเดิมในวันพฤหัสฯ ออกไปเป็นวันอาทิตย์ + สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังลดลง 0.96 ล้านบาร์เรล ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ประกอบกับน้ำมันดีเซลคงคลังลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล ในขณะที่น้ำมันเบนซินคงคลังเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล + ดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจเยอรมนีจากทาง IFO ปรับเพิ่มขึ้นจาก 101.4 ในเดือน พ.ย. เป็น 102.4 ในเดือน ธ.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 102.0 ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะยังคงเป็นกลไกสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรในปีหน้าได้ + ยอดการขอสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง ที่ 899,000 หน่วยต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 3.6% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 875,000 หน่วยต่อปี ส่งสัญญาณว่าตลาดบ้านของสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัว ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีแรงขายในตลาดสิงคโปร์ค่อนข้างมาก ในขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีอุปทานน้ำมันเบนซิน 95 ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นในช่วงเดือน ม.ค. ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตามอุปทานในภูมิภาคที่มีค่อนข้างมาก ขณะที่ความต้องการใช้ยังอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากสภาวะอากาศที่ยังไม่หนาวมาก ทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นได้ไม่มากนัก ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ เบรนท์ 105 -112 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 83-90 เหรียญฯ ราคาจะยังคงผันผวนจากแรงกดดันเรื่องปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงสร้างความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบ ติดตามการหารือ Fiscal cliff และการประท้วงครั้งใหม่ในอียิปต์ ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันพฤหัส: จีดีพีไตรมาส 3(Final) ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของธนาคารกลางฟิลาเดลเฟีย รวมทั้งดัชนีความรู้สึกต่อผู้บริโภคยูโรโซน วันศุกร์: รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลสหรัฐ ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจและดัชนีราคาผู้บริโภค และความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจเยอรมนี - ติดตามความคืบหน้าของการหาทางออกให้กับปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ของสหรัฐฯ หลังการหารือล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีโอบามากับจอห์น โบห์เนอร์ ผู้นำคนสำคัญของพรรครีพับลิกันยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงระหว่างกันได้ แต่มีสัญญาณว่าเจรจาแบบลับดังกล่าวดำเนินไปด้วยดี - ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดรอบใหม่ระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์หลังอิสลาเอลประกาศแผนเดินหน้าสร้างที่อยู่อาศัยในเขตเวสต์แบงค์เพื่อตอบโต้ UN ที่รับรองสถานะปาเลสไตน์ให้เป็นรัฐชาติ รวมทั้งสถานการณ์ความรุนแรงในซีเรียยังเป็นที่กังวลต่อนานาชาติโดยเฉพาะประเด็นความเสี่ยงของการใช้อาวุธเคมี - การประท้วงของกลุ่มต่อต้านประธานาธิบดีในอียิปต์และการลงประชามติรับรองรัฐธรรมนูญของอียิปต์ (ครั้งที่ 2) ในวันที่ 22 ธ.ค. นี้ - ติดตามความพยายามล่าสุดในการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปประเด็นโครงการนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนม.ค. จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:22:43

ความคิดเห็นที่ 50 สวัสดีค่าาาาาคุณใหญ่  คุณฮะ  คุณหมูแดง  คุณจุ๊กกุ๊กจัง  คุณ Kading คุณพันเกลียว  คุณตำลึงริมรั้ว  คุณมารหุ้นแสวงพ่าย  คุณมอคค่าปั่น  คุณมาร์Nat_YFS2011  คุณคุณหญิงจิ๋วแจ๋ว  และเพื่อน ๆ ปิ๊ง ๆๆๆ ที่กำลังจะตามมา  ทุก ๆ ท่านเลยนะคะ  ^_^ จากคุณ : ซาลาเปามั้ยคะ :) (joyly_polly) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:24:24

ความคิดเห็นที่ 51 TISCO Market Insight : บทวิเคราะห์กลยุทธรายวัน สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET +15.46 จุด ปิดสูงสุดใหม่รอบ 16 ปี หุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นต่อเป็นวันที่ 4 โดยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวัน-กรอบ 1367-78 และปิดสูงสุดใหม่ในรอบ 16 ปี มีแรงซื้อหุ้นกระจายในหุ้นเกือบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะธนาคาร, ค้าปลีก และสื่อสาร รับประโยชน์จากแนวโน้มการบริโภคภายในปท.ดีขึ้น หลังรัฐบาลลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  ต่างชาติซื้อสุทธิ 1.73 พันลบ.  ทิศทางตลาดวันนี้ : ปรับฐานลงกรอบแคบ รอความชัดเจนจากตปท. หุ้นโลกเมื่อคืน (19 ธ.ค.) ปิดกระจัดกระจาย ยุโรปปิดบวก แต่อเมริกาปิดลบ (ตลาดอเมริกาปิดช้ากว่า) นลท.ยังเฝ้ารอทางออกในการแก้ปัญหาหน้าผาการคลังสหรัฐฯ (Fiscal Cliff) รวมทั้งการประชุม BOJ วันที่ 19-20 ธ.ค. ว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณอีกหรือไม่ มองตลาดมีโอกาสปรับฐานลงในกรอบแคบ หลังขึ้นแรง 4 วันติด มีแนวรับ 1370-74 ส่วนแนวต้าน 1380+/-  กลยุทธ์การลงทุน : ทนแกว่ง อ่อนตัวหาจังหวะสะสมเพิ่ม หุ้นไทยระยะสั้นยังแกว่งไปตามกระแสข่าวความคืบหน้าการแก้วิกฤติหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ (Fiscal Cliff) อย่างไรก็ดี น่าจะสามารถตกลงกันได้ก่อนสิ้นปีนี้ เป็นผลดีต่อหุ้นทั่วไทย (เป้า 1390-1400 ภายในเดือน ม.ค. 56) ประกอบกับยังมีเม็ด LTF & RMF จ่อเข้าลงทุนต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ ประเด็นหุ้นน่าสนใจ (1) หุ้นใหญ่พื้นฐานดี แนะนำ ADVANC, BJC, IVL, KBANK, KK, MAKRO, PTT, TOP, (2) หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีประเด็นเชิงบวกรออยู่ในปีหน้าจากอุปสงค์ภายในประเทศแข็งแกร่งและการลงทุนทั้งของภาครัฐ (โครงสร้างพื้นฐาน) และเอกชน (3G) ชอบ BTS, CPALL, ROBINS, SAMART, SYMC สำหรับการเทรดดิ้งระยะสั้น แนะนำหุ้นที่มีสัญญาณเชิงบวก KKC, MAJOR, SINGER  หุ้นเด่นเล่นสั้น : KKC , SINGER KKC – เพิ่งออกงบ 3Q55 พลิกจากขาดทุน 86 ลบ.เป็นกำไร 59 ลบ. ขณะที่ 9M55 มีกำไร 160 ลบ. เพิ่มขึ้น 8% หลัก ๆ จากการฟื้นตัวของธุรกิจหลังน้ำท่วมใหญ่ปีที่แล้ว และมีการจัดการต้นทุนได้ดี แนวโน้มยังฟื้นตัวต่อเนื่องใน 4Q55 คาดกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ (yield 4%) ในปีนี้ หลังปีที่แล้วไม่จ่าย  SINGER – การลดอัตรภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของรัฐบาลน่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคเพิ่มขึ้นจากกำลังซื้อที่สูงขึ้น เป็นหุ้นที่เพิ่งเข้า FTSE Small Cap. ของไทย มีผล 24 ธ.ค. นี้ มูลค่าเหมาะสม 20 บ. (CONSENSUS)  ปัจจัยติดตาม วันที่ ปท. เหตุการณ์ 19-20 ธ.ค. TH ตัวเลขยอดขายรถยนต์ของไทยในเดือน พ.ย. JP ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) 20 ธ.ค. EU ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหภาพยุโรปในเดือน ธ.ค. (เบื้องต้น) UK ตัวเลขยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน พ.ย. IT ตัวเลขยอดค้าปลีกของอิตาลีในเดือน ต.ค. US ตัวเลข GDP และการบริโภคภายในประเทศของสหรัฐฯ ในไตรมาส 3/55 US ตัวเลขผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจ (Philadelphia Fed.) ของสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. US ตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง และดัชนีชี้นำศก. (Leading Indicator) ของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. US ตัวเลขดัชนีราคาบ้านของสหรัฐฯ (House Price Index) ในเดือน ต.ค.  US ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 15 ธ.ค. 21 ธ.ค. TH เปิดประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติ FR ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของฝรั่งเศสในเดือน ธ.ค. IT ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอิตาลีในเดือน ธ.ค. UK ตัวเลข GDP ของอังกฤษในไตรมาส 3/55 (สุดท้าย) US ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. (สุดท้าย)  US ตัวเลขรายได้, การใช้จ่าย (ในเดือน พ.ย.) และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ (ในเดือน ธ.ค.) จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:24:35

ความคิดเห็นที่ 52 ขนมจีนทานเช้าก็ได้น้าาาา  ^__^ เอามาแลกกับของอร่อย ๆ ของคุณหมูแดงนะคะ :) จากคุณ : joyly_polly เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:25:32

ความคิดเห็นที่ 53 ต้องให้คุณหมูแดงกินครับ จะได้เป็นหมูแดงเต็มตัวกับซาละเปารูปหมู พัค กึน-ฮเย ทายาทอดีตผู้นำเผด็จการแห่งเกาหลีใต้ ตัวแทนของพรรคอนุรักษนิยม เฉือนชนะ มุน แจอิน ผู้สมัครของฝ่ายซ้ายอย่างฉิวเฉียด นั่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ พัค กึน-ฮเย บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีปาร์ก จุง ฮี จอมเผด็จการในอดีตของเกาหลีใต้ นำพรรคอนุรักษ์นิยมคว้าชัยชนะในศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีได้สำเร็จ ในการเลือกตั้งซึ่งมีขึ้นเมื่อวานนี้ โดยผลการนับคะแนนไปได้ 99.3% ปรากฏว่า พัค กึน-ฮเย จากพรรครัฐบาลได้คะแนน 51.6% จากผู้ใช้สิทธิทั้งหมด ขณะที่นายมูน แจ อิน คู่แข่งจากพรรคฝ่ายค้านได้ 48% หลังได้รับชัยชนะแล้วเธอได้กล่าวขอบคุณทุกคนในพรรคที่ร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ จนทำให้ประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม ความสำเร็จของเธอกำลังเป็นที่จับตา เพราะนับแต่ศตวรรษที่ 9 เป็นต้นมา เกาหลีไม่เคยมีผู้นำที่เป็นสตรี อีกทั้งประเพณีของชาวเกาหลีใต้ สตรีเป็นช้างเท้าหลัง ดังนั้น จึงมีสตรีจำนวนไม่น้อยที่ได้รับค่าจ้างต่ำกว่าบุรุษ และไม่ได้รับการส่งเสริม แม้จะมีการศึกษาที่ดีกว่า หรือมีความรับผิดชอบต่องานและครอบครัวมากกว่าบุรุษก็ตาม ส่วนนโยบายเกาหลีเหนือที่เธอประกาศช่วงหาเสียงว่าจะเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดที่ยืดเยื้อมากว่า 5 ปี ก็ถูกมองว่าจะทำได้จริงแค่ไหน ทั้งนี้ พัค กึน-ฮเย วัย 60 ปี ไม่เคยแต่งงานและไม่มีบุตร และเหตุผลที่เรียกคะแนนนิยมแก่เธอ เนื่องจากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงส่วนมากต่างเบื่อหน่ายเกี่ยวกับปัญหาคอรัปชันอื้อฉาวที่ห้อมล้อมครอบครัวเหล่าผู้นำประเทศที่ผ่านมา โดยเธอจะเข้ารับตำแหน่งผู้นำคนใหม่ต่อจากนายลี มยอง บัก ซึ่งจะหมดวาระการบริหารประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:26:20

ความคิดเห็นที่ 54 อะ อะ  ไมโพสต์ไปซ้ำ  ^^"  งั้นคุณหมูแดงทานเลยนะคร้าาาจะได้เป็นซาลาเปาหมูแดงแบบคุณฮะว่า  ฮี่ๆๆๆ  :) แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 55 09:29:56 จากคุณ : หนาวจุงเบย ^^ (joyly_polly) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:27:03

ความคิดเห็นที่ 56 ช้าร้อน  กาแฟร้อนมะคะ  ทานเย็น ๆไม่ไหวคร่าาา  ทางนี้ยังฝนตกอยู่เลยยย แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 55 09:30:38 จากคุณ : หนาวจุงเบย ^^ (joyly_polly) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:29:02

ความคิดเห็นที่ 57 สถานะ "หนี้นอกระบบ" ประเทศไทยพุ่งขึ้น!! จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:47:41

ความคิดเห็นที่ 58 นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานกรอบแคบ โดยมองว่านักลงทุนอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากต่างประเทศใน 2 เรื่อง คือ เรื่องของการเจรจางบประมาณของสหรัฐฯ หรือ Fiscal Cliff ว่าจะมีทางออกอย่างไร ซึ่งนักลงทุนคาดหวังว่าจะมีทางออก แต่ขณะที่ยังรอความชัดเจนออกมาจากทางผู้นำสหรัฐฯ ตลาดหุ้นก็ยังจะผันผวนไปตามกระแสข่าว และนักลงทุนยังรอผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) เช้านี้ ต้องรอดูว่าจะมีนโยบายผ่อนคลายทางการเงินออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากที่สหรัฐฯ ได้มีการทำ QE4 ไป ก็จะต้องรอดูว่าทางญี่ปุ่นเองจะตอบสนองอย่างไร พร้อมให้แนวรับ 1,370-1,374 จุด แนวต้าน 1,380 จุด ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน : - ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(19 ธ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,251.97 จุด ลดลง 98.99 จุด (-0.74%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,435.81 จุด ลดลง 10.98 จุด(-0.76%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,044.36 จุด ลดลง 10.17 จุด(-0.33%) - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 67.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 20.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 31.34 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.32 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 0.82 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.37 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 1.90 จุด - ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(19 ธ.ค.)1,378.40 จุด เพิ่มขึ้น 15.46 จุด(+1.13%) - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,029.68 ล้านบาท เมื่อ 19 ธ.ค.55 - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(19 ธ.ค.) ที่ 89.51 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลลาร์หรือ 1.8% - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(19 ธ.ค.) ปิดที่ 6.2 เหรียญฯ/บาร์เรล - เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 30.61/63 ไร้ปัจจัยหนุน-รอผลประชุม BOJ - ธนาคารโลกประเมินแนวโน้มราคาข้าวโลก รัฐบาลเลี่ยงขาดทุนจำนำข้าว คาดปีละ 1.5 แสนล้าน หรือ 1.3% ของจีดีพี ห่วงต้นทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปีนี้สูงถึง 3.76 แสนล้านบาท เทียบเท่า 3.8% ของจีดีพี ส่วน ปีหน้าต้องใช้งบถึง 4.5 แสนล้านบาท แนะจัดสรรงบช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย-เร่งพัฒนาพันธุ์ข้าว - "คลัง"มั่นใจบริหารจัดการหนี้สาธารณะได้ ไม่มีปัญหา ด้าน"ทีดีอาร์ไอ"ชี้ประชานิยมปัจจัยเสี่ยง ฉุดเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าเป้าหมาย"สถาบันอนาคตไทย"จับตาอัตราการเพิ่มของหนี้ ย้ำก่อหนี้เพื่อลงทุนเป็นยากระตุ้น แต่ถ้าไม่เกิดผลผลิตรอเวลาระเบิด ด้านจุฬาฯกังวลก่อหนี้ซ้ำรอยวิกฤติยุโรป - รมว.พลังงาน กล่าวหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมกบง.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี ภาคครัวเรือน เพื่อทำหน้าที่กำหนดแนวทางลดผลกระทบหลักเกณฑ์และคุณสมบัติผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับราคาแอลพีจีเริ่มเดือน ก.พ.2556 โดยเพิ่มจำนวนการช่วยเหลือจาก 4 ล้านครัวเรือนเป็น 9 ล้านครัวเรือน ซึ่งจะใช้เงินในการช่วยเหลือกว่า 6,000 ล้านบาท - น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลกสำนักงานประเทศไทย กล่าวว่าหนี้สาธารณะของไทยในปี 2556 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 45% ในปีนี้ ไปอยู่ในระดับ 50% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) หากรัฐบาลยังดำเนินโครงการประชานิยมไม่ยอมหยุดหนี้สาธารณะจะสูงจนเกินไป - คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย มีมติอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 39 โครงการมูลค่าการลงทุนรวม 3.14 หมื่นล้านบาทแบ่งเป็นการอนุมัติภายใต้มาตรการ เพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย32 โครงการ มูลค่า 2.79 หมื่นล้านบาทในจำนวนนี้มีเพียงโครงการเดียวที่ย้ายที่ตั้งใหม่ คือ บริษัท ไอเอ็ม อิเล็กทรอนิกส์ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ย้ายไปจ.สมุทรปราการ - เวิลด์แบงก์ทบทวนเศรษฐกิจไทยปีหน้าโตได้ 5% ส่งออกฟื้น-รัฐอัดฉีดผ่านโครงการน้ำท่วม เตือนรับจำนำข้าวขาดทุนอย่างต่ำๆกว่าแสนล้าน ลากแบงก์เฉพาะกิจรับภาระไปด้วย แนะโยกเงินพัฒนาอย่างยั่งยืน *หุ้นเด่นวันนี้ - AOT (เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 96 บาท คาดว่าระยะสั้นจะได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น โดยล่าสุดในเดือน พ.ย. จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20% เป็น 2.3 แสนคนต่อวัน ทำให้เที่ยวบินขึ้นลงที่สนามบินเพิ่มขึ้นสูง คาดแนวโน้มรายได้ใน 4Q55 จะแข็งแกร่ง ขณะที่การพิจารณาการปรับขึ้นค่าใช้บริการสนามบินน่าจะได้รับการอนุมัติภายในเดือน ธ.ค. นี้จะเป็นบวกต่อผลประกอบการในปี 2556 และเพิ่มมูลค่าหุ้นอีก 11 บาท - PTTEP (เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 177 บาท ราคาหุ้นตอบรับเชิงบวกหลังการเพิ่มทุนผ่านไปด้วยดี แม้ว่าจะมี Dilution จากการเพิ่มทุนแต่คาดว่า EPS ปี 2556 จะเติบโต 15% YoY จากราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มหลังปรับราคาก๊าซฯขึ้น ประกอบกับ ยอดขายที่สูงขึ้นจากการเริ่มดำเนินการของโครงการมอนทารา ทำให้เชื่อว่ายอดขายรวมปี 56 เติบโต 16.2% ราคาหุ้นถูกมากเมื่อเทียบกับธุรกิจ E&P ที่มีขนาดใกล้เคียงกันในภูมิภาค - BCP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 33 บาท แนวโน้มผลประกอบการ 4Q55 คาดว่าจะออกมาดีกว่ากลุ่มโรงกลั่นที่มีแนวโน้มผลประกอบการลดลง QoQ หลังไม่มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันจำนวนมาก และมีโอกาสดีกว่าตลาดประเมินไว้ เนื่องจากค่าการกลั่นที่คาดจะสูงกว่าเคยประเมินไว้ที่ 8 เหรียญต่อบาร์เรล และการรับรู้ผลบวกจากประกันความเสียหายบางส่วน คาดผลประกอบการของ BCP จะโดดเด่นกว่ากลุ่มต่อเนื่องไปใน 1Q56 จากการรับรู้การผลิตหน่วยกลั่นที่ 3 อย่างเต็มที่ และการรับรู้โครงการโซลาร์ฟาร์มเฟส 2 ที่จะเปิดดำเนินการในช่วงกลาง 1Q56 - DCON(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ" ปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 10.60 บาทจากเดิม 9.80 บาท จากการปรับกำไรปีนี้ขึ้น 9% เป็น 140 ล้านบาท(โต 69%)และปีหน้าปรับเพิ่ม 8% เป็น 168 ล้านบาท (โต 20%) เพราะรายได้จากธุรกิจวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มดีกว่าคาด และจะมีกำลังการผลิตแผ่นพื้นคอนกรีตเพิ่มขึ้นอีก 20% กลางปีหน้า และยังมีแผนเปิดโครงการคอนโด หนุนรายได้ตั้งแต่ปลายปี 2014 เป็นต้นไป จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:49:12

ความคิดเห็นที่ 59 ซีพี ประกาศ 'เอ็มจี' คืนทุนใน 7 ปี ประเทศไทย ได้ชื่อว่าเป็น "ดาวเด่น" ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่มีการเติบโตมาโดยตลอด คาดว่า "การผลิต" จะทำได้ทั้งสิ้น 2.3 ล้านคัน มียอดขายในประเทศ 1.4 ล้านคัน ในปีนี้ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี การผลิตจะเพิ่มเป็น 3 ล้านคัน ก้าวขึ้นสู่ 1 ใน 10 ผู้ผลิตรถยนต์โลก อุตสาหกรรมที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ดึงดูดความสนใจจากค่ายรถต่างชาติเข้ามาลงทุนจำนวนมาก ทั้ง ญี่ปุ่น ยุโรป และ อเมริกา และล่าสุดผู้เล่นหน้าใหม่จากจีน ตัดสินใจเข้าดำเนินธุรกิจในไทย ผ่านความร่วมมือขององค์กรยักษ์ใหญ่ เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี นายนพดล เจียรวนนท์ รองประธานกลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม บริษัท อี.ซี.ไอ. กรุ๊ป จำกัด ในเครือซีพี กล่าวว่า ซีพี สนใจธุรกิจด้านยานยนต์มายาวนาน ตั้งแต่ 27 ปี ที่แล้ว ได้เข้าร่วมทุนกับ บริษัท เซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ อินดัสตรีส์ จำกัด (SAIC) ประเทศจีน ทำธุรกิจรถจักรยานยนต์ ซินฟู ก่อนจะเลิกไป จากนั้น ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เข้าร่วมทุนทำตลาดจักรยานยนต์ "ต้าหยาง" ซึ่งยังดำเนินการอยู่ถึงปัจจุบัน มียอดขาย 1.6 ล้านคัน ในปีที่ผ่านมา ในส่วนของธุรกิจรถยนต์ ซีพี เคยสนใจทำตลาด "เฌอรี่" เมื่อหลายปีก่อน แต่สุดท้ายล้มเลิกโครงการไป เนื่องจากเห็นว่าสินค้าไม่เหมาะกับเมืองไทย กระทั่งเมื่อปี 4 ที่แล้ว ได้รับการติดต่อจากพันธมิตรเก่า "เอสเอไอซี" ผู้ผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งของจีนในปัจจุบัน ที่ต้องการขยายตลาดออกนอกประเทศ โดยหลังจากทำการศึกษาในหลายๆ ตลาดแล้วเห็นว่า ไทย มีความเหมาะสมที่สุด จึงตัดสินใจร่วมทุนจัดตั้งบริษัท ซีพี มอเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด โดยซีพีถือหุ้น 49% เอสเอไอซี 51% "ปัจจุบัน จีนมีเงินเยอะมาก รัฐบาลก็พยายามสนับสนุนให้ธุรกิจในประเทศขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย" นายนพดล กล่าว การขยายธุรกิจออกสู่ต่างประเทศของ "เอสเอไอซี" ต้องการที่จะสร้างฐานการผลิตรถพวงมาลัยขวา เสริมกับการผลิตพวงมาลัยซ้ายในจีน และเห็นว่าไทยมีความแข็งแกร่งที่สุด มีความพร้อมในหลายด้าน มีความคล่องตัวในการส่งออก เนื่องจากเป้าหมายหลักของการลงทุนในครั้งนี้อย่างหนึ่งคือการส่งออกรถจากไทย โดยกำหนดตลาด คือ เพื่อนบ้านในอาเซียนที่ใช้พวงมาลัยขวา เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และขยายต่อไปยัง ออสเตรเลีย ดึงชิ้นส่วนจีนเข้าไทย ปัจจุบัน เอสเอไอซี ผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อ ทั้งที่เป็นของตนเอง และที่ซื้อกิจการมาจากผู้ผลิตอื่น ส่วนรถที่จะเข้ามาผลิตในเมืองไทย คือ เอ็มจี (MG) รถชื่อดังจากอังกฤษ ที่ซื้อกิจการมาเมื่อหลายปีก่อน เป็นการตัดสินใจร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย โดย ซีพี เห็นว่า เอ็มจี เป็นรถที่คนไทยรู้จักและยอมรับ เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ แต่หายไปจากตลาดประมาณ 30 ปี อย่างไรก็ตามเชื่อว่าชื่อเสียงในอดีต ผนวกกับแผนการทำตลาดที่มีประสิทธิภาพ จะสามารถฟื้นแบรนด์ "เอ็มจี" ได้ไม่ยาก นายนพดล กล่าวว่า การทำงานหนัก บวกกับการวางแผนที่ดี ทำให้เชื่อมั่นว่า แผนการลงทุนเฟสแรก 1 หมื่นล้านบาท สำหรับการผลิต 5 หมื่นคันต่อปี จะสามารถคุ้มทุนอย่างช้าที่สุดภายใน 7 ปี แต่ลึกๆ แล้วเชื่อว่าจะทำได้เร็วกว่านั้น สำหรับการผลิตในไทย ช่วงเริ่มต้นจะใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (local content) 40% เพื่อที่จะสามารถส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ตามข้อบังคับ อาเซียน คอนเทนท์ โดยขณะนี้ได้ติดต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ส่วนในอนาคตอันใกล้ จะเพิ่มให้ได้เป็น 60% ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มการจ้างงานในประเทศ การเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ผลิตชิ้นส่วนจากจีนที่ป้อนให้กับเอสเอไอซีจะตามเข้ามาลงทุนในไทย เนื่องจากนโยบายของผู้ผลิตชิ้นส่วนคล้ายกับผู้ผลิตรถยนต์ คือต้องการออกนอกประเทศมากขึ้น และเห็นว่าไทยเป็นฐานผลิตที่น่าสนใจเช่นกัน มั่นใจมา "ถูกเวลา" เปิด 3 รุ่น ปี 2557 สำหรับการเปิดตลาดในไทย จะเริ่มต้นในปี 2557 อย่างไรก็ตามรถที่เปิดตัวในช่วงแรกจะเป็นการจ้างประกอบ เพื่อรอโรงงานที่เตรียมการก่อสร้างในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยใช้พื้นที่ 150 ไร่ ก่อนจะเพิ่มเป็น 700 ไร่ ในอนาคต รองรับแผนเพิ่มผลิตเป็น 2 แสนคัน โดยรถที่จะเปิดตัวในช่วงแรก คือ เอ็มจี 3 ขนาดเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร ราคา 5-7 แสนบาท และ เอ็มจี 6 เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ราคา 9 แสนบาท - 1.3 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายมีทั้งกลุ่มนักศึกษาและบุคคลทั่วไปที่ต้องการความแตกต่าง และสมรรถนะของรถ ซึ่งมั่นใจว่าไม่เป็นรองคู่แข่งในตลาด เนื่องจากเป็นรถที่ทางเอสเอไอซี ให้ความสำคัญอย่างมาก โดยที่ผ่านมาลงทุนไปกว่า 2 หมื่นบาท สำหรับวิจัยและพัฒนา หลังจากซื้อกิจการมาจากอังกฤษเมื่อ 5 ปีที่แล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีศูนย์วิจัยและพัฒนาที่อังกฤษทำงานควบคู่กันไปด้วยหลังจากนั้นจะเปิดตัว เอ็มจี 5 เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ราคา 7-9 แสนบาท การเปิดตัวในปี 2557 ซีพี มั่นใจว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากรถยนต์จะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง หลังจากที่ค่ายรถยนต์ต่างๆ คาดการณ์ว่าตลาดจะหดตัวลง 10-15% ในปีหน้า หลังจากหมดโครงการรถคันแรก "เราเชื่อว่า นั่นเป็นจังหวะที่ดีที่ตลาดกำลังขึ้น และเชื่อว่าปี 2557 ตลาดรถยนต์โดยรวมจะทำได้มากกว่าปีนี้ ส่วนเครือข่ายการจัดจำหน่ายและบริการ เริ่มแรกบริษัทจะลงทุนเองในพื้นที่ 4 มุมเมืองกรุงเทพ ก่อนที่จะขยายออกสู่ตลาดต่างจังหวัดต่อไป" ทั้งนี้ แนวทางการทำตลาด บริษัทจะพยายามอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในอดีต เช่น การหาอะไหล่มาให้บริการ เพื่อสร้างความรู้สึกที่ดี และยกระดับสินค้าขึ้น ส่วนแผนการในอนาคต บริษัทสนใจที่จะทำตลาดรถตู้ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความต้องการสูง และที่สำคัญ คือ ทาง เอสเอไอซี มีแผนพัฒนารุ่นพวงมาลัยขวา ซีพี เคยสนใจที่จะทำตลาดรถตู้มาแล้วช่วงหนึ่ง เมื่อครั้งที่ยังเป็นพันธมิตรกับเฌอรี่ แต่ติดปัญหาคือ เฌอรี่ ไม่พัฒนารุ่นพวงมาลัยขวาออกสู่ตลาด มีเพียงการดัดแปลงจากรุ่นพวงมาลัยซ้ายเท่านั้น ซึ่งในครั้งนั้น ซีพี มองว่าเป็นการสูญเสียโอกาสครั้งสำคัญ เนื่องจากเป็นช่วงที่รถตู้เติบโตอย่างมากจากความต้องการของลูกค้าในตลาดขนส่งและท่องเที่ยว นอกจากนี้ทาง เอสเอไอซี ยังให้ความสนใจในตลาดปิกอัพ เนื่องจากเห็นว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของไทย และไทยเป็นตลาดอันดับหนึ่งของโลก ของรถปิกอัพ 1 ตัน อีกด้วย "เขาบอกว่าจะดีไซน์รถปิกอัพ สำหรับเมืองไทย แต่เราบอกว่า ไม่ต้องรีบ ให้เข้ามาก่อน มาทำตลาด มาศึกษาตลาดแล้วค่อยดีไซน์ดีกว่า" นายนพดล กล่าว เพิ่มสัมพันธ์เอสเอไอซีลุยอาเซียน ความสัมพันธ์ทางธุรกิจของ ซีพี กับ เอสเอไอซี ไม่ได้จำกัดอยู่ในไทยเท่านั้น แต่ทั้ง 2 ฝ่าย มีแนวคิดที่จะร่วมมือกันในอนาคต คือ การเข้าไปทำธุรกิจในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่ เอสเอไอซี สนใจเช่นกัน โดยอาจจะมีการตั้งโรงงานประกอบรถในประเทศดังกล่าว ซึ่งเป็นยี่ห้ออื่น ที่มีความเหมาะสมกับตลาด "อย่างเช่น อินโดนีเซีย ชอบรถประเภทเอสยูวี หรือ เอ็มพีวี 7 ที่นั่ง ซึ่งทาง เอสเอไอซี ก็มีรุ่นประเภทนี้อยู่ จึงต้องการเข้าไปทำตลาด และชักชวนมาทางซีพี" นายนพดล กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง ซีพี กับ เอสเอไอซี ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการรวมตัวกันของ 2 องค์ใหญ่ 2 ประเทศ ที่เชื่อว่าจะนำความสำเร็จมาสู่ทั้ง 2 ฝ่าย และเป็นโครงการที่ ซีพี สนใจอย่างมาก "ท่านประธาน (ธนินท์ เจียรวนนท์) ก็ให้ความสนใจกับธุรกิจนี้อย่างมาก ซึ่งการที่ท่านสนใจ ก็ทำให้ผมต้องทำงานหนักขึ้น" จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:50:49

ความคิดเห็นที่ 60 *PTTEP -นสพ.รายงาน นักลงทุนต่างชาติไล่เก็บหุ้น PTTEP หลังได้หุ้นเพิ่มทุนน้อยโดดเข้าเก็บเพิ่มผ่านกระดานบิ๊กล็อต หลังโบรกฯ ให้ราคาเป้าหมายสูงถึง 190 บาท/หุ้น ดันมาร์เก็ตแคปหุ้นพุ่งทะยาน 6.4 แสนล้านบาท ขึ้นแท่นเบอร์สอง แซงหน้า ADVANC ที่ทำได้ 6.2 แสนล้านบาท *LOXLEY -นสพ.รายงาน หวยออนไลน์ไม่สะเด็ดน้ำ"ทนุศักดิ์" สั่งรอแก้กม.ก่อนเดินหน้าระบุมี 2 ฉบับ ของส.ส.และหม่อมอุ๋ย ขณะที่กฤษฎีกายืนยันหวย 2 ตัว 3 ตัว ตามสัญญากับล็อกซเล่ย์ใช้กฎหมายเดิมได้ไม่ต้องแก้ แบ่งเงินรางวัล 60% เข้ารัฐ 28% และค่าใช้จ่าย 12% *BIGC,CPALL,HMPRO -นสพ.รายงาน หุ้นค้าปลีก BIGC-CPALL-HMPRO ตีปีก หลังครม.เห็นชอบลดภาษีบุคคลธรรมดาโดยลดอัตราสูงสุดลงจาก 37% เหลือ 35% และซอยขั้นบันไดภาษีถี่ขึ้นจากเดิม 10-37% เป็น 5-35% ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/55 น่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น รับเป็นช่วงเทศกาลส่งท้ายปีดันยอดขายเพิ่ม *MBK -นสพ.รายงาน ตั้งเป้าหมายรายได้ปีหน้าโต 5-6% จากปีนี้ หลังจะขึ้นค่าเช่าในศูนย์การค้า 4-5% ขณะที่กำไรมองใกล้เคียงปีนี้ คาดได้รับผลกระทบจากการมีค่าใช้จ่ายจากการเช่าพื้นที่ของจุฬาฯ ที่สูงขึ้นมาก *AOT -นสพ.รายงาน ปัญหาเสียงดังสุวรรณภูมิยืดเยื้อ ผู้ได้รับผลกระทบเข้าพบ "ชัชชาติ" ขอปรับหลักเกณฑ์ชดเชย ด้านเอ็มดี AOT ระบุ ถ้าเปลี่ยนหลักเกณฑ์ใหม่ ต้องแก้มติหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกเพียบ แถมงบบานปลาย ส่วนรมว.คมนาคม ขอเวลาศึกษา 1 เดือน ก่อนส่งข้อมูลให้ ครม.ตัดสินใจ เหตุเรื่องเกิดก่อนรับตำแหน่ง *PTTGC -นสพ.รายงาน คึกรับอานิสงส์สเปรดราคา MEG และ Spread (MEG-Naptha) ปรับตัวแตะ 1,105 ดอลลาร์ต่อตัน และ 173 ดอลลาร์ต่อตัน ด้วยกำลังการผลิต MEG ที่ 3.95 แสนตันต่อปี ด้านผู้บริหารการันตีผลงานไตรมาส 4/2555 เด่นกำไรเด้งแรง สวนรายได้วิ่งแตะ 5 แสนล้านบาท *JTS -นสพ.รายงาน กินรวบงาน 3G "หัวเรือใหญ่"ส่งซิกจ่อเซ็นสัญญา TOT และ CAT มูลค่าเฉียด 4 พันล้านบาท แถมผนึกพันธมิตรผู้ผลิตโกยงานเต็มพอร์ตปูทางธุรกิจใหม่ MVMO ดันฐานกำไรปี 2556 สุดโต่ง ชี้ค่ายดัง AIS DTAC TRUE เรียงคิวป้อนออเดอร์ ส่วนงบ Q4/2555 สุดเริ่ด *BCH -นสพ.รายงาน  ปักธงรายได้ปี 2556 เติบโตทะลุ 20% มั่นใจ WMC ช่วยโกยรายได้ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป พร้อมเตรียมเปิดคลินิกขนาดใหญ่ในอำเภอแม่สาย หวังกวาดกลุ่มลูกค้าชาวพม่า ส่วนแผนลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลบนถนนรามคำแหงยังอยู่ระหว่างรอ EIA มั่นใจเห็นเสาเข็มต้นแรกไม่เกินปี 2557 *ANAN -นสพ.รายงาน ลั่นมีแผนเข้าเทกโอเวอร์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่ม หลังก่อนหน้านี้ฮุบ ADO มาแล้ว ตั้งเป้ายอดขายในปีหน้า 13,300 ล้านบาท ส่วนรายได้ตั้งเป้า 12,200 ล้านบาท พร้อมผุดโครงการ 13 โครงการ มูลค่ารวม 23,800 ล้านบาท *TAPAC -นสพ.รายงาน จ่อชงบอร์ดแจกปันผลผู้ถือหุ้นช่วงมกราคมนี้ หลังโชว์กำไรงวดปี 2555 โตทุบสถิติรอบ 5 ปี มาอยู่ระดับ 46.67 ล้านบาท พร้อมลั่นแจกไม่ต่ำกว่า 40% ส่วนงวด Q1/2556 เชื่อผลงานไฉไลกว่า Q1/2555 ที่มีรายได้ 118.24 ล้านบาท หลังออเดอร์ทะลักอื้อ ด้านผู้บริหาร ตั้งเป้าปีนี้ยอดขายพุ่ง 10% จากปีก่อน รับอุตสาหกรรมขยายตัว แถมยิ้มรับนโยบายลดภาษี-เครื่องจักรใหม่หนุนงบแจ๋ว *TCAP -นสพ.รายงาน ยอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อไตรมาส 4/2555 ยังพุ่งแรง รับแรงส่งยอดขายรถยนต์เร่งตัวหลังใกล้หมดนโยบายรถยนต์คันแรก มั่นใจพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อสิ้นปีนี้ทะลุ 3 แสนล้านบาท พร้อมลุ้นยอดปล่อยสินเชื่อทะยานต่อครึ่งปีแรกของปี 2556 *SSC -นสพ.รายงาน ดี๊ด๊าน้ำอัดลม "เอส" ได้รับการตอบรับดีเกินคาด โชว์ยอดขายเกิน 1 พันล้านบาท ทะลุเป้าหมายหนุนผลประกอบการไตรมาส 4/2555 แกร่งจากขาดทุน 120 ล้านบาทในไตรมาส 3/2555 พร้อมส่งน้ำอัดลมสีวางตลาดเพิ่ม 3 รส เขียว ส้ม และเลมอนไลม์ ภายในเดือนธันวาคมนี้ ดันยอดขายเพิ่ม *ADVANC,DTAC,TRUE -นสพ.รายงาน บอร์ดทีโอทีรื้อ 3จีเฟส 2 มุ่ง 4จี เร่งวางยุทธศาสตร์ทางรอดระยะยาว 5 ปี รองรับสัมปทานสิ้นสุด *กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ -นสพ.รายงาน โบรกเกอร์ประเมินไตรมาส 4 กำไรกลุ่มอสังหาฯ ลุ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ราคาหุ้นทุบสถิติในรอบหลายปี ได้อานิสงส์รับรู้รายได้จากแบ็คล็อกสูง แต่ปีหน้ารัฐขาดมาตรการกระตุ้น แถมเจอปัญหาแรงงานขาด หลังค่าแรงปรับขึ้น ฉุดยอดขายโตต่ำ *ITD -นสพ.รายงาน  "นิวัฒน์ธำรง"ปฏิเสธข่าว"เต็งเส่ง"ขอลดขนาดท่าเรือน้ำลึกทวาย ยืนยันลดพื้นที่ไม่ได้ นายกฯต่อยอดจีบบังกลาเทศเชื่อมเส้นทางค้า *LEE -นสพ.รายงาน ตัดหุ้นที่ซื้อคืนพร้อมลดทุน หลังบริษัทซื้อหุ้นคืนแล้วเสร็จและยังไม่จำหน่ายหุ้นจำนวนดังกล่าวในกรอบเวลา ที่กำหนด เหตุราคาหุ้นในตลาดต่ำกว่าราคาที่ซื้อมา ส่งผลให้ต้องดำเนินการตัดหุ้น และลดทุนทำให้เหลือทุนจดทะเบียน 929,070,000 หุ้น และทุนชำระแล้ว 687,550,540 หุ้น *MBK, PRG -นสพ.รายงาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค ผู้บริหารศูนย์การค้าเอ็มบีเค ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีความต้องการจะขายกิจการธุรกิจข้าวถุงตรามาบุญครอง หลังทำธุรกิจมานานถึง 30 ปี เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท ประกอบกับผลกำไรเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง *กลุ่มไอที -นสพ.รายงาน ประธานกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ทีโอที เปิดเผยว่า คณะกรรมการหรือบอร์ดทีโอทีมีนโยบายให้ทบทวนโครงการขยายโครงข่าย 3จี เฟส 2 โดยมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีแอลทีอี 4จี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอนาคตมากกว่าที่จะดำเนินการเรื่อง3จี ต่อไป เพื่อให้สามารถแข่งขันและรองรับความต้องการของตลาดได้ เพราะขณะนี้เทคโนโลยี 3จี สำหรับทีโอทีล่าช้าเกินไป จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:52:01

ความคิดเห็นที่ 61 โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ-ถือ"หุ้น บมจ.เอสวีไอ(SVI)มองแนวโน้มผลประกอบการกลับมาสู่ทิศทางการฟื้นตัวหลังจากเผชิญผลพวงของความเสียหายหากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปี 54 คาดว่าจะเห็นการเติบโตชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2/56 และเติบโตต่อเนื่องไปถึงปี 57 เนื่องจากการผลิตทำได้เต็มที่เมื่อติดตั้งเครื่องจักรใหม่แล้วเสร็จ พร้อมกันนั้นบริษัทยังได้ลูกค้าใหม่เข้ามาช่วยผลักดันรายได้และกำไร โดยมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่มประมาณ 4-5 ราย ในกลุ่ม Industrial, Medical รวมถึงการขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม component เพื่อผลิตให้ลูกค้าในญี่ปุ่น ทำให้ยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2/56 คาดว่ากำไรก่อนรายการพิเศษในปีหน้าจะเติบโตก้าวกระโดด อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นในไตรมาส 4/55 คาดว่ายอดขายยังน่าจะออกมาทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 3/5 แต่จากยอดรับรู้เงินชดเชยความเสียหายจากน้ำท่วมจะช่วยให้ในไตรมาสสุดท้ายและทั้งปี 55 ผลประกอบการของบริษัทจะพลิกเป็นมีกำไร และมีลุ้นจ่ายเงินปันผลได้ โบรกเกอร์                                           คำแนะนำ                    ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.กรุงศรี                                               ซื้อ                                    4.80 บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง                                      ซื้อ                                    4.80 บล.ดีบีเอส                                                  ซื้อ                                    4.80 บล.ธนชาต                                               ซื้อ                                    4.70 บล.เอเชีย พลัส                                              ถือ                                    4.20 บล.เกียรตินาคิน                                          ถือ                                    4.00 บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)                              ถือ                                    3.86 นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น SVI เนื่องจากปีนี้สภาพคล่องของกิจการเริ่มดีขึ้นหลังได้รับเงินประกันความเสียหายจากเหตุน้ำท่วม ทำให้มีโอกาสนำเงินไปชำระหนี้ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการเงินกลับมาสู่ระดับปกติ พร้อมทั้งพลิกกลับมามีกำไรสะสมในปี 55 อาจกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ โดยประเมินการอัตราเงินปันผลที่ 0.13 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนราว 3.4% แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/55 คาดว่ารายได้จะใกล้เคียงกับไตรมาส 3/55 ขณะที่อัตรากำไรน่าจะผ่านจุดย่ำแย่ที่สุดไปแล้ว การฟื้นตัวของผลประกอบการจะเป็นปกติได้ภายในไตรมาส 1/56 ด้วยคำสั่งซื้อจากลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่หลายรายที่อยู่ระหว่างทดลองผลิต ซึ่งจะสร้างรายได้ชัดเจนในปี 56 โดยคาดว่าจะช่วยผลักดันกำไรเติบโต 50% yoy ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี มองว่า แนวโน้มผลประกอบการจะกลับมาเติบโตสูงกว่ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในปี 56 เนื่องจากการผลิตฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติ คาดกำไรก่อนรายการพิเศษปีหน้าจะเติบโตก้าวกระโดดกว่า 91% yoy มาที่ 732 ล้านบาท จากคำสั่งผลิตที่จะกลับสู่ระดับปกติ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวจากการประหยัดต่อขนาด(Economy of scale)ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น และประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้นจากเครื่องจักรใหม่ และคาดว่าผลประกอบการจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 57 ตามคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหม่ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะชิ้นส่วนอุปกรณ์สื่อสารของลูกค้าญี่ปุ่น และอุปกรณ์การแพทย์ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเติบโตจากการเข้าซื้อกิจการ ส่วนในระยะสั้นทิศทางผลประกอบการไตรมาส 4/55 ถึงไตรมาส 1/56 คงยังอ่อนแอ แต่จะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2/56 เป็นต้นไป ส่วน น.ส.นารี อภิเศวกานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป มองว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส3/55 ออกมาต่ำกว่าคาดทั้งยอดขาย จากผลของการติดตั้งเครื่องจักรล่าช้าทำให้ใช้กำลังการผลิตที่ไม่เต็มที่ และต้นทุนค่าแรงปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายก็เพิ่มขึ้นจากหนี้เงินกู้นำมาซื้อเครื่องจักรใหม่ และคาดว่าจะยังส่งผลต่อเนื่องถึงไตรมาส 4/55 แต่สถานการณ์จะเริ่มกลับมาดีขึ้นหลังจากกลับมาผลิตได้เต็มที่หลังการติดตั้งเครื่องจักรใหม่เสร็จแล้ว รวมถึงได้ลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่ม 4-5 ราย คาดว่าจะส่งผลอย่างมีนัยต่อผลการดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาส 2/56 เป็นต้นไป โดยลูกค้าใหม่อยู่ในกลุ่ม Industrial, Medical ซึ่งยังเป็นลูกค้าในกลุ่มสแกนดิเนเวีย รวมถึงขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม component เพื่อผลิตให้ลูกค้าในญี่ปุ่น คาดการณ์ยอดขายปี 56 เพิ่มขึ้น 16% yoy โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของยอดขายลูกค้าใหม่ราว 10-15% yoy และคาดว่า margin จะดีขึ้น yoy จากสัดส่วนการขายสินค้า margin สูงมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่ม component, medical และ Industrial อีกทั้งการจ่ายคืนหนี้ไปจะส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง ประมาณการกำไรสุทธิก่อนรายการพิเศษคาดจะขยายตัว 59% yoy(ไม่รวมเงินประกันที่จะได้คืนจากน้ำท่วม)แต่กำไรสุทธิคาดจะอยู่ที่ 626 ล้านบาท ลดลง 45% yoy เนื่องจากปี 55 มีการรับรู้เงินชดเชยน้ำท่วมเข้ามา น.ส.มินทรา รัตยาภาส นักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ผลประกอบการ SVI จะชะลอตัวลงในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยประเมินยอดขายไตรมาส 4/55 ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/55 ที่ 66-67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ผลกระทบการขึ้นค่าแรงและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่เห็นการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้นที่ 8% ในไตรมาส 3/55 กำไรปกติ(ไม่รวมเงินประกัน)ประมาณ 88 ล้านบาทในไตรมาส 4/55 จะใกล้เคียงกำไรปกติในไตรมาส 3/55 แต่ลดลง 30% yoy เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างประเมินเงินเครมประกันกับบริษัทประกันอีกครั้ง โดยปีนี้จะบันทึกเงินเคลมประกัน 800-900 ล้านบาท ซึ่งจะบันทึกราว 200 ล้านบาทในไตรมาส 4/55 ส่วนปี 56 คาดว่ายอดขายเติบโต 15-20% จากปี 55 หรือมียอดขายประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยบริษัทมีลูกค้าใหม่ 5 ราย เป็นลูกค้ากลุ่ม Industrial 2-3 ราย กลุ่มสินค้า Medical 1 ราย และสินค้าใหม่ CCP(อุปกรณ์ด้านโทรคมนาคม) 1 ราย ซึ่งบริษัทจะเริ่มการผลิตสินค้าใหม่ต้นปีหน้าและเริ่มรับรู้รายได้เต็มที่ในไตรมาส 3/56 และหวังผลต่อเนื่องสู่การขยายตลาดในญี่ปุ่น โดยรวมมองว่าการฟื้นตัวจะกลับสู่ปกติยังต้องใช้เวลาอีก 2 ไตรมาสกว่าจะเห็นผลของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:59:45

ความคิดเห็นที่ 62 5555555 ถูกใจจุงเบยงับ คุณใหญ่ฯใส่ไข่พะโล้มาด้วย ไข่ตั้ง  2  ลูก  ใส่ในพะโล้ไข่ดำหมดเลยยยยย จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 10:01:05

ความคิดเห็นที่ 63 ครับพี่จิ๋วหายไปหลายวันเลยนะครับตอนนี้อยู่เมืองไทยหรือเทศครับ จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 10:02:24

ความคิดเห็นที่ 64 - ภารกิจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันนี้มีกำหนดออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ไปยังท่าอากาศยานเมืองคยา กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - อินเดีย สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ 20-21 ธันวาคม 2555 และการเยือนสาธารณรัฐประชาชนบังคลาเทศอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 21- 22  ธันวาคม 2555 - ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล - นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นัดเปิดใจสื่อมวลชนประจำรัฐสภาถึงการทำงานในรอบปี 2555 และเตรียมวิเคราะห์การเมืองในปี 2556 - วันนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง นัดฟังคำสั่งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายอภิราชฐ์บรรณารักษ์ ผู้สมัคร สส.มหาสารคามเขต 1 พรรคภูมิใจไทย ต่อด้วยช่วงบ่ายนัดฟังคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายสุเทพ เข้มแข็งปรีชานนท์ ผู้สมัคร สส.นครปฐม เขต 4 พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน - ขณะที่ ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์คดี 24 แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในข้อหาก่อการร้าย หลังจากนั้นมีนัดฟังคำสั่งผลไต่สวนชันสูตรศพ ด.ช.คุณากร หรืออีซา ศรีสุวรรณ อายุ14 ปี ถูกยิงที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ เมื่อวันที่15 พ.ค. 2553 โดยเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง คดีนี้นับเป็นศพที่ 4 หลังจาก 3 คดีในลักษณะเดียวกันก่อนหน้านี้ศาลมีคำสั่งว่าเสียชีวิตจากกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศอฉ. - สำนักงานอัยการสูงสุด นัดฟังคำสั่งคดีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งแนวร่วม 114 ราย ร่วมกันชุมนุมปิดล้อมท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 - พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีทุจริตการระบายสต๊อกข้าวของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ขยายผลมาจากที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ แถลงผลการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการระบายข้าวย้อนหลัง 3 ปีระบุว่า พบข้อผิดสังเกตจากการขายข้าวให้บริษัทเอกชนในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ - ประเด็นเศรษฐกิจวันนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทย และยอดส่งออกรถยนต์เดือนพฤศจิกายน 2555 - กรมธุรกิจพลังงาน นัดแถลงข่าวประจำเดือน เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำมันเชื้อเพลิง อาคารศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ (ENCO) - ด้านผู้บริโภคและเครือข่ายธรรมาภิบาลมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคร่วมกับเครือข่ายด้านพลังงาน ร่วมรณรงค์กิจกรรมหยุดขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี ขึ้นป้ายยักษ์ตีแผ่ความจริง "ก๊าซหุงต้ม ใครปล้นคนไทย"วันนี้เวลา 15.00-18.00 น. ณ สะพานลอยและรอบลานอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ - ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แถลงข้อมูลสรุปภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์เดือนพฤศจิกายน 2555 ณ ห้องประชุม 1104 ชั้น 11 อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ -  ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม จัดพิธีเปิดงานมหกรรมลดภาษีนาทีสุดท้ายด้วย LTF & RMF พร้อมแถลงข่าวภาพรวมธุรกิจกองทุนรวมในปี 2555 และทิศทางแนวโน้มในปี 2556 ณ บริเวณ Eden Zone ชั้น 1 ศูนย์การค้า Central World - บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) แถลงผลประกอบการปี 55 ทิศทางปี 56 ที่จามจุรีสแควร์ ชั้น 32 - วันนี้เป้นวันแรกที่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) จำนวน 5,400 เมกะวัตต์(MW) ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทั้งหมด เงินลงทุน 1.134 แสนล้านบาท โดย กกพ.จะเปิดขายซองเอกสารเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ 20 ธันวาคม 2555 ถึง 21 มกราคม 2556 และกำหนดยื่นข้อเสนอ 12 มีนาคม และพิจารณาคัดเลือกเสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายน 2556 - บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า เปิดตัวประธานกรรมการบริหารของบริษัทฯคนใหม่ ณ โรงแรมแชงกรี-ล่า ถ.เจริญกรุง - บริษัท ทรู ดิจิตอล พลัส จำกัด แถลงข่าวเปิดตัวเกมออนไลน์ “TY Online” พร้อมรับฟังข้อมูลรายละเอียดเกม พร้อมสัมภาษณ์ผู้บริหาร ที่ เซ็นทรัลเวิลด์ - สมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ร่วมกับกรุงเทพมหานครและรถไฟฟ้าบีทีเอส จัดพิธีเปิดและส่งมอบทางเดินสกายวอล์ก และส่งมอบสวนเกาะกลางถนนย่านราชประสงค์ ในรูปแบบสวนแนวตั้งรอบตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอส หนึ่งในโครงการ "84 สายถวายในหลวง" เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวเนื่องในโอกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 85 พรรษา ณ ด้านหน้าศูนย์การค้าเกษร จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 10:26:17

ความคิดเห็นที่ 65 กลยุทธ์วันนี้ Sell into Strength ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ทะลุแนว 1370 จุด ปิดที่ 1378.40 จุด บวก 15.46 จุดหรือ 1.13% มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 44,673 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 อีก 1,735 ล้านบาท แต่กลับมา Short สุทธิ Index Futures อีกครั้ง 325 สัญญา พร้อมซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 อีก 5,835 ล้านบาท มมองของ MBKET ต่อทิศทาง SET INDEX วันนี้เชื่อว่าจะกลับมาแกว่งตัวในกรอบแคบ 1,380+/- จุด เพียงแต่ Downside Risk จำกัด จากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย ด้วยนโยบายการพิมพ์เงินจากธนาคารกลางหลักอย่าง เฟด – ECB – BoJ ทั้งนี้ BoJ มีการประชุมในวันนี้ ตลาดคาดว่าจะมีการอัดฉีดสภาพคล่องส่วนเกินอีกครั้ง เพื่อสอดรับกับแนวการทำงานของว่าที่นายกรัฐมนตรีนาย Abe ขณะที่การโหวตแผนจากนาย Boehner ของสภาล่างสหรัฐฯ เชื่อว่าการลงคะแนนคืนนี้จะไม่ผ่าน และเป็นเกมส์การเมืองที่ต้องการกดดันให้ประธานาธิบดี โอบามา และพรรค Democrat ผ่อนปรนการขึ้นภาษีของผู้มีรายได้สูง และเร่งการลดการใช้จ่าย ซึ่งเป็นส่วนที่พรรค Republican ต้องการความชัดเจน ประเด็นสำคัญวันนี้: การประชุม BoJ และการโหวตแผนแก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลังสหรัฐฯ MBKET แนะนำให้ “ขายทำกำไรอีก 5% ของพอร์ตบริเวณ 1,375+/- จุด” กลับมาถือพอร์ตหุ้น 50% และเงินสด 50% กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “ขายทำกำไร 5% ของพอร์ตที่ 1,375 +/- จุด” พร้อม “ทยอยสะสม” BTS กลยุทธ์ทางเลือกวันนี้: MBKET แนะนำ “พอร์ตเล่นรอบรายวัน พิจารณาจังหวะเข้าเปิด Long ช่วงย่อ เพื่อดักการดีดกลับ เพราะยังไม่มีสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม จากรอบแกว่งขึ้น เป็นขาลง” Stop loss< 916 จุด Sell into Strength: VNT/AMATA/ MAJOR/ SPCG/ SMT/ BTS/ PJW/ IRPC/ TPIPL/ RCI/ MK/ INET/ BCP/ BBL/ KTB/ BAY/ KK/PTTGC/ QH/ MFEC/ LOXLEY/ TRUE/ SIMAT/ KCE Accumulative Buy: BTS แนวรับ 1363 +/-  จุด แนวต้าน 1385 +/- จุด ถือครองในส่วนที่เหลือ เพื่อคาดหวังการเข้าทดสอบเป้าหมายที่ให้  และยกแนวปิดขายทำรอบขึ้นเล็กน้อยเป็น 1350 เพื่อรักษาผลกำไรในส่วนที่เหลืออยู่ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 10:27:40

ความคิดเห็นที่ 66 รายงานราคาทอง (ทองคำ 96.5%) ประจำวันที่ 20 ธันวาคม 2555 ตามประกาศ ของสมาคมค้าทองคำ ซื้อ (บาท)                     ขาย (บาท) ทองคำแท่ง                     24,150.00                           24,250.00 ทองรูปพรรณ                    23,801.20                          24,650.00 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 55 10:31:06 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 10:30:19

ความคิดเห็นที่ 67 กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส - บีโอเจอาจจะประกาศอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติมในวันนี้ - การเจรจา Fiscal cliff ของสหรัฐเริ่มสะดุด - ทองคำยังมีแนวต้านที่ 1,680/1,690 ดอลลาร์ - ราคาทองคำปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ถึงแม้ราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากการเจรจาต่อรองเพื่อแก้ไข fiscal cliff ประสบปัญหา ซึ่งประธานาธิบดีโอบามาขู่ที่จะวีโต้แผนภาษีของพรรครีพับลิกัน อย่างไรก็ดีทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตแสดงความเชื่อมั่นว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงกันได้ แต่มีปัจจัยลบจากตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐที่ออกมาดี โดยตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 0.90 ล้านหน่วย สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 0.88 ล้านหน่วยและสูงกว่าเดือนต.ค.ซึ่งอยู่ที่ 0.87 ล้านหน่วย - การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ดำเนินการ 2 วันตั้งแต่เมื่อวานต่อเนื่องถึงวันนี้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจจะประกาศมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในวันนี้หรืออย่างช้าเป็นการประชุมครั้งถัดไป โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านล้านเยน หลังจากที่ทางพรรค LDP มีนโยบายให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นผ่อนคลายมาตรการทางการเงินแบบไม่จำกัดและยอดส่งออกเดือนพ.ย.ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินเยนเมื่อเทียบดอลลาร์อ่อนค่าลงในรอบมากกว่า 1 ปีครึ่ง แต่จากเม็ดเงินที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น เป็นปัจจัยลบต่อราคาทองแท่งในประเทศและราคาโกลด์ฟิวเจอร์ส - จากการปรับฐานลงของราคาทองคำอย่างแรง รวมทั้งการเจรจาเพื่อแก้ปัญหา Fiscal cliff อาจสะดุดลงและยังไม่บรรลุข้อตกลงในเร็ววันนี้ ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่การฟื้นตัวของราคาทองคำยังมีกรอบจำกัด โดยแนวต้านระยะสั้นยังอยู่ที่ 1,680 ดอลลาร์และ 1,690 ดอลลาร์ตามลำดับ ขณะแนวรับอยู่ที่ 1,660 ดอลลาร์ โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนก.พ.56 Close   chg.  Support        Resistance 24,520  -80   24,500/24,400  24,600/24,750 การเจรจาเพื่อแก้ปัญหา Fiscal cliff ที่สะดุดลงและยังไม่บรรลุข้อตกลงในเร็ววันนี้ ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่การฟื้นตัวคาดยังติดแนวต้านที่ 1,680 ดอลลาร์และ 1,690 ดอลลาร์ตามลำดับ ส่วนการเก็งกำไรฝั่งซื้อนำสัญญาเดือนก.พ. 56 รอให้ราคาปรับฐานลงมาที่ 1,660 ดอลลาร์ และปิดสถานะซื้อที่บริเวณ 1,680-1,690 ดอลลาร์ และเก็งกำไรฝั่งขายเมื่อราคาฟื้นตัวขึ้นมาที่แนวต้าน 1,680 ดอลลาร์และ 1,690 ดอลลาร์ตามลำดับ ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนก.พ.56 Close  chg.  Support  Resistance 969    -6    980      1,000/1,010 ราคาโลหะเงินคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 30.80-32.50 ดอลลาร์ ดังนั้นแนะนำซื้อขายกรอบแนวรับแนวต้านดังกล่าว การดีดตัวของราคาโลหะเงินที่บริเวณ 32.50 ดอลลาร์อาจเลือกเปิดสถานะขาย กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส Price Movement ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดที่ 1,667.70 USDต่อออนซ์ ลดลง 3 USDต่อออนซ์ มีความเคลื่อนไหวในกรอบ 1,663 - 1,676 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำยังทรงตัวเหนือระดับ 1,660 ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ เนื่อจากการเจรจาต่อรองเรื่อง fiscal cliff มีแนวโน้มชะลอตัว หลังจากมีความขัดแย้งภายในระหว่างผู้นำทางการเมืองของสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้ฟิทช์? เตือนว่าสหรัฐอาจสูญ?เสียอันดับ?เครดิตที่ AAA หากล้ม?เหลวการหลีก?เลี่ยงหน้าผา?การคลัง นอกจากนั้น ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนการราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจาก สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลง?ในสัปดาห์ที่?แล้ว ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังมีแนวโน้วผันผวน ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากช่วงใกล้เทศกาลหยุดยาว ดังนั้น แนะนำให้ลด Port การลงทุนในช่วง 2 สัปดาห์นี้ โดยวันนี้ ราคาทองคำแม้จะยังมีแนวโน้มเชิงลบ แต่ก็ยังได้รับปัจจัยบวกจากความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเงินในยูโรโซน และจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่งกระจายการลงทุนเข้าสู่ทอง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการอ่อนค่าของค่าเงิน US dollar อาจเป็นแรงหนุนราคาทองคำในวันนี้ โดยจับตาดูกรอบ 1,664 — 1,675 หากทะลุผ่านด้านใด มีโอกาสปรับไปในทิศทางนั้นได้อีก 10 — 15 เหรียญ ทั้งนี้ การหลุดแนวรับ 1,660 เป็นแนวโน้มเชิงลบมากขึ้น Spot Gold Technical Analysis ราคาทองคำหลังจากลงมาทดสอบแนวรับสำคัญระดับ 1,660 สามารถทรงตัวได้ โดยยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1,664 — 1,675 ซึ่งหากทะลุผ่านด้านไหน มีโอกาสไปทิศทางนั้นได้อีก 10 — 15 เหรียญ ทั้งนี้ ภาพรวมของราคาทองคำยังเป็นลบ ดังนั้น ในทุกระดับแนวต้านอาจมีแรงขายทำกำไร จึงแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังในการลงทุน โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,664/1,660 หากหลุดแนวรับทั้ง 2 มีโอกาสลงไปทดสอบบริเวณ 1,645 ขณะที่การทะลุผ่านแนวต้าน 1,675 มีโอกาสทดสอบแนวต้านระดับ 1,685/1,700 Key Point in Precious Market - ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ ค่าเงิน USD แข็งค่า ( - ), ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น (+), ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อลดลง ( - ), การลด Position ของนักลงทุนในช่วงปลายปี ( - ), ความคืบหน้าในเรื่อง Fiscal Cliff มากขึ้น ( - ), S&P ปรับ?เพิ่มอันดับ?เครดิตกรีซ ( + ) ฟิทช์?เตือนสหรัฐอาจสูญ?เสียอันดับ?เครดิต ( + ) - ประเด็นที่ต้องติดตาม การแก้ปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐ - การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ วันพฤหัสบดี ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน รายสัปดาห์, GDP ไตรมาส 3/2012, ยอดขายบ้านมือสอง เดือน พ.ย., ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม เดือน ธ.ค. โดย เฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ เดือน พ.ย., ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย เดือน ต.ค. วันศุกร์ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน(ไม่รวมยานพาหนะ) เดือน พ.ย., รายจ่ายส่วนบุคคล เดือน พ.ย., รายได้ส่วนบุคคล เดือน พ.ย., ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศ เดือน พ.ย. โดย เฟดสาขาชิคาโก, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ช่วงท้ายเดือน ธ.ค. โดย ม.มิชิแกน - SPDR ถือทองจำนวน 1,350.52 ตัน Spot Silver ราคาโลหะเงินปิดที่ 31.12 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 30.9 - 31.0 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ยังถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิมที่ 9,871.29 ตัน คาดว่าวันนี้มีแนวรับบริเวณ 30.6/30.3 แนวต้านบริเวณ 31.2/31.5 แนะนำนักลงทุน Trading ในกรอบแนวรับ-แนวต้าน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 10:49:40

ความคิดเห็นที่ 68 สรุปแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2) ชื่อบริษัท     ชื่อผู้บริหาร                                 ความสัมพันธ์*     ประเภท         วันที่รับเอกสาร         วันที่ได้มา/         จำนวน            ราคา     วิธีการได้มา/ หมายเหตุ หลักทรัพย์                                จำหน่าย                                                 จำหน่าย BBL            กุลธิดา    ศิวยาธร                     ผู้จัดทำ              หุ้นสามัญ         19/12/2555        14/12/2555    6,000               193.33           ขาย BGH            ปราเสริฐ       ปราสาททองโอสถ    ผู้จัดทำ             หุ้นสามัญ         29/11/2555        28/11/2555    139,300           108.00           ซื้อ            แก้ไขข้อมูล BGH            ปราเสริฐ       ปราสาททองโอสถ    ผู้จัดทำ             หุ้นสามัญ         19/12/2555        17/12/2555    75,000            112.00            ซื้อ BGH            ปราเสริฐ       ปราสาททองโอสถ    ผู้จัดทำ             หุ้นสามัญ         19/12/2555        18/12/2555    103,000           111.00           ซื้อ SUSCO        ชัยฤทธิ์    สิมะโรจน์                    ผู้จัดทำ             หุ้นสามัญ         19/12/2555        14/12/2555    5,000,000          0.00               โอนออก SUSCO        พยุง    บุญศิริ                             ผู้จัดทำ              หุ้นสามัญ         19/12/2555        13/12/2555    2,000,000          3.36               ซื้อ SUSCO        ภิมุข    สิมะโรจน์                        ผู้จัดทำ             หุ้นสามัญ         19/12/2555        17/12/2555    100,000           3.26               ซื้อ ERW            วิฑูรย์    ว่องกุศลกิจ                    ผู้จัดทำ             วอร์แรนท์      19/12/2555         17/12/2555    2,000,000          1.47               ซื้อ ERW            วิฑูรย์    ว่องกุศลกิจ                    ผู้จัดทำ             หุ้นสามัญ         19/12/2555        18/12/2555    800,000           4.22               ซื้อ ERW            วิฑูรย์    ว่องกุศลกิจ                    ผู้จัดทำ             วอร์แรนท์      19/12/2555         18/12/2555    1,676,800          1.47               ซื้อ TVD            ทรงพล    ชัญมาตรกิจ                 ผู้จัดทำ              หุ้นสามัญ         19/12/2555        17/12/2555    2,759,200          6.05               ซื้อ TLUXE        ศักดิ์ริน    ชูศักดิ์ตระกูล                ผู้จัดทำ             หุ้นสามัญ         19/12/2555        17/12/2555    9,000               4.10               ซื้อ KSL            พรศิลป์    แต้มศิริชัย                    คู่สมรส             วอร์แรนท์      19/12/2555         18/12/2555    70,083            3.39                ขาย DRT            สุวิทย์    แก้วอำพันสวัสดิ์             ผู้จัดทำ              หุ้นสามัญ         19/12/2555        18/12/2555    40,000            7.35                ขาย DRT            สุวิทย์    แก้วอำพันสวัสดิ์             ผู้จัดทำ              หุ้นสามัญ         19/12/2555        18/12/2555    40,000            7.40                ขาย PAE            รัฐชัย    ภิชยภูมิ                         ผู้จัดทำ              หุ้นสามัญ         19/12/2555        17/12/2555    500,000           0.00               รับโอน PAE            รัฐชัย    ภิชยภูมิ                         ผู้จัดทำ              หุ้นสามัญ         19/12/2555        17/12/2555    500,000           1.16               ขาย PPC            ยง    อารีเจริญเลิศ                          ผู้จัดทำ             หุ้นสามัญ         19/12/2555        18/12/2555    1,395,600          54.00            ขาย PPC            ฤณฤทัย    อารีเจริญเลิศ                   ผู้จัดทำ              หุ้นสามัญ         19/12/2555        18/12/2555    1,594,399          54.00            ขาย MINT         วิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค                     ผู้จัดทำ              วอร์แรนท์4     19/12/2555        18/12/2555    193,000           8.92               ซื้อ SIRI         ทัศนิน     มหาอำมาตยาธิบดี         ผู้จัดทำ              หุ้นสามัญ         19/12/2555        17/12/2555    100,000           3.54               ขาย SIRI         ทัศนิน     มหาอำมาตยาธิบดี         คู่สมรส              หุ้นสามัญ         19/12/2555        18/12/2555    100,000           3.50               ซื้อ HMPRO        วทัญญู    วิสุทธิโกศล                    ผู้จัดทำ             หุ้นสามัญ         19/12/2555        17/12/2555    100,000           12.50            ขาย จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 10:55:40

ความคิดเห็นที่ 69 หุ้น CPI ราคาวิ่งขึ้นชนซิลลิ่ง 29.36% มาอยู่ที่ 7.05 บาท เพิ่มขึ้น 1.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 14.61 ล้านบาท เมื่อเวลา 9.57 น. โดยเปิดตลาดที่ 7.05 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 7.05 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 7.05 บาท เช้านี้ บมจ. ชุมพรอุตสาหกรรมน้ามันปาล์ม(CPI)แจ้งว่า คณะกรรมการมีมติจ่ายปันผลเป็นหุ้นปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสามัญ สำหรับงวดดำเนินงานวันที่ 01 ม.ค.2555 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2555 ในอัตราการจ่ายหุ้นปันผล 1 หุ้นเดิม : 1 หุ้นปันผล คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเป็นหุ้น 1.00 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date)ในวันที่ 30 ม.ค. 2556 และปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับในวันที่ 31 ม.ค. 2556 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2556 บมจ. ชุมพรอุตสาหกรรมน้ามันปาล์ม (CPI) แจ้งการพิจารณาปันผล เรื่อง                                         : จ่ายปันผลเป็นหุ้นปันผลและเงินสด วันที่คณะกรรมการมีมติ                             : 19 ธ.ค. 2555 ชนิดการปันผล                                   : จ่ายปันผลเป็นหุ้นปันผลและเงินสด วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date)      : 30 ม.ค. 2556 วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับ         : 31 ม.ค. 2556 ปันผล ตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD)                         : 28 ม.ค. 2556 จ่ายให้กับ                                      : ผู้ถือหุ้นสามัญ อัตราการจ่ายหุ้นปันผล(หุ้นเดิม :หุ้นปันผล)              : 1 : 1 อัตราการจ่ายปันผลเป็นหุ้น (บาทต่อหุ้น)                : 1.00 อัตราการจ่ายหุ้นปันผล คำนวณจาก                    : มูลค่าที่ตราไว้ อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด (บาทต่อหุ้น)             : 0.00 จ่ายจากกำไรสุทธิ                                : 0.00 ส่วนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (NON-BOI)(บาท/หุ้น) จ่ายจากกำไรสุทธิ ส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน       : 1.00 (BOI)(บาท/หุ้น) อัตราการจ่ายปันผลรวม (บาทต่อหุ้น)                  : 1.00 มูลค่าที่ตราไว้ (Par)(บาท)                        : 1.00 จ่ายปันผลจาก                                   : งวดดำเนินงานวันที่ 01 ม.ค.2555 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2555 และ                                            กำไรสะสม หมายเหตุ                                                              : อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมของบริษัทฯ โดยจ่ายจากกำไรสุทธิ ของกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท โดยจ่ายเป็นหุ้นปันผล ในสัดส่วนหุ้น สามัญ 1 หุ้น ต่อหุ้นปันผล 1 หุ้น นอกจากนี้อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติลดทุนจดทะเบียนลงจ้านวน 501 บาท คงเหลือทุนจด ทะเบียน 280,289,020 บาท โดยตัดหุ้นสามัญที่ยังมิได้ออกจำหน่ายลงจำนวน 501 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 280,289,020 บาท โดย การ ออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 280,289,020 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อจัดสรรเป็นหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ของ บริษัทฯ โดยให้คณะกรรมการบริษัท เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณากำหนดข้อกำหนด เงื่อนไข และรายละเอียดอื่นใด ในการจัดสรรต่างๆ ซึ่งจะทำให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากเดิม 280,289,020 บาท เพิ่มเป็น 560,578,040 บาท โดย แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 560,578,040 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล อนุมัติให้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2556 ในวันที่ 24 มกราคม 2556 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2556 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 10:57:25

ความคิดเห็นที่ 70 บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็งจำกัด วิเคราะห์ว่า แบริษัทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 9 แห่งที่บริษัทศึกษาอยู่ ตั้งเป้ายอดพรีเซลล์ในปี 2556 เติบโต 20% ต่ำกว่าปีนี้ที่เติบโต 32% ขณะที่งานในมือรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก)ของกลุ่ม ณ สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 1.91 แสนล้านบาท โดยประมาณ 28% หรือ 5.3 หมื่นล้านบาท จะบันทึกเป็นรายได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ และจะส่งผลให้ผู้ประกอบการเช่น แสนสิริ ศุภาลัย แอลพีเอ็น และ ไรมอน แลนด์ มีผลประกอบการสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และหนุนราคาหุ้นไปอยู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปี อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้าจะอ่อนตัวลง จากไตรมาสก่อนหน้า จาปัจจัยแบ็คล็อกที่ลดลง และอาจเกิดภาวะหน้าผาผลตอบแทน หรือ Earning Cliff ในหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย ซึ่งคาดว่าการลงทุนในกลุ่มนี้จะได้รับความสนใจลดลงช่วงต้นปี2556 ทั้งนี้ ในช่วงปี 2552-2555 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์คุ้นเคยกับนโยบายจากภาครัฐ ที่ต้องการต้องการกระตุ้นอุปสงค์ และพยุงค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการ ส่งผลให้ยอดการขาย (พรีเซลล์) ของกลุ่มเติบโตโดดเด่นในระดับ 29-41% และเป็นแรงหนุนให้มูลค่าขายเกินระดับ 1 แสนล้านต่อปีตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา สำหรับปี 2555 คาดว่าพรีเซลล์ ของกลุ่มจะเติบโต 32% หรือเท่ากับ 1.74 แสนล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ฟื้นตัวหลังอุทกภัยและนโยบายกระตุ้นจากภาครัฐ แต่ด้วยภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลที่สูงขึ้นจากการใช้เงินอุดหนุนในนโยบายอื่นๆ เ จึงคาดว่าปี 2556 จะไม่เห็นการออกนโยบายกระตุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมคาดว่าจะส่งผลให้ระดับพรีเซลล์เติบโตต่ำกว่าปีนี้ 20% นอกจากนี้ ปัญหาแรงงานขาดแคลนและการปรับเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำตั้งแต่ปี 2555 จะส่งผลให้การก่อสร้างในปี 2556 ล่าช้าทั้งกลุ่มแนวราบและแนวสูงเนื่องจากผู้รับเหมาเริ่มมีศักยภาพในการรับงานลดลง ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ที่ผู้ประกอบบางรายเริ่มไม่สามารถส่งมอบโครงการได้ตามกำหนด บริษัทจึงได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เท่ากับตลาด จากเดิมให้น้ำหนักมากกว่าตลาดเนื่องจากประเมินว่ากลุ่มที่อยู่อาศัยจะเริ่มมีการอัตราการเติบโตที่อ่อนตัวกว่าปี 2555 โดยคาดกำไรต่อหุ้น ( EPS)ของกลุ่มในปี 2556 จะเติบโต 11% จากปีก่อนหน้า ต่ำกว่าปี 2555 ที่เติบโต 17% และความเสี่ยงของกลุ่มเรื่องความล่าช้าการก่อสร้างจะเป็นปัจจัยถ่วงการเติบโตและเพิ่มความผันผวนของของรายได้ในปี 2556 ด้านนักวิเคราะห์จากบล.ทิสโก้ ระบุว่า จากการเข้าร่วมประชุมกับประธานสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย พบว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความระวังต่อฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นและพร้อมที่จะใช้มาตรการในการป้องกัน เช่น การเพิ่มสัดส่วนวงเงินต่อมูลค่าบ้านขึ้น และโครงการคอนโดอาจมีความยุ่งยากมากขึ้นหากผู้พัฒนาอสังหาฯ ต้องการของรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือนในการอนุมัติก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากตลาดแรงงานที่จำกัด และปีหน้ามีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งจะทำให้แรงงานมีการอพยพไปต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น ส่วนแรงงานต่างด้าวสามารถทำงานได้ในพื้นที่ที่ลงทะเบียนเท่านั้น จึงคาดว่าปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ยอดจองมีการเติบโตที่ลดลง โดยเฉพาะโครงการประเภทคอนโด และอาจมีการปรับขึ้นราคาเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น รูปหล่อบรอนซ์เป็นส่วนหัวของคนงานนายนี้ โผลอยู่ที่ทางเดินเท้าแถบ Bratislava  โดยมีความเชื่อกันว่าใครได้แวะลูบจมูกเขาจะโชคดี จมูกของเขาเลยถูกลูบเสียมันวับเลยทีเดียว.... จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 11:20:11

ความคิดเห็นที่ 71 อิอิ ......... เจ้หายปายหนายงับ จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 11:31:17

ความคิดเห็นที่ 72 ปัจจุบันการเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด มีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น หลังจากมีผู้ให้บริการเดินเรือโดยสารจำนวน 3 ราย ได้แก่ 1.กลุ่มเรือด่วนนิลมังกร เปิดบริการมา 9 ปี วันนี้ลงทุนซื้อเรือใหม่ และเปลี่ยนชื่อมาเป็นเรือเกาะกูด ปริ๊นเซส 2.กลุ่มเรือเกาะกูด เอ็กซ์เพรส ให้บริการเรือด่วนเป็นปีที่ 2 และ 3.กลุ่มบริษัทแหลมศอก ซี.พี. ให้บริการเรือเร็ว (สปีดโบ๊ต) ล่าสุด บริษัท บุญศิริเรือเร็ว จำกัด ได้เตรียมลงทุนเปิดให้บริการเรือโดยสาร "เกาะกูด แฟนตาซี" โดยจะเปิดเส้นทางเดินเรือเชื่อมจากท่าเรือแหลมศอก-เกาะช้าง-เกาะหมาก-เกาะกูด ภายในเดือนกันยายน 2556 เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศระดับไฮเอนด์ นางสาวมโนรส หนูแก้ว เจ้าของเรือเกาะกูด ปริ๊นเซส หรือเรือด่วนนิลมังกร เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวเกาะกูดเป็นจำนวนมาก ทั้งในช่วงวันหยุดยาวและฤดูกาลท่องเที่ยว โดยมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ประมาณ 40-50% ส่งผลให้ธุรกิจเรือโดยสารขยายตัวไปด้วย ซึ่งกลุ่มเกาะกูด ปริ๊นเซสได้ลงทุนต่อเรือโดยสารขนาดใหญ่เพิ่มอีก 1 ลำ ขนาด 3 ชั้น รองรับผู้โดยสารได้ 300 คน เปิดบริการไปแล้วเมื่อต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนเรือด่วนนิลมังกรบรรจุผู้โดยสารได้ 120 คน เตรียมไว้ให้เช่าเหมาและสำรองไว้รับนักท่องเที่ยวเพิ่มเติม ด้านนายสุบิน บุญแดง ประธานบริษัท เกาะกูด เอ็กซ์เพรส จำกัด และประธานชมรมท่องเที่ยวเกาะกูด กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันหยุดยาวและวันหยุดนักขัตฤกษ์ต้องเพิ่มบริการเป็นวันละ 2 เที่ยว และได้เตรียมเรือลำที่ 3 ไว้แล้วเพื่อใช้เป็นเรือเช่าเหมาเพิ่มเติม และจัดโปรแกรมเรือท่องเที่ยวพิเศษ เส้นทางเชื่อมระหว่างเกาะกูด เกาะหมาก และเกาะช้าง "เกาะกูด เอ็กซ์เพรส เป็นการร่วมลงทุนของกลุ่มผู้ประกอบการรีสอร์ตจึงมีเครือข่ายให้บริการเกือบ 10 แห่ง ช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาวจึงมีนักท่องเที่ยวใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย" ด้านนายเฉลิม ธงชัย ผู้จัดการ บริษัท แหลมศอก ซี.พี. จำกัด เจ้าของเรือเร็วหรือสปีดโบ๊ตกล่าวว่า ในปี 2555 มีปริมาณนักท่องเที่ยวใช้บริการเรือสปีดโบ๊ตใกล้เคียงกับปี 2554 แต่ในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาวปริมาณนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวบางกลุ่มต้องการเดินทางสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ค่าโดยสารเที่ยวละ 600 บาท ขณะที่นายทศพล ปิยะพิทักษ์วงศ์ ประธานบริษัท บุญศิริเรือเร็ว จำกัด เจ้าของเกาะกูด แฟนตาซี เปิดเผยว่า บริษัทลงทุน 84 ล้านบาท เตรียมเปิดบริการเรือโดยสาร ขนาด 200 ที่นั่ง จากท่าเรือแหลมศอกไปเกาะช้าง เกาะหมาก เกาะกูด ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2556 เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบนชาวต่างประเทศและรองรับตลาดอาเซียน เพราะเกาะกูดเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่บริสุทธิ์ การเดินทางสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย ทันสมัย และมีรีสอร์ตเพียงพอที่รองรับได้ "ในอนาคตเมื่อเปิดเออีซีแล้วจะมีการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวเกาะกง กัมพูชา กับเกาะต่าง ๆ ของจังหวัดตราด เพื่อรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นด้วย" ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมการท่องเที่ยวจังหวัดตราด รายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวจังหวัดตราดในปี 2554 ว่า มีนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 1,037,272 คน เป็นคนไทย 810,145 คน ชาวต่างชาติ 227,127 คน แบ่งเป็นเกาะช้าง 595,752 คน เป็นคนไทย 407,695 คน ชาวต่างชาติ 188,057 คน เกาะหมาก 125,745 คน เป็นคนไทย 114,563 คน ต่างชาติ 11,182 คน เกาะกูด 105,101 คน เป็นคนไทย 96,260 คน ต่างชาติ 8,841 คน ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวในตัวเมืองตราด จำนวน 210,674 คน เป็นคนไทย 191,627 คน และต่างชาติ19,047 คน ขณะที่สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตราดคาดการณ์ว่า ปี 2555 จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 11:48:53

ความคิดเห็นที่ 73 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในเดือน พ.ย.55 ว่า ณ สิ้นเดือน พ.ย.55 อยู่ที่ 1,324.04 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 1.94% จากสิ้นเดือน ต.ค.55 และปรับเพิ่มขึ้น 29.13% จากสิ้นปี 54 ขณะที่ Market Capitalization ของ SET และ mai ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ โดยตลาด SET อยูที่ 11,091,627 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.92% จากสิ้นปี 54 และ mai อยู่ที่ 124,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.72% จากสิ้นปี 54 ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai  ในเดือน พ.ย.55 อยู่ที่ 35,933 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.61%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผู้ลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิรวม 6,300 ล้านบาท หลังจากขายสุทธิในเดือน ต.ค.สอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในภูมิภาค บรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ในเดือน พ.ย.55 ได้รับอานิสงส์จากตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกส่วนใหญ่ที่ปรับตัวดีขึ้น จากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอเมริกาที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว การเริ่มมีสัญญาณการประนีประนอมกันมากขึ้นในการแก้ปัญหาหน้าผาการคลัง(Fiscal Cliff) ของสหรัฐและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้นของกรีซ สำหรับภาวะการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 44.322 สัญญา เพิ่มขึ้น 14.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านการระดมทุน บริษัทจดทะเบียนระดมทุนในรูปตราสารทุน มูลค่า 13,704 ล้านบาท โดนมีการระดมทุนตลาดแรก 2,278 ล้านบาท จากบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ 3 บริษัท และมีการระดมทุนในตลาดรอง 11,426 ล้านบาท สำหรับการระดมทุนใน 11 เดือนแรกของปี 55 มีมูลค่าทั้งสิ้น 141,746 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.07%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผู้ชายใส่สูท หิ้วกระเป๋าเอกสารคนนี้  เอาหัวซุกกำแพง อยู่ที่หน้าอาคาร Ersnt & Young ในนครลอส แองเจลีสของสหรัฐฯ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 11:58:53