ความคิดเห็นที่ 1 เรื่องบางเรื่องเหตุผลได้ อารมณ์ไม่ได้ครับ จากคุณ : ไร้แก่นสาร เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 11:46:35

ความคิดเห็นที่ 2 แต่ทำไม ไม่ว่าตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้นมากขนาดไหน .. คนส่วนใหญ่ ก็ยังซื้อหุ้นกันอยู่ .. ??? ถ้าไม่มีคนส่วนใหญ่เหล่านี้ คนส่วนน้อยที่ซื้อมาตอนวิกฤตก็ไม่มีทางได้กำไรหรอกครับ เพราะถ้าคนส่วนใหญ่กลายเป็นรอวิกฤตกันหมด แล้วใครมาไล่ซื้อตอนขึ้นล่ะ จากคุณ : rockthenroll เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 11:50:25

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้ารู้อนาคตก็ดีสิครับ จากคุณ : กระทงหลงทาง เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 11:57:33

ความคิดเห็นที่ 4 คงเหมือนกับการที่เด็กเกิดขึ้นในทุกๆ วันละมั้งนะ เหมือนเป็นการผลัดใบไม้ รุ่นเก่าหายไป รุ่นใหม่มาต่อ แต่ว่ารุ่นที่มาต่อนั้นจะต่อในช่วงไหน อันนี้แล้วแต่สถานการณ์ บ้างต่อในช่วงกำลังขึ้น บ้างต่อในช่วงเติบโตเต็มที่ บ้างต่อในช่วงอ่อนตัวลง บ้างต่อในช่วงลงเต็มที่ ซึ่งถ้าผมรอที่จะไปต่อตรงข้างล่างสุด ตัวผมเองก็ยังไม่รู้ตอนไหนจะได้ต่อ 5ปี 10ปี 20ปี? ไม่มีใครรู้ แต่ที่ผมรู้และก้าวเดินมา ณ วันนี้ เพราะผมได้รับคำสอนจาก ปะป๊า ผมว่า ลูกอายุยังน้อย เสียหายตอนหนี้ลูกยังหาเงินกลับมาได้ แต่ถ้าลูกยังไม่ทดลอง ทดสอบ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ตอนนี้ แล้วเมื่อไหร่ลูกจะได้ประสบการณ์ละ  รักป๊าสุดๆ เลย ปล. คติที่ผมทำตลอดมา ก็คือ เวลาจะทำอะไร จะคุยและปรึกษา / บอก ทางบ้าน เสมอๆ เพราะเขาจะได้ไม่เป็นห่วง และ ปัญหาก็จะไม่เกิดตามมาด้วย แรกๆ อาจมีปัญหาบ้าง เล็กๆ น้อยๆ แต่เชื่อเถอะ พ่อแม่ ส่วนใหญ่ เขาจะรับฟังเหตุและผลของเรา และสิ่งสุดท้ายที่เราจะต้องทำก็คือ พิสูจน์  ในสิ่งที่เราเชื่อ ในสิ่งเราทำ ให้ออกมาเป็นรูปธรรม ครับผม  จากคุณ : SichatK4 เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:00:22

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ ถูกใจคห.2 แต่กีบหมด อยากก็อปส่งให้น้องชาย(VI)อ่าน มันชอบว่าผมเล่นเก็งกำไรทำให้ตลาดผันผวน แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 12:01:13 จากคุณ : ไร้แก่นสาร เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:00:49

ความคิดเห็นที่ 6 โลภจนกลัวครับ จากคุณ : มะลิ บาน บาน เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:02:45

ความคิดเห็นที่ 7 เราทุกคนต้องกินต้องใช้ทุกวันคับจึงต้องทำกำไรให้ได้ในทุกเดือนทุกปีคับและต้องเป็นกำไรใหม่ๆที่จะทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นด้วยคับ จากคุณ : TNDS เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:03:02

ความคิดเห็นที่ 8 หัวใจของคนที่ประสพความสำเร็จ สรุปได้แค่นี้จริงๆ + จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:06:01

ความคิดเห็นที่ 9 บางคนเขาบอกว่า ต้องกินข้าวทุกวัน หยุดก็ไม่มีเงินสิ ^^ แล้วแต่สไตล์มากกว่าครับ แนวพื้นฐาน เล่นแบบเน้นหุ้นคุณค่า ถ้าคนที่เก่งจริงๆ เขาไม่สนใจ set index หรือตลาดหุ้นทั่วโลกหรอกครับ เพราะการซื้อแต่ละครั้ง เขาดูที่มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น และเน้นหุ้นที่มี MOS ต่อให้ SET ไป 2000 จุด หากเจอหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เขาก็ซื้อครับ และตอนนี้ SET ก็ยังคงมีหุ้นแบบนั้นอยู่ จากคุณ : stockhome เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:06:53

ความคิดเห็นที่ 10 ผมซื้อครับ แต่ซื้อเร็วไป จากคุณ : ช า ติ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:15:17

ความคิดเห็นที่ 11 ปกติ ในภาวะวกฤติ คนทั่วไปก็ต้องรู้สึกตื่นตระหนก คิดไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าอะไรมันอาจเลวร้ายยิ่งขึ้น แค่คิดหาทางทำให้ขาดทุนกับหุ้นในมือน้อยที่สุด จนไม่ได้มีเวลาไปสนใจเก็บหุ้นดี ๆ ราคาต่ำ และไม่มีเงินเหลือให้เก็บ เพราะถัวซื้อหุ้นในมือไปหมดแล้วไง ต่างคนต่างคิด...ส่วนใหญ่ มักปล่อยให้อารมณ์พาไป ไม่ว่าจะกลัว หรือ โลภ ก็แล้วแต่ อย่างเวลาหุ้นในมือเราราคาตก เราคิดจะเก็บมันเพิ่มมั้ย ถ้ามองว่ามันเป็นขาลง และไม่มีวี่แววจะกลับตัวเป็นขาขึ้น ในขณะเดียวกัน มีหุ้นหลายตัวที่กลับจากขาลง ณ ราคาต่ำสุดในรอบปี มีสัญญาณชัดเจนจะกลับเป็นขาขึ้น หากมีเงินเท่ากัน คนที่คิดว่า ดูแลพอร์ตตัวเองให้ดี ดีกว่า แค่เตรียมลดทุนของในพอร์ต ดีกว่าไปซื้อหุ้นตัวอื่นเพิ่ม...กรณีนั้น ก็ไม่ถือว่าคิดผิด แต่ีอีกทางให้เลือก เอาเงินไปเก็บตัวที่กำลังจะขึ้น รอทำกำไร ยังไงก็ได้เงินเพิ่มขึ้นมาแน่ ๆ ตัวที่อยู่ในพอร์ต หากจะขึ้นมันก็ขึ้นเอง ไม่คิดซื้อถัว...แบบนี้ ก็ถือว่าไม่ผิด ได้ใช้เงินต้นที่นอนนิ่ง ๆ เพิ่มกำไรให้พอร์ต ไม่ว่าทางไหน กำไรในพอร์ตก็เพิ่มเหมือนกัน แต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น คนที่หมั่นลดทุนในพอร์ต กว่าจะได้เห็นผลก็ในระยะยาว ที่หุ้นกลับตัวเป็นขาขึ้นหมดแล้ว กำไรรวมของพอร์ตจะดูดี หุ้นทุกตัวเขียวขจีไปหมด....คนที่เห็นโอกาสทำกำไรระยะสั้น โดยปล่อยให้หุ้นในพอร์ตรอราคาเป้าหมาย ก็ได้ผลกำไรในระยะสั้น หุ้นในพอร์ตอาจจะแดง ๆ เขียว ๆ แต่ทุนในมือเพิ่มขึ้นแล้ว เมื่อไหร่เป็นขาขึ้น ซื้อตามไปอีก ก็ได้กำไรเพิ่มเช่นกัน...สุดท้าย เราอาจมองว่าเป็นสไตล์ของใครของมัน แล้วแต่แนวคิดและการตัดสินใจที่แตกต่างกัน แต่เราว่า ผลตอบแทน มันน่าจะพิสูจน์ได้ ว่าแบบใดดีกว่า.. จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:15:25

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าจุดที่เราซื้อคือจุดต่ำสุดแล้ว? หรืออีกนานแค่ไหนวิกฤตถึงจะผ่านไป... ถ้าโชคดีซื้อตอน hamburger ไม่นานก็รวย แต่ถ้าโชคไม่ดีซื้อตอนต้มยำกุ้ง อาจจะอดตายไปก่อนแล้วก็ได้ - -" แล้ววิกฤตครั้งต่อไป จะเกิดเมื่อไหร่หรือจะกินเวลานานแค่ไหน... ไม่มีใครรู้ จากคุณ : NaChY เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:20:25

ความคิดเห็นที่ 13 เรียนรู้ตาม "หลักการ" แต่... ปรับตัวตาม "สถานการณ์" จากคุณ : Gold-E เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:20:30

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่า... มันอยู่ที่ว่าเราเรียนรู้อะไรมามากน้อยเพียงไหน.. เรามักเห็นผู้อื่น ๆตัดสินใจได้ดีเสมอเช่น ในช่วงวิกฤต แล้วก็รุมซื้อ แต่เราซื้อไม่ได้....ตั้งข้อสังเกตว่า หน้าตาจะไม่ซ้ำกัน ในแต่ละวิกฤตหรอก....เพราะพวกเขาเหล่านั้นก็เรียนรู้มามากน้อยไม่เท่ากัน... จากคุณ : kenchiro89 เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:20:40

ความคิดเห็นที่ 15 โฟกัสหุ้นที่อยู่ใน watch list ดีกว่าครับ ตลาดจะขึ้นจะลงก็ช่างมัน แต่ถ้าหุ้นเราราคาต่ำกว่ามูลค่า มีMOS พอเพียง ทำไมจะไม่ซื้อมัน แล้วจะรอให้เกิดวิกฤตที่ซึ่งไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ ดังนั้น เหตุผลที่เราไม่ซื้อหุ้นคือ หาหุ้นที่ดีในราคาที่ถูกไม่ได้ก็เท่านั้น การคาดเดาว่าตลาดใกล้จะแตกนั้น จะทำให้ผลตอบแทนเราไม่ไปไหน แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 12:23:07 จากคุณ : watmyung เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:22:09

ความคิดเห็นที่ 16 ส่วนใหญ่ตอนช่วงวิกฤติ ไม่มีเงินจะซื้อหุ้น เพราะติดหุ้นหมดแล้ว จากคุณ : โต้คลื่น เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:24:42

ความคิดเห็นที่ 17 รู้แต่ไม่มีเงินนี่ครับ ทำไงได้ จากคุณ : ปุ่ม shift อยู่ไหน เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:24:54

ความคิดเห็นที่ 18 เพราะตอนนั้นติดดอย T_T จากคุณ : vanetwork เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:26:11

ความคิดเห็นที่ 19 กลัวซื้อแล้วมันลงต่ออะครับ ตอนวิกฤติ ถ้า บ ไหนเจ๊ง ราคาหุ้นก็เหลือ 0 ซื้อถูกแล้วอาจจะไม่เหลืออะไรเลยก็ได้ครับ จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 12:52:37

ความคิดเห็นที่ 20 เหนือ high มี new high ต่ำกว่า low มี new low ก็ไม่ได้อะไรหรอก แต่ดูแนวโน้ม turn around ไม่เป็น เลยลงทุนแบบเซฟตัวเอง  +น้อยไม่ว่าแต่ไม่อยากติด - นานๆมันเครียด จากคุณ : Morehula เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 13:02:02

ความคิดเห็นที่ 21 วิกฤติ มันจะเกิดแบบอยู่ๆมันก็โผล่มา แล้วโผล่มาแรกๆคนก็ไม่เชื่อนะว่ามันใช่ เพราะก่อนหน้านี้คนพูดเรื่องวิกฤติ แต่มันก็ไม่เกิดจริงซะที พอของจริงมา คนก็นึกว่าไม่ใช่ หุ้นลงก็ช้อนซื้อๆ รับจนเงินหมดโอ่ง สุดท้ายมารู้อีกทีก็ตอนดอยแล้วว่านี่มันวิกฤตินี่หว่า จริงๆนะ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เราๆท่านๆไม่มีทางรู้หรอกว่า วิกฤติมันจะเกิดเมื่อไร เราๆท่านๆส่วนใหญ่จะรู้เป็นคนเกือบกลุ่มสุดท้ายที่จะรู้ ซึ่งตอนที่รู้กลุ่มที่มีข้อมูลภายในเค้าเผ่นไปนานแล้ว ตอนเรียนอยู่ มีวิทยากรมาพูดให้ฟัง เค้าทำอยู่ธปท.ตอนปี 40 คุณรู้มั้ยเค้ารู้ข่าวล่วงหน้าก่อนไม่นาน สิ่งที่เค้าทำคือ เค้าถึงกลับถอนเงินในธ.มาเก็บไว้หมดเลย ธ.ใหญ่ เล็ก ถอนหมดจ่ิงๆ เช็คก็ไม่เอานะ เอาแต่เงิน แต่คงไม่รู้ลึกถึงขนาดที่เค้าจะลอยตัวค่าเงินมั้ง เมื่องั้นคงเอาไปแลกเป็น us$ หมดแล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่มีทางรู้แน่ครับจนกว่าเค้าจะออกกันหมด สิ่งที่เราจะพอเดาได้คือเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาผ่านกราฟ ถ้ามันผิดปกติ ก็ต้องเลือกที่จะทำอะไรซักอย่าง ของผมก็ยอมขายหมูนะ เพราะยังไงก็ไม่ติดดอยแน่ละ จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 13:05:54

ความคิดเห็นที่ 22 ตลาดหุ้นมักจะตก เวลาที่คนมั่นใจมาก ๆ ครับ สำหรับผม อยู่ห่าง ๆ ตลาดไว้ จากคุณ : yut-san เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 13:23:31

ความคิดเห็นที่ 23 จขกท ซื้อป่าวคับ ^^ จากคุณ : เม่าเริงร่า เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 14:13:14

ความคิดเห็นที่ 24 เพื่อนบอกว่าเวลาเกิดวิกฤติ หุ้นกลุ่มอสังหาจะเริ่มออกอาการก่อนเพื่อน แบบแย่งกันขายอสังหาตัดราคากัน ตามมาด้วยกลุ่มแบงค์ เมื่อไหร่หุ้นสองกลุ่มนี้ออกอาการ แสดงว่าวิกฤติกำลังจะมาครับ แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 15:07:55 จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 15:07:10

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบได้ง่ายๆมากๆ ทุกคนรู้ แต่ ทุกคนก็คิดว่า ฉันหนีได้ทัน หอบกำไรหนีออกมาได้เร็วกว่าคนอื่นๆ เหมือน พวกหุ้นปั่น warrent ทุกคนรู้ดีว่า ปั่น แต่ทุกคนก็คิดว่า เกาะกระแสและกระโดดออกได้เร็วกว่าคนอื่น จากคุณ : wkiet เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 15:07:15

ความคิดเห็นที่ 26 21  จริง ตอนนั้นมีคนรวยเพราะเงิน ยูเอสดอลล่าร์  รวยปลิ้นเลย จากคุณ : The Gollum เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 15:11:37

ความคิดเห็นที่ 27 ซื้อ ทอง ตอนวิกฤต ถือไว้ นานๆๆๆ  ได้กลายเป็น เศรษฐี แน่นอน จากคุณ : kasimasi เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 16:50:15

ความคิดเห็นที่ 28 เก่งครึ่งหนึ่ง+เฮงครึ่งหนึ่ง หากขาดครึ่งใดครึ่งหนึ่ง ก็ประสพความสำเร็จยาก จากคุณ : ไอไอ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 19:00:47

ความคิดเห็นที่ 29 มาอ่าน จากคุณ : PICCANINNY'S DAD เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 11:40:34